“เทพเทือก” ย้ำดำเนินการต่อกลุ่มพันธมิตรฯ ตามขั้นตอนในกรอบของกฎหมาย เตือนถ้าถึงเวลาจัดการเด็ดขาดอย่ามาโวย ปราม “ปณิธาน” พล่ามมั่วข่าวปฏิวัติ โยนนายกฯจัดการ เชื่อพันธมิตรฯ ไม่สามารถสร้างสถานการณ์จนบ้านเมืองเสียหายได้มากกว่านี้ แนะเลิกสู้บนถนนไปตัดสินกันบนเวทีเลือกตั้ง
วันนี้ (16 ก.พ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และเครือข่ายว่า ต้องทำไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำอยู่ดีอยู่แล้ว พี่น้องประชาชนทั้งประเทศจะได้เห็นพร้อมๆ กันว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่ได้แก้ปัญหาด้วยความอดทนเป็นอย่างยิ่ง ได้แต่เรียกร้องให้ผู้ชุมนุมต้องเห็นแก่ส่วนรวมบ้าง อย่าทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายไปมากกว่านี้ น่าจะต้องให้ความร่วมมือกับทางรัฐบาลเพื่อจะให้บ้านเมืองมีบรรยากาศสงบเรียบร้อยจะได้เดินหน้าแก้ไขพัฒนาบ้านเมืองได้ต่อไป
ส่วนจะมีวิธีจัดการอย่างเฉียบขาดอย่างไร เพราะไม่สามารถพูดจากันได้ นายสุเทพกล่าวว่า เราไม่สามารถจะใช้อารมณ์ได้ ผู้ชุมนุมอาจจะดื้อดึงไม่ฟังเสียงใคร แต่ต้องพยายามต่อไป นายกรัฐมนตรีอดทนมาก เพราะบางทีข้อกล่าวหาที่พูดบนเวที ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ไม่เป็นความจริงเลย มีเอกสารพยานหลักฐานชัดเจนเป็นที่เข้าใจได้ แต่ก็ยังเอาไปพูดจาให้เสียหายได้ นายกฯ ก็ไม่ได้ใช้อารมณ์อะไร เจ้าหน้าที่ก็เช่นเดียวกัน ตนได้ย้ำแล้วว่าต้องไม่มีอารมณ์ และตนก็ไม่ไปกดดันขีดเส้นเจ้าหน้าที่ แต่ต้องไม่ลดละดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ออกหมายเรียกไปแล้วถ้าไม่มาก็ต้องออกหมายจับ และเมื่อได้หมายจับก็ต้องจับตัวดำเนินคดี แต่กว่าจะถึงวันนั้นประชาชนก็จะเห็นแล้วว่าเจ้าหน้าที่ทำตามขั้นตอนทุกอย่างไม่ได้ลุแก่อำนาจ แต่เป็นความจำเป็นที่ต้องปฏิบัติเพราะประชาชนเดือดร้อนส่วนรวมเสียหายจริงๆ
ส่วนที่แกนนำพันธมิตรฯ ยืนยันจะไปตามหมายเรียก ตำรวจก็ต้องให้ประกันตัวเขาก็กลับมาชุมนุม นายสุเทพกล่าวว่า เคลื่อนไหวชุมนุมก็ออกหมายเรียกอีกดำเนินคดี ทาง ศอ.รส.จะว่ากันไป แต่คงไม่ออกหมายเรียกกันไปมาจนถึงเลือกตั้ง ตนเข้าใจประชาชนทั่วไปที่ต้องเดือดร้อนรถติด แต่เราก็พยายามทำด้วยวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายทุกขั้นตอน แล้วถ้าถึงตอนนั้นอะไรจะเกิดจะได้ไม่ต้องโทษกัน แต่ถ้าเรามีอารมณ์ทำด้วยความรวดเร็วเกินไป โดยขาดความรอบคอบก็จะเป็นเรื่องเสียหายในอนาคตได้ ทั้ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพวกยังจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอยู่ ถึงอย่างไรก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย สำหรับคดีค้างเก่าของแกนนำพันธมิตรฯ ทางตำรวจก็เร่งรัดอยู่แล้ว ผบ.ตร.ได้รายงานให้ทราบแล้วว่าได้นัดวันที่จะส่งตัวให้อัยการส่งฟ้องศาลแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯระบุว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ มีบางกลุ่มต้องการให้ไปถึงขั้นตอนการปฏิวัติรัฐประหาร ได้รับข้อมูลเดียวกับนายกฯ หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ตนก็มีข้อมูลของตนแต่คนละอย่างคนละสายกับของนายปณิธาน แต่ตนก็ไดรับข้อมูลอย่างนี้ เพียงแต่ว่าอย่าเอามาเป็นอารมณ์ ตนไม่เชื่อว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะสามารถสร้างสถานการณ์อะไรที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายได้มากกว่านี้ แค่นี้ก็หนักหนาสาหัสมากพออยู่แล้ว ประชาชนส่วนใหญ่คงไม่ต้องการให้มาซ้ำเติมสถานการณ์อีก
เมื่อถามว่า ข้อมูลเรื่องที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดการปฏิวัติมีหลักฐานมากน้อยแค่ไหน นายสุเทพกล่าวว่า ตนยังไม่เคยพูดประเด็นนี้และคงไม่เอามาพูด ตนทำงานฝ่าย
ความมั่นคงก็ต้องมีข่าวธรรมดาเป็นปกติ ส่วนนายกฯ ท่านก็ต้องมีข่าวพิเศษกว่าตน ท่านเป็นนายกฯ ก็มีแหล่งข่าวที่มาของข่าวนอกจากหน่วยงานฝ่ายข่าวปกติที่ตนได้รับ
“ใครก็ตามที่สร้างข่าวเรื่องการปฏิวัติ ใครก็ตามที่เรียกร้องให้มีการปฏิวัติ หรือพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดการปฏิวัติ คนเหล่านี้ควรจะต้องถูกตำหนิ ถูกประณาม เพราะยิ่งทำให้บ้านเมืองสับสนวุ่นวายมากขึ้น เราเดินหน้าไปสู่กระบวนการประชาธิปไตยดีกว่า นายกฯ ได้ประกาศชัดเจนแล้ว วันนี้ทุกเงื่อนไขเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่เรื่องการดูแลให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยมีบรรยากาศที่ดีที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งที่เสรีได้ เราจะได้เริ่มต้นกันใหม่ ความคิดที่แตกต่างหลากหลายอยู่ก็ไปตัดสินบนเวทีเลือกตั้ง ทำไมไม่เลิกต่อสู้กันบนถนนแล้วไปต่อสู้กันในคูหาเลือกตั้งดีกว่า พรรคการเมืองก็ตั้งกันเอาไว้แล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการเรียกนายปณิธานมาปรามบ้างหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ได้ ต้องให้นายกฯ ไปคุยกัน และคงไม่ไปตรวจสอบ ตนไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาปล่อยข่าวหรือรายงานข่าวตามที่เขารู้มา เมื่อถามว่า ข่าวปฏิวัติออกมาจากฝ่ายรัฐบาลเอง ทำให้ความเชื่่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลไม่ดี นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ได้ออกมาจากตนแน่นอน และตนไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ จนเคยต่อว่าแรงๆ ว่าคนที่ไปปั่นกระแสปฏิวัติไม่หวังดีต่อบ้านเมือง
