ยุคคุณชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี ผู้นำรัฐบาลผสมสมัยที่ 2 ถูกแซวว่าเป็น “ชวน เชื่องช้า” เพราะยึดมั่นอย่างเหนียวแน่นในหลักกฎหมาย ระเบียบ แทบไม่กล้าริเริ่มทำงานที่ควรทำ แถมยังควบฉายา “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ในการเชือดเฉือนฝ่ายค้านและพวกช่างติ
การยึดเกาะติดระเบียบราชการ ทำให้คุณชวนถูกเหน็บอย่างเจ็บแสบปวดร้อนโดยอาจารย์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยหน้าตาไม่หล่อ ปากกล้า ขวานผ่าซาก ถากถางว่าคุณชวนมีบทบาทในการบริหารจัดการบ้านเมืองเหมือนเป็น “ปลัดประเทศ” ไม่ใช่เป็นผู้นำรัฐบาลอย่างแท้จริง
ทำเอา “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ทื่อ ใช้งานไม่ได้ ทุกครั้งเมื่อถูกอ้างถึงฉายานี้ การยึดติดกรอบระเบียบจึงเฉียดฉิวกับการถูกมองว่าโดนครอบงำเต็มบ้องโดยระบบข้าราชการประจำคร่ำครึ
แต่คุณชวนก็รอดตัวมาจากปัญหาต่างๆ แม้จะถูกโจมตีว่าความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองได้เปิดทางให้ “ระบอบทักษิณ” เข้ามากำหนดเส้นทางชะตากรรมประเทศนานกว่า 5 ปี เริ่มนโยบายประชานิยมผสมแนวนโยบายทุจริตคอร์รัปชันแบบมีเชิงเป็นระบบ “กินรวบ” คำโต
ตัวคุณชวนปลอดข้อหาทุจริต คอร์รัปชัน แต่ถูกค่อนแคะว่าเอาเรือให้โจรยืมไปปล้นชาวบ้าน!
จากนั้นคุณชวน “ใช้อภิสิทธิ์” ปั้นทายาทการเมือง เริ่มต้นก้าวกระโดดจากตำแหน่ง ส.ส.โฆษกรัฐบาล คั่นชั่วคราวโดยเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดูแลงานสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ก่อนคว้าเก้าอี้หัวหน้าพรรคท่ามกลางความขัดแย้งจนพรรคแตกบิ่น
จากนั้น สถานการณ์บ้านเมืองเกิดวิกฤตมีช่องว่าง เปิดทางให้ขบวนการชุบมือเปิบ ตีกิน ดันหลัง หนุ่มอายุยังน้อย เกิดในอังกฤษ การศึกษา ชาติตระกูลดี ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ชาวบ้านคาดหวังว่าการเมืองไทยจะมีผู้นำรุ่นใหม่ ก้าวจากบ่อน้ำเน่า เข้าสู่ยุคปฏิรูปใสสะอาด ประชาชนจะได้เห็นการทุจริต คอร์รัปชันลดน้อย งบประมาณถูกใช้บริหารบ้านเมืองเต็มที่
ย่างเข้าสู่ปีที่ 2 ผู้นำคนใหม่ผ่านวิกฤตสารพัด การประชุมสุดยอดอาเซียนโดนเสื้อแดงป่วนจนล่ม ผู้นำระดับโลกหนีตายกระเซอะกระเซิง ผู้ก่อการร้ายเสื้อแดงสู้แล้วรวยเผาบ้านเผาเมือง 2 รอบ ทหารเกือบ 3 กองร้อยโดนละลายย่านถนนราชดำเนิน เราจึงได้ตระหนักถึงความจริง
ผู้นำรัฐบาลชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นั้น เป็นได้เพียง “โฆษกประเทศ” เท่านั้น! ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ ความล้มเหลวในการจัดการปัญหาบ้านเมืองปรากฏชัด เรื่องง่ายๆ ทำให้ยาก เน้นโกงมาก พูดมาก ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับประชาชน ใช้ความดื้อรั้นเป็นอาวุธ จนพลาดท่าเสียทีเขมรหมดรูป
ชาวบ้านถอดใจ หมดอาลัยตายอยาก ปากพร่ำพูด “อนิจจา! อภิโธ่ อภิถัง อภิสิทธิ์!!!” ฮ่า!
เอาเถอะ! ตำแหน่ง “โฆษกประเทศ” ย่อมเหนือกว่าโฆษกธรรมดา เกินกว่าโฆษกรัฐบาลแน่นอน ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ ต้องมีบุคลิก ความสามารถพิเศษด้านการพูดโน้มน้าวจิตใจ กล่อมความคิดผู้อื่นด้วยคำพูด ยังมีคุณสมบัติเฉพาะถูกหลอมตั้งแต่เกิด คือ แนวโน้มความหล่อ
แม้จะไม่หล่อลากดิน ก็ยังทำเอาแม่ยกหกคะเมนร้องอุ๊ยตาย! ว้ายกรี๊ด! เฉียดลุ่มหลงจนสติแตก เลอะเลือน! ต่อให้ “โฆษกประเทศ” ทำอะไรผิดพลาดซ้ำซาก ก็กลายเป็นถูกต้องไปหมด
ดังนั้น “โฆษกประเทศ” ไม่ใช่ตำแหน่งลอยๆ หรือได้มาเพราะโชคช่วย ต้องพิสูจน์ด้วยผลงานชัดเจน! พูดได้ทุกเรื่อง ทุกที่ ยืนหน้าโพเดียมได้นานๆ ยิ่งนานคำพูดยิ่งลื่นไหล น้ำลายแตกฟอง อาจถึงขั้นเสพติดโพเดียม ถ้าไม่โดนโห่ไล่ก็จะไม่เดินลงเด็ดขาด แม้คนฟังจะรู้สึกเหมือนถูกทรมาน
เคยมีคนลองของประกบติด คิดจะวัดรอยเท้า ผลออกมาคนท้าชิงได้ฉายา “มิ่ง โพเดี้ยง” แต่ยังไม่เข็ดหลาบ เข้าค่ายฟิตซ้อม จะยื่นหนังสือท้าชิงโพเดียม ในงานอภิปรายไม่ไว้วางใจสัปดาห์นี้แหละ ประเด็นหลักส่วนตัว คือ อยากล้างตาให้รู้ว่าใครเป็นเจ้าแห่งโพเดียมแท้จริง
มีความแตกต่างในสาระสำคัญ การเป็นหัวหน้ารัฐบาลและเป็นโฆษกประเทศเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือด้วยนั้น เป็นภารกิจธรรมดา ดังเช่นประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ในยามวิกฤตต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ผู้นำรัฐบาลต้องรับบทโฆษก ใครทำแทนไม่ได้!
อีกกรณีคือผู้มีคุณสมบัติเพียง “โฆษกรัฐบาล” แต่ดิ้นรนขอยกระดับโดยผ่านการเลือกตั้ง และการโหวตเสียงในสภาให้เป็นผู้นำรัฐบาล หวังชื่อเสียง แต่มีขีดจำกัดด้านความใจถึง ความเด็ดขาด ทำให้ลูกตาดำซ่อนอยู่หลังตาขาวยามวิกฤต จึงขอรับเป็นเพียง “โฆษกประเทศ” เท่านั้น
งานบริหารบ้านเมืองจึงถูกมอบหมายให้ผู้ทรงอิทธิพลกุมอำนาจรัฐบาล! ตัวเองเสี่ยงต่อการถูกครอบงำความคิดโดยคนแวดล้อมวัยใกล้เคียงกัน รสนิยมเดียวกัน จนประเทศเสียหาย
ตัวเองขอผูกขาดงานสังคมพิธีกรรมโพเดียม ประชุมสัมมนา ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ เช่น เป็นนายแบบหมวกถุงยางอนามัย จ้อตามงานวัด ประชุมอาเซียน ประชุมดาวอส ถึงการประชุมสหประชาชาติ โชว์ทักษะความลื่นไหลในสำนวนโวหาร ยิ้มพิมพ์ใจ หน้าหล่อ
ฉะนั้น มีความต่างชัดเจนระหว่างผู้นำประเทศควบตำแหน่งโฆษกประเทศในกรณี “โอบามา” และผู้นำรัฐบาลแต่รับงานหลักเป็น “โฆษกประเทศ” เช่น “โอบามาร์ค”! แม่นบ่!
มีคำพูดว่า “คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง” แต่กรณี “โฆษกประเทศ” ถือเป็นลักษณะ “ทวิพลัง” 2 เด้ง “คารมเป็นต่อ หล่อเต็มสูบ คอนกรีตเสริมเหล็ก ด้านทนต่อแรงเสียดสี” สามารถต้านพลังแดงเผาเมือง 2 รอบ ยืนหยัดสู้พิษน้ำลายสลายหน้ากากโดยพันธมิตรฯ ได้นานกว่า 1 เดือนแล้ว
ออกอาการแกว่ง เป๋ไปเป๋มา ก็ยังรักษาสภาพเลือดกลบปาก ไม่พ่นออกมาให้ใครเห็น! อาศัยแรงกรี๊ดของพวกแม่ยกรักลุ่มหลงจนอกแตกสร้างเกราะป้องกันข้อกล่าวหาสารพัด แม่ยกยอมทุกอย่าง เพียงไม่ถึงขั้นบอกว่าสิ่งที่ขับถ่ายดันออกจากร่างกาย “โฆษกประเทศ” มีกลิ่นหอม! ฮ่า!
การเป็น “โฆษกประเทศ” จึงเป็น “อภิสิทธิ์” เฉพาะตัว ใครจะคิดลอกเลียนแบบ หรือทึกทักเอาเองว่ามีความสามารถ ต้องผ่านการดวลฝีปากบนโพเดียมทั้งในและนอกสภาฯ ที่ผ่านมาเหยื่อของ “มาร์ค โพเดียม” อยู่ในสภาพกลับบ้านไม่ถูก ศพไม่สวย ซากไม่สมบูรณ์ ชิ้นส่วนไม่ครบ
คนเดียวที่ “โฆษกประเทศ” กลัว เหมือนงูหลามแพ้เชือกกล้วย คือ ฮุนเซน ทรราชถ่อย เป็นสุดยอด “ฆ้องปากแตก” กล้ามายืนด่า “มาร์ค โพเดียม” ในเมืองไทยได้! จริงมั้ยนิ! อิอิอิ!!!
การยึดเกาะติดระเบียบราชการ ทำให้คุณชวนถูกเหน็บอย่างเจ็บแสบปวดร้อนโดยอาจารย์ นักวิชาการมหาวิทยาลัยหน้าตาไม่หล่อ ปากกล้า ขวานผ่าซาก ถากถางว่าคุณชวนมีบทบาทในการบริหารจัดการบ้านเมืองเหมือนเป็น “ปลัดประเทศ” ไม่ใช่เป็นผู้นำรัฐบาลอย่างแท้จริง
ทำเอา “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ทื่อ ใช้งานไม่ได้ ทุกครั้งเมื่อถูกอ้างถึงฉายานี้ การยึดติดกรอบระเบียบจึงเฉียดฉิวกับการถูกมองว่าโดนครอบงำเต็มบ้องโดยระบบข้าราชการประจำคร่ำครึ
แต่คุณชวนก็รอดตัวมาจากปัญหาต่างๆ แม้จะถูกโจมตีว่าความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองได้เปิดทางให้ “ระบอบทักษิณ” เข้ามากำหนดเส้นทางชะตากรรมประเทศนานกว่า 5 ปี เริ่มนโยบายประชานิยมผสมแนวนโยบายทุจริตคอร์รัปชันแบบมีเชิงเป็นระบบ “กินรวบ” คำโต
ตัวคุณชวนปลอดข้อหาทุจริต คอร์รัปชัน แต่ถูกค่อนแคะว่าเอาเรือให้โจรยืมไปปล้นชาวบ้าน!
จากนั้นคุณชวน “ใช้อภิสิทธิ์” ปั้นทายาทการเมือง เริ่มต้นก้าวกระโดดจากตำแหน่ง ส.ส.โฆษกรัฐบาล คั่นชั่วคราวโดยเก้าอี้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดูแลงานสำนักงานส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ก่อนคว้าเก้าอี้หัวหน้าพรรคท่ามกลางความขัดแย้งจนพรรคแตกบิ่น
จากนั้น สถานการณ์บ้านเมืองเกิดวิกฤตมีช่องว่าง เปิดทางให้ขบวนการชุบมือเปิบ ตีกิน ดันหลัง หนุ่มอายุยังน้อย เกิดในอังกฤษ การศึกษา ชาติตระกูลดี ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ชาวบ้านคาดหวังว่าการเมืองไทยจะมีผู้นำรุ่นใหม่ ก้าวจากบ่อน้ำเน่า เข้าสู่ยุคปฏิรูปใสสะอาด ประชาชนจะได้เห็นการทุจริต คอร์รัปชันลดน้อย งบประมาณถูกใช้บริหารบ้านเมืองเต็มที่
ย่างเข้าสู่ปีที่ 2 ผู้นำคนใหม่ผ่านวิกฤตสารพัด การประชุมสุดยอดอาเซียนโดนเสื้อแดงป่วนจนล่ม ผู้นำระดับโลกหนีตายกระเซอะกระเซิง ผู้ก่อการร้ายเสื้อแดงสู้แล้วรวยเผาบ้านเผาเมือง 2 รอบ ทหารเกือบ 3 กองร้อยโดนละลายย่านถนนราชดำเนิน เราจึงได้ตระหนักถึงความจริง
ผู้นำรัฐบาลชื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นั้น เป็นได้เพียง “โฆษกประเทศ” เท่านั้น! ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ ความล้มเหลวในการจัดการปัญหาบ้านเมืองปรากฏชัด เรื่องง่ายๆ ทำให้ยาก เน้นโกงมาก พูดมาก ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับประชาชน ใช้ความดื้อรั้นเป็นอาวุธ จนพลาดท่าเสียทีเขมรหมดรูป
ชาวบ้านถอดใจ หมดอาลัยตายอยาก ปากพร่ำพูด “อนิจจา! อภิโธ่ อภิถัง อภิสิทธิ์!!!” ฮ่า!
เอาเถอะ! ตำแหน่ง “โฆษกประเทศ” ย่อมเหนือกว่าโฆษกธรรมดา เกินกว่าโฆษกรัฐบาลแน่นอน ไม่ใช่ใครก็เป็นได้ ต้องมีบุคลิก ความสามารถพิเศษด้านการพูดโน้มน้าวจิตใจ กล่อมความคิดผู้อื่นด้วยคำพูด ยังมีคุณสมบัติเฉพาะถูกหลอมตั้งแต่เกิด คือ แนวโน้มความหล่อ
แม้จะไม่หล่อลากดิน ก็ยังทำเอาแม่ยกหกคะเมนร้องอุ๊ยตาย! ว้ายกรี๊ด! เฉียดลุ่มหลงจนสติแตก เลอะเลือน! ต่อให้ “โฆษกประเทศ” ทำอะไรผิดพลาดซ้ำซาก ก็กลายเป็นถูกต้องไปหมด
ดังนั้น “โฆษกประเทศ” ไม่ใช่ตำแหน่งลอยๆ หรือได้มาเพราะโชคช่วย ต้องพิสูจน์ด้วยผลงานชัดเจน! พูดได้ทุกเรื่อง ทุกที่ ยืนหน้าโพเดียมได้นานๆ ยิ่งนานคำพูดยิ่งลื่นไหล น้ำลายแตกฟอง อาจถึงขั้นเสพติดโพเดียม ถ้าไม่โดนโห่ไล่ก็จะไม่เดินลงเด็ดขาด แม้คนฟังจะรู้สึกเหมือนถูกทรมาน
เคยมีคนลองของประกบติด คิดจะวัดรอยเท้า ผลออกมาคนท้าชิงได้ฉายา “มิ่ง โพเดี้ยง” แต่ยังไม่เข็ดหลาบ เข้าค่ายฟิตซ้อม จะยื่นหนังสือท้าชิงโพเดียม ในงานอภิปรายไม่ไว้วางใจสัปดาห์นี้แหละ ประเด็นหลักส่วนตัว คือ อยากล้างตาให้รู้ว่าใครเป็นเจ้าแห่งโพเดียมแท้จริง
มีความแตกต่างในสาระสำคัญ การเป็นหัวหน้ารัฐบาลและเป็นโฆษกประเทศเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือด้วยนั้น เป็นภารกิจธรรมดา ดังเช่นประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ ในยามวิกฤตต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ผู้นำรัฐบาลต้องรับบทโฆษก ใครทำแทนไม่ได้!
อีกกรณีคือผู้มีคุณสมบัติเพียง “โฆษกรัฐบาล” แต่ดิ้นรนขอยกระดับโดยผ่านการเลือกตั้ง และการโหวตเสียงในสภาให้เป็นผู้นำรัฐบาล หวังชื่อเสียง แต่มีขีดจำกัดด้านความใจถึง ความเด็ดขาด ทำให้ลูกตาดำซ่อนอยู่หลังตาขาวยามวิกฤต จึงขอรับเป็นเพียง “โฆษกประเทศ” เท่านั้น
งานบริหารบ้านเมืองจึงถูกมอบหมายให้ผู้ทรงอิทธิพลกุมอำนาจรัฐบาล! ตัวเองเสี่ยงต่อการถูกครอบงำความคิดโดยคนแวดล้อมวัยใกล้เคียงกัน รสนิยมเดียวกัน จนประเทศเสียหาย
ตัวเองขอผูกขาดงานสังคมพิธีกรรมโพเดียม ประชุมสัมมนา ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับนานาชาติ เช่น เป็นนายแบบหมวกถุงยางอนามัย จ้อตามงานวัด ประชุมอาเซียน ประชุมดาวอส ถึงการประชุมสหประชาชาติ โชว์ทักษะความลื่นไหลในสำนวนโวหาร ยิ้มพิมพ์ใจ หน้าหล่อ
ฉะนั้น มีความต่างชัดเจนระหว่างผู้นำประเทศควบตำแหน่งโฆษกประเทศในกรณี “โอบามา” และผู้นำรัฐบาลแต่รับงานหลักเป็น “โฆษกประเทศ” เช่น “โอบามาร์ค”! แม่นบ่!
มีคำพูดว่า “คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง” แต่กรณี “โฆษกประเทศ” ถือเป็นลักษณะ “ทวิพลัง” 2 เด้ง “คารมเป็นต่อ หล่อเต็มสูบ คอนกรีตเสริมเหล็ก ด้านทนต่อแรงเสียดสี” สามารถต้านพลังแดงเผาเมือง 2 รอบ ยืนหยัดสู้พิษน้ำลายสลายหน้ากากโดยพันธมิตรฯ ได้นานกว่า 1 เดือนแล้ว
ออกอาการแกว่ง เป๋ไปเป๋มา ก็ยังรักษาสภาพเลือดกลบปาก ไม่พ่นออกมาให้ใครเห็น! อาศัยแรงกรี๊ดของพวกแม่ยกรักลุ่มหลงจนอกแตกสร้างเกราะป้องกันข้อกล่าวหาสารพัด แม่ยกยอมทุกอย่าง เพียงไม่ถึงขั้นบอกว่าสิ่งที่ขับถ่ายดันออกจากร่างกาย “โฆษกประเทศ” มีกลิ่นหอม! ฮ่า!
การเป็น “โฆษกประเทศ” จึงเป็น “อภิสิทธิ์” เฉพาะตัว ใครจะคิดลอกเลียนแบบ หรือทึกทักเอาเองว่ามีความสามารถ ต้องผ่านการดวลฝีปากบนโพเดียมทั้งในและนอกสภาฯ ที่ผ่านมาเหยื่อของ “มาร์ค โพเดียม” อยู่ในสภาพกลับบ้านไม่ถูก ศพไม่สวย ซากไม่สมบูรณ์ ชิ้นส่วนไม่ครบ
คนเดียวที่ “โฆษกประเทศ” กลัว เหมือนงูหลามแพ้เชือกกล้วย คือ ฮุนเซน ทรราชถ่อย เป็นสุดยอด “ฆ้องปากแตก” กล้ามายืนด่า “มาร์ค โพเดียม” ในเมืองไทยได้! จริงมั้ยนิ! อิอิอิ!!!