“ปัญญาพลวัตร”
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
ปรากฏการณ์ทางการเมืองหลายประการของประเทศไทยมีความแปลกประหลาดที่ไม่สามารถใช้เหตุผลและตรรกะทั่วไปอธิบายได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีลักษณะของ “ความขัดแย้งแฝงฝัง” อยู่ภายในตัวเอง เช่น การที่ผู้คนในสังคมไทยจำนวนมากบอกว่าประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตย ประกาศว่าตนเองรักและเชิดชูประชาธิปไตย และเดินตามแนวทางและหลักการของประชาธิปไตย แต่สิ่งที่พวกเขาทำกลับตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาบอกและประกาศออกมา
ผมจะสาธยายลักษณะความขัดแย้งแฝงฝังภายในตนเองของการเมืองไทยให้ท่านผู้อ่านได้พิจารณาและวินิจฉัยว่าลักษณะการเมืองเช่นนี้เป็นความหวังที่จะนำพาประเทศชาติให้พ้นจากความหายนะและไปสู่ความรุ่งเรือง หรือจะนำพาสังคมไทยจมดิ่งสู่ห้วงเหวลึกแห่งความเสื่อมโทรม ความพินาศ และความยากเข็ญ
เราจะเริ่มจากพรรคการเมืองซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยในนามประชาชน และเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยให้เกิดความเข้มแข็งหรืออ่อนแอ ประวัติศาสตร์ของหลายหลายประเทศได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดว่าหากพรรคการเมืองมีความขัดแย้งแฝงฝังภายในตัวเองกับระบอบประชาธิปไตย แทนที่พรรคการเมืองนั้นจะสร้างประเทศให้เป็นประชาธิปไตย กลับทำให้ประเทศเหล่านั้นกลายเป็นเผด็จการที่เผาผลาญชีวิตผู้คนและทำลายสังคมอย่างย่อยยับ เช่น พรรคนาซี ของ เยอรมัน พรรคฟาสซิส์ ของอิตาลี พรรคคอมมิวนิสต์ของหลายๆ ประเทศ เป็นต้น
พรรคการเมืองที่มีความขัดแย้งแฝงฝังเหล่านั้นอาศัยระบอบประชาธิปไตยเป็นเนื้อนาดิน ชูธงประชาธิปไตย ชูธงการลดความเหลื่อมล้ำของสังคม และชูธงนโยบายประชานิยม เพื่อใช้เป็นประเด็นในการหาเสียง หลอกประชาชนให้หลงเชื่อ และศรัทธา นำไปสู่การนิยมชมชอบแบบคลั่งไคล้ ขณะเดียวกันก็มีการจัดตั้งองค์กรมวลชนในทุกระดับตั้งแต่ในชุมชนชนบท ชุมชนเมือง จนไปถึงหน่วยทางปกครองที่ใหญ่ว่าเช่น อำเภอ จังหวัด เป็นต้น
พรรคการเมืองเหล่านี้ยังมีการจัดตั้งโรงเรียนการเมืองเพื่อปลูกฝัง กล่อมเกลา ความคิดและเชื่อทางการเมือง แนวทางหลักที่พวกเขาใช้เพื่อให้กระบวนการการปลูกฝังความเชื่อให้มีพลังคือ “การสร้างศัตรูเทียม” และวาดภาพศัตรูให้มีความโหดร้าย น่ากลัว กดขี่ ขูดรีด และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสังคม ขึ้นมา เช่น พรรคนาซี สร้างชาวยิวเป็นศัตรูเทียมของพวกเขา พรรคคอมมิวนิตส์สร้าง “อำมาตย์ศักดินาและนายทุน” เป็นปรปักษ์
พวกเขาจะตอกย้ำและผลิตซ้ำความคิดความเชื่อเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ผ่านกลไกต่างๆทุกวิธีการ จนมวลชนของพวกเขาหลงเชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา และมีความพร้อมในการใช้ความรุนแรงในการทำลายปรปักษ์เทียมและผู้ที่มีความคิดความเชื่อต่างจากตนเองอย่างโหดร้ายและทารุณ
ลักษณะร่วมอีกประการของพรรคการเมืองแฝงฝังคือ การสร้างภาพลักษณ์ผู้นำ ให้เป็นเสมือนศาสดาที่เกิดมาเพื่อปลดปล่อยผู้คนให้พ้นจากความทุกข์ยาก ผู้นำของพรรคการเมืองแฝงฝังมักเป็นผู้ที่ใช้วาทศิลป์ได้อย่างเก่งกาจ สามารถพูดโน้มน้าวจูงใจให้ผู้คนหลงเชื่อและพร้อมยอมตายถวายชีวิตให้ บรรดาสมุนของเขายกย่องเขาและงมงายในบุคลิกและคำพูดของเขา เชื่อในสิ่งที่เขาบอก ทำในสิ่งที่เขาสั่ง ราวแมลงเม่าต้องแสงไฟบินพรั่งพรูเข้าไปหา โดยไม่รู้ว่าความตายรออยู่เบื้องหน้า
พรรคการเมืองแฝงฝังใช้บุคคลที่ผ่านการอบรมจัดตั้งไปปฏิบัติงานแบบแฝงฝังให้กับพรรค แทรกซึมเข้าไปในวงการต่างๆ เพื่อขยายความคิด การจัดตั้ง รวมทั้งการปล่อยข่าวลือเพื่อทำลายผู้ที่เขาตีตราว่าเป็นศัตรู วิธีการเผยแพร่ความคิดของพวกเขามีหลากหลายรูปแบบ ทั้งในการปราศรัย การประชุม เสวนากลุ่มย่อย การจัดทำนิตยสาร หนังสือพิมพ์ วิทยุและโทรทัศน์ สำหรับพรรคการเมืองแฝงฝังในปัจจุบันก็จะใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตด้วย
พรรคการเมืองแฝงฝังเร่งเร้าให้สถานการณ์การเมืองสุกงอมเพื่อใช้ประโยชน์ในการแพร่กระจายความคิดของตนเอง โดยการจัดชุมนุมทางการเมืองเป็นระยะ ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างสถานการณ์ให้เอื้อประโยชน์ต่อการผนึกรวมตัวของพรรคดาพลพรรคสมาชิก โดยกระตุ้นให้มวลชนของตนเองใช้ความรุนแรง เพื่อกระตุ้นให้รัฐล้อมปราบ และเมื่อมีผู้คนล้มตาย พวกเขาก็ใช้ความตายของพลพรรคเป็นกระตุ้นความคั่งแค้น และใช้อารมณ์แห่งความโกรธแค้นเป็นพลังในการดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วมกับพวกเขามากยิ่งขึ้น
เมื่อพรรคการเมืองแฝงฝังเหล่านี้ได้อำนาจรัฐ พวกเขาก็จะวางแผนและดำเนินการตามแผนอย่างเป็นขึ้นตอนในการทำลายระบอบประชาธิปไตย พวกเขาจะใช้อำนาจรัฐในการกดดันและปิดกั้นสื่อมวลชนที่มีการนำเสนอข้อมูลและความคิดเห็นที่ต่างจากพวกเขา พวกเขาผลิตนโยบายที่ทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม โดยใช้กลไกรัฐในการสังหารผู้คนที่พวกเขาเห็นว่าเป็นปรปักษ์ หรือเป็นผู้คนที่พวกเขาตราหรือกล่าวหาว่าเป็นผู้ชั่วร้ายอย่างสมบูรณ์เช่นผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเป็นผู้คนที่สร้างผลกระทบต่ออำนาจของพวกเขา
ขณะเดียวกันพวกเขาก็ผลิตนโยบายที่สร้างความเคลิบเคลิ้มและหลงใหลแก่ประชาชน ที่เรียกว่านโยบายประชานิยม ซึ่งเป็นการจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐเพื่อแจกจ่ายแก่ประชาชนในหลายรูปแบบ โดยไม่สนใจใยดีว่าจะมีผลประทบต่องบประมาณและการคลังของประเทศอย่างไร ไม่แยแสว่าสิ่งที่พวกเขาทำจะเป็นการบั่นทอนคุณภาพในการใช้ปัญญาและการทำงานของประชาชนอย่างไร เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือการสะกดจิตประชาชนให้เชื่อพวกเขาอย่างงมงายเพื่อให้พวกเขาชี้นำได้ตามแต่ใจปรารถนา
แน่นอนว่าสิ่งนี้คือ การใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือและเครื่องเล่นในเกมรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของพวกเขา
พรรคการเมืองแฝงฝังปรารถนาตัวขึ้นในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติหลายครั้งหลายหน ในหลายประเทศ บางประเทศก็สามารถหลุดพ้นจากมนตราปีศาจของพรรคการเมืองเหล่านี้ไปได้ ด้วยเหตุที่ประชาชนมีความตื่นตัว ใช้ปัญญาในการรับช้อมูลข่าวสาร วิเคราะห์จนเห็นธาตุที่ที่แฝงฝังอยู่ และร่วมกันปฏิเสธต่อต้านอย่างต่อเนื่อง ไม่ยอมจำนนในอำนาจที่พรรคการเมืองเหล่านี้ใช้บังคับ ไม่ยอมหลงเชื่อกับการโฆษณาชวนเชื่ออันสวยหรูที่เต็มไปด้วยความหลอกลวงและจอมปลอม จนพรรคการเมืองเหล่านี้ไม่มีที่ยืนในสังคม หรือกลายเป็นพรรคที่ไร้อิทธิพล
ในสังคมไทยเฉกเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ เราก็มีพรรคการเมืองที่แฝงฝังซึ่งกำลังสร้างอิทธิพลในการครอบงำประชาชนและสังคมไทยอยู่ที่เด่นชัดอยู่พรรคหนึ่ง พรรคนี้แอบอิงประกาศว่าเชิดชูประชาธิปไตยและลดความเหลื่อมล้ำ ทางสังคมพรรคนี้สร้างวาทกรรมว่าจะขัดความยากจน และการทุจริต เช่นเดียวกับพรรคการเมืองแฝงฝังในประเทศอื่นๆ
ความเหมือนของพรรคการเมืองแฝงฝังพรรคนี้กับกับการเมืองแฝงฝังในประเทศอื่นๆ มีอีกหลายประการ
ประการแรก พรรคการเมืองพรรคนี้เป็นแหล่งซ่องสุมของนักโทษหนีคดีและผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย เรียกได้ว่าผู้นำและบุคคลสำคัญของพรรคหลายคนล้วนมีส่วนในการสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ทำร้ายประเทศชาติและประชาชนอย่างต่อเนื่อง มีส่วนร่วมในการทำให้ชีวิตคนบริสุทธิ์ต้องล้มตายหลายคนและมีส่วนร่วมในการเผาบ้านทำลายเมือง
ประการที่สอง พรรคนี้ถูกชี้นำและบงการจากนักโทษคดีอาญา กล่าวอีกนัยหนึ่งคือมีอาชญากรที่ทรงอิทธิพลสั่งการการบริหารของพรรค ทั้งในเรื่องการเลือกหัวหน้าพรรค การเลือกผู้สมัครของพรรค และรวมทั้งการกำหนดนโยบายหาเสียงของพรรค ผู้คนในพรรคนี้เชื่อฟังผู้นำพรรคที่เป็นอาชญากรของชาติอย่างปราศจากข้อสงสัยหรือคำถามใดๆทั้งสิ้น คำสั่งของผู้นำคือสิ่งที่ต้องปฏิบัติการ ใครจะโต้แย้งไม่ได้ พรรคการเมืองเช่นนี้จะสร้างประชาธิปไตยได้อย่างไร
ประการที่สาม พรรคการเมืองแฝงฝังยังมีมวลชนและองค์กรจัดตั้งทำหน้าที่ในการปลูกฝังความเชื่ออันเป็นพิษต่อสังคมไทยและระบอบประชาธิปไตย มีการสร้างศัตรูเทียมขึ้นมาเพื่อเป็นเป้าหมายในการทำลายและกระตุ้นความคั่งแค้นของสมาชิก พรรคนี้ได้ส่งสมาชิกคนสำคัญไปทำงานมวลชนทั้งด้านเปิดและด้านปิด โดยในด้านเปิดมีเป้าประสงค์เพื่อสร้างภาพให้ดูดีมีประชาธิปไตย รักสันติ เพื่ออำพรางตัวตนที่แท้จริงของตนเอง แต่ในด้านปิดนั้นพวกเขาใช้ข่าวลืออันเป็นเท็จในการใส่ร้ายป้ายสี เพื่อสร้างความเกลียดชัง และบั่นทอนความน่าเชื่อถือของบุคคลและสถาบันที่พวกเขาเห็นว่าเป็นอุปสรรคในการขวางกั้นเส้นทางสู่อำนาจของพวกเขา
ประการที่สี่ พวกเขามีการปฏิบัติการทางการเมือง โดยจัดชุมนุมเป็นระยะเพื่อตอกย้ำความเป็นเอกภาพและข่มขวัญผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขา เมื่อได้จังหวะและโอกาสพวกเขาพร้อมที่จะกระตุ้นมวลชนผู้บ้าคลั่งให้เผาทำลายล้างทรัพย์สินและชีวิตของผู้คนได้ทุกเวลาและไม่เลือกสถานที่ ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงหรือหัวเมืองอื่นใดก็ตาม
ประการที่ห้า พรรคการเมืองแฝงฝังมักมีแนวโน้มที่จัดตั้งกองกำลังติดอาวุธเพื่อใช้เป็นกลไกในการสร้างและเร่งเร้าสถานการณ์การเมืองให้เกิดความรุนแรงยิ่งขึ้น และจะใช้กองกำลังติดอาวุธเหล่านี้ในการทำร้ายผู้ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองต่างจากพวกเขาโดยปราศจากมนุษยธรรมใดๆ ทั้งสิ้น
หากพรรคการเมืองแฝงฝังพรรคนี้ได้อำนาจและเป็นรัฐบาล เราสามารถทำนายแนวทางที่พวกเขาจะใช้อำนาจได้โดยอาศัยข้อมูลจากประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเมื่อพรรคลักษณะนี้ได้อำนาจในประเทศอื่นๆ ประกอบกับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อำนาจของหัวหน้าพรรคที่แท้จริงซึ่งขณะนี้เป็นนักโทษหนีคดีเคยใช้เมื่อคราวที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรี
ภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือ วันใดที่พรรคนี้ได้อำนาจวันนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จะเป็นวันที่สังคมไทยก้าวไปสู่ยุคมืดบอดทางปัญญาด้วยการถูกครอบงำด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ จะเป็นวันที่สังคมถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ และถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างทั่วหน้า ทั้งจากอำนาจรัฐและจากมวลชนที่บ้าคลั่งของพรรค จะเป็นวันแห่งการเริ่มต้นของความหายนะทางเศรษฐกิจ ความทุกข์ยากจะแผ่ขยายไปทั่ว เงินจะเฟ้อขึ้นอย่างมหาศาล ด้วยเหตุที่พวกเขาจะใช้นโยบายประชานิยมอย่างบ้าคลั่ง
และจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความขัดแย้ง แตกแยก และรุนแรงที่แท้จริงของสังคมไทย จนสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตของสังคมไทยกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
พรรคการเมืองที่แฝงฝังพรรคนี้จึงมิใช่พรรคที่เป็นประชาธิปไตย แต่เป็นพรรคที่แฝงฝังของเผด็จการอำนาจนิยมอย่างสุดขั้ว และเป็นอันตรายยิ่งต่อสังคมไทย ประเทศชาติไทย และประชาชนชาวไทยทุกคน