xs
xsm
sm
md
lg

ทางออกสุดท้ายอยู่ที่ประชาชน

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

รัฐบาลมาร์คได้เลื่อนนัดวันด่ากับฝ่ายค้าน “ปู่ชัย” ประธานสภาฯ รับบทเป็นตัวช่วย อ้างว่าลายเซ็นฝ่ายค้านมีปัญหา นี่เป็นลีลาความหยุมหยิมตามพิธีกรรมของสภาฯ ควาย ฝ่ายรัฐบาลอ้างว่าพร้อมสู้ศึกน้ำลาย ซดกันทุกหยด ไส้เน่ากี่ขด จะแข่งกันลากมาให้ชาวบ้านได้รู้เห็น

สะท้อนให้เห็นว่า เรื่องไร้สาระแบบนี้ “ถนัดนัก” ชาวบ้านทุกข์ร้อนสารพัดเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สินค้าต่างๆ และน้ำมันพืชขาดตลาดเรื้อรัง รัฐบาลยังไม่มีปัญหาแก้ไขให้ได้

รัฐบาลยังยึกยักเรื่องยุบสภาฯ การเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งทำตัวเลขงบประมาณ 3,817 ล้านบาทเพื่อบรรลุพิธีกรรม เช่น จัดคูหาเลือกตั้ง พิมพ์บัตรให้ชาวบ้านไปกาเบอร์ เลือกผู้แทน 500 คนไปนั่งในสภาฯ ควาย สืบต่อกิจกรรมพ่นน้ำลายอีก 4 ปี

เป็นวงจรอุบาทว์ซ้ำซาก คงอยู่คู่การเมืองไทย นับวันจะเลวร้ายกว่าเดิม!

หลังจาก 2 ปีของการเป็นรัฐบาล ความสำเร็จโดดเด่น คือ การทำลายความเชื่อมั่น ศรัทธา ในการเมืองระบอบประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้ง พิสูจน์ได้อย่างไร้ข้อสงสัยว่า “ผู้แทน” ที่ถูกเลือกนั้น ไม่ใช่ผู้แทนปวงชน แต่เป็นตัวแทนกลุ่มผลประโยชน์ การเลือกตั้งเป็นการลงทุนทางการเมือง

จากนั้น ส.ส.ได้เข้าไปถอนทุนในสภาฯ บวกกำไรเพิ่มหลายเท่า ซื้อเสียงครั้งเดียว แต่เอาเสียงไปขายหลายครั้ง ใช้อิทธิพลหาผลประโยชน์ทุกรูปแบบ เป็นการแข่งขันกันรวยแต่รอดคุก

นายกฯ มาร์ค โพเดียม เคยเป็นความหวังของคนซึ่งยังพยายามมองโลกในแง่ดีว่าการเมืองไทยยังไม่สิ้นหวัง มีนักการเมืองรุ่นใหม่ น้ำดี การศึกดี ชาติตระกูลดี ประวัติใสสะอาด เข้ามากุมอำนาจรัฐ น่าจะมุ่งเน้นการปฏิรูปการเมือง เศรษฐกิจ สังคม โดยเฉพาะการศึกษา

เป็นที่หวังว่าจะนำพาบ้านเมืองพ้นจากการเมืองน้ำเน่า สร้างสังคมมีคุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณ สู่มาตรฐานสากล กำจัดการทุจริต คอร์รัปชัน หลังจากระบอบกินรวบยุคทักษิณ

แล้วเป็นไง? กลายเป็นว่ายุคของนายกฯ มาร์ค โพเดียม ได้สะสมความล้มเหลวหลายด้านในการบริหารบ้านเมือง มีวิกฤต ม็อบเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง 2 รอบ สะสมอาวุธสงครามร้ายแรง ฆ่าทหารกลางเมือง ละลายเกือบ 3 กองร้อย ทุกวันนี้ยังไม่มีใครต้องโทษติดคุก

ซ้ำร้ายแกนนำเสื้อแดงได้รับความเอื้ออาทรจากตัวแทนรัฐบาล ให้ปากคำต่อศาล แกนนำแดงได้รับการประกันตัว ส่งผลให้สมุนแดงตามไปป่วนนายกฯ มาร์คเกือบทุกงานโชว์โพเดียม แผนการปรองดองโดย “เสธ.หนั่น” ตีกินคะแนนเข้าตัวเอง กลายเป็นการรนหาที่ของรัฐบาลโดยแท้

นอกจากปัญหาการเมืองแก้ไม่ตก ส่อแววว่าจะนำไปสู่วิกฤตความขัดแย้งมากกว่าเดิม รัฐบาลได้แสดงความล้มเหลว การไร้ฝีมือ ความสามารถในการแก้ปัญหาและทุกข์ของชาวบ้านทุกสาขาอาชีพ ทั้งชาวนา เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน มนุษย์เงินเดือน การขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภค

นายกฯ มาร์คแสดงให้เห็นการขาดภาวะผู้นำด้านการปฏิบัติ มีบทบาทเด่นเฉพาะการจ้อบนโพเดียม พูดได้ทุกเรื่อง ทุกสถานที่ คล่องปาก แต่จะสะดุดเสียขบวน ถ้ามีพวกเสื้อแดงตามไปป่วน

รัฐบาล มาร์ค โพเดียม ให้พิสูจน์พฤติกรรม “ขายชาติ” จากเดิมที่เป็นนามธรรม และความมัวซัวด้านรูปธรรมให้กระจ่างชัดขึ้น โดยการแพร่กระจายของการขายชาติเข้าไปสู่วงการนักธุรกิจ นักวิชาการ ทหาร ตำรวจ รวมทั้งกลุ่มสนับสนุนการขายชาติทุกระดับชั้นในสังคม

การขายชาติกลายเป็นส่วนต่อยอดของการแสวงหาผลประโยชน์ ทำได้ไม่ต้องอาย กระมิดกระเมี้ยน กลัวถูกสังคมประณาม หลังจากได้ปูทางด้านค่านิยมของความคิดที่ว่า “โกงบ้างก็ยังพอยอมรับได้ ถ้ามีผลงาน” รัฐบาลมาร์ค โพเดียมไม่พยายามต้านกระแสความคิดนี้

ถ้าต้าน คงไม่มีใครเชื่อ จะโดนสวนให้อีกว่า “ก็พวกท่านทำเป็นตัวอย่างนี่” จากการเปิบหนักยุค “มาร์ค โพเดียม” ได้แปรสภาพการกินรวบยุคทักษิณ เป็นกินแบ่งในกลุ่มพรรคร่วมรับประทาน

รัฐบาลมาร์ค โพเดียม ได้สร้างมาตรฐานใหม่เป็นแนวปฏิบัติ คือ ความใจดำอำมหิต เลือดเย็น ปล่อยให้คนไทยติดคุกเขมร ใส่ใจไยดีช่วยเหลือเฉพาะพวกเดียวกัน!

ในอดีตเรามีรัฐบาลเผด็จการทรราชเลวร้าย ก็ยังไม่ทอดทิ้งคนไทยให้ตกระกำลำบากในต่างประเทศ เช่น หญิงโสเภณี คนงานไทย ลูกเรือประมงไทย แม้ไม่สำเร็จโดยเร็ว แต่ก็พยายาม

ใครจะรู้ว่าความดื้อรั้นของ “มาร์ค โพเดียม” คนเดียวเท่านั้นได้มีอิทธิพลต่อทิศทางอนาคตบ้านเมืองอย่างมาก ทำให้ปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาลามเข้าสู่การรุกล้ำดินแดน ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ คือ ชาติเล็กกระจอกๆ แบบกัมพูชา กล้าคุกคาม ใช้กำลังโจมตีไทยอย่างรุนแรง

รัฐบาล “มาร์ค โพเดียม” หมดสภาพเรื่องปราสาทพระวิหารจนไร้ราคา โดนฮุนเซนจูงจมูกไปเจรจาทุกครั้งภายในเขตกัมพูชา จูงไปยูเอ็น จากนั้นลากต่อไปสู่ระดับอาเซียน และยังจะหิ้วปีกลากไปศาลโลก! ฝ่ายไทยเหมือนคนง่อยเปลี้ยเสียขา ไร้ความคิด ไม่ขัดขืน เดินตามฮุนเซนต้อยๆ

ควายโดนเชือกจูงยังดื้อรั้นขัดขืน แต่กรณีปัญหากับเขมร รัฐบาลมาร์คอยู่ในสภาพเบี้ยล่าง ลูกไล่ ไก่รองบ่อน กินน้ำใต้ศอก ถูกฮุนเซนตะคอกหยามน้ำหน้าซ้ำซาก ก็ยังไม่รู้สึกอาย

คนไทยออกมาชุมนุมทวงแผ่นดินคืน ถูกรัฐบาลมองว่าเป็นก้างขวางคอ หนามยอกอก!

ทุกวันนี้คำถามซ้ำซากก็คือ “จะเร่งยุบสภาฯ ให้เสียเงินเลือกตั้งทำไม เมื่อส่วนใหญ่ หรืออย่างน้อย 70 เปอร์เซ็นต์ ล้วนเป็นพวกหน้าเดิมๆ เวียนว่ายตายเกิดในสภาฯ ควายหลายรอบ”

มีประโยชน์เล็กน้อย คือเงินพันๆ หมื่นๆ ล้านบาท ซึ่งนักซื้อเสียงจะทุ่มจ่ายให้ชนะใจชาวบ้าน คนกาเบอร์ สร้างประวัติศาสตร์การชิงอำนาจรัฐ โดยมีเดิมพันคือโอกาสได้โกงรอบใหม่

ถึงอย่างไรก็ไม่คุ้ม จะนำพาการเมืองไปสู่สภาพไร้อนาคต ประชาชนตกอยู่ในสภาวะจำยอมทำตาปริบๆ เมื่อเห็นการโกงกินอย่างหน้าด้านๆ มือที่เคยไหว้ประชาชน ก็จะใช้ยกหาเงินในสภาฯ

ดูแล้วไม่มีทางออกอย่างราบรื่นสำหรับการเมืองแบบเลือกตั้งโดยมีกฎปิดตายให้นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่ก็นั่นแหละ! เมื่อเป็นสถานการณ์พิเศษ เจอทางตัน ต้องหาทางออกโดยรูปแบบพิเศษ ดีกว่ายอมปล่อยให้บ้านเมืองล่มจมเพราะนักการเมืองโกงกินแบบไม่รู้จักอิ่ม

กองทัพเคยเป็นทางเลือกสุดท้าย แต่ก็หมดหวังเพราะมีทหารพาณิชย์ขายชาติ! ถึงเวลาประชาชนต้องคิด ตราบใดที่ยังมัวรอคอยหาหนทางชนะ ก็จะตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อยู่ร่ำไป! จริงมั้ยนิ! อิอิอิ!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น