xs
xsm
sm
md
lg

"ฮุนเซน"กร้าวไม่คุยทวิภาคี-ยันอธิปไตยเหนือไทยดึงทูตทัวร์พื้นที่4.6ตร.กม.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "เขมร" เล่นเล่ห์หวังอ้างสิทธิในพื้นที่ พาผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร 12 ประเทศ ทัวร์ปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาท “รัฐบาลมาร์ค” เสียค่าโง่ "ฮุนเซน" ลั่น! จะไม่มีการคุยแบบทวิภาคี ไม่ว่าระดับไหนชุดไหน “ซก อาน” ชี้ต้องคุยกันที่สนญ.ยูเนสโกก่อน ประชุมมรดกโลกเดือนมิ.ย.นี้ “ประวิตร” อ้างเขมรยังยื้อไม่กำหนดการประชุมจีบีซีกับไทย ส่อเค้าเล่นเกมยาว พธม.ชี้ นำทูตต่างชาติเข้าพื้นที่ต้องขออนุญาตไทยก่อน

วานนี้ (3 มี.ค.) สำนักข่าวในกัมพูชา อ้างว่า ช่วงเช้ากระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้นำผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร 19 คนจาก 12 สถานทูตประจำกรุงพนมเปญ เช่น สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นิวซีแลนด์ มาเลเซีย พม่า ลาวและเวียดนาม ลงพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่ 4.6 ตร.กม.รอบปราสาท แม้ฝ่ายไทยจะประท้วง โดยมีการตรึงกำลังทหารมาตลอดสัปดาห์
พลโทชุม สุเชียต โฆษกกระทรวงกลาโหม อ้างว่า ไม่มีเหตุผลใดที่การเยือนดังกล่าวจะเพิ่มความตึงเครียด “กัมพูชาเพียงนำทูตทหารต่างชาติเหล่านั้นไปเยือนชายแดนภายในเขตกัมพูชา ดังนั้น ไม่มีอะไรที่จะไปเพิ่มความตึงเครียด” และเพิ่มเติมว่า “ประเทศไทยได้นำทูตทหารต่างชาติไปเยือนพรมแดนเมื่อเร็ว ๆ นี้ และกัมพูชาก็ไม่ได้พูดว่ามันสร้างความตึงเครียด”

มีรายงานด้วยว่า นายฮุนเซน ประกาศ “จะไม่มีการคุยแบบทวิภาคี ไม่ว่าระดับไหนชุดไหน” สืบเนื่องจากที่กระทรวงกลาโหมไทย ได้ประสานกัมพูชาเพื่อให้เร่งประชุมคณะกรรมการชายแดน (จีบีซี)ให้เร็วขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ จากเดิมกำหนดในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมไทย และพล.อ.เตียบันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชา ได้เจรจากัน แต่กัมพูชาซึ่งจะเป็นเจ้าภาพ “ยังเล่นตัวไม่ตอบรับ”

มีรายงานข่าวว่า การลงพื้นที่ของทูตทหารหลายประเทศจากฝั่งกัมพูชานั้น ทหารชั้นผู้ใหญ่ฝั่งไทย ยังไม่มีคำสั่งอะไรออกมา เพียงรอการประท้วงอีกรอบเท่านั้น เพราะเกรงว่า ปัญหาจะบานปลายไปเข้าทางกัมพูชา ขณะที่ทูตทหารไทยที่พนมเปญ ก็ไม่สามารถล็อบบี้การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้

**กร้าวไม่คุยหากไทยมีอุบาย

วันเดียวกัน นายซก อาน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานกรรมาธิการยูเนสโกแห่งชาติของกัมพูชา กล่าวว่าการยิงกระสุนปืนครกของทหารไทยกว่า 400 ลูก เข้าใส่ปราสาทพระวิหาร เป็นความจงใจและมีเป้าหมายที่จะทำลายปราสาท

สิ่งเร่งด่วนที่กัมพูชาต้องทำซึ่งได้รับความเห็นชอบจากทั้งนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และทูตพิเศษยูเนสโก นายโคอิชิโร มัตสึอุระ คือให้จัดการประชุมร่วมระหว่างตน (ซก อาน) และคู่เจรจาฝ่ายไทย
อย่างไรก็ตาม เขาย้ำว่าจะต้องไม่เป็นการประชุมที่จัดขึ้นภายใต้อุบายของไทยที่จะปิดประตูเพื่อใช้กำลังทหารโจมตีกัมพูชา และผลักให้สหประชาชาติ อาเซียน ยูเนสโก หรืออื่น ๆ ที่ต้องการเข้าแทรกแซงให้เกิดสันติภาพออกไป

**ลั่น!ยูเนสโกต้องเป็นพยาน

ดังนั้น การประชุมที่จะมีผล คือต้องมียูเนสโกเป็นพยาน และจะต้องจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโกโดยมีผู้นำยูเนสโกเข้าร่วม นายซก อาน กล่าวและอ้างถึงการประชุมครั้งก่อนหน้ากับอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ นายนพดล ปัทมะ ที่มีรองผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโกเข้าร่วม ซึ่งนำไปสู่มติการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารในไม่กี่สัปดาห์ให้หลังที่เมืองควิเบค

นอกจากนี้ เขายังยกตัวอย่างการประชุมที่บราซิล ซึ่งทำให้เกิดการลงนามเอกสารข้อตกลง 5 ข้อ พร้อมกับการยื่นมือเข้ามาของรัฐมนตรีวัฒนธรรมบราซิลในฐานะประธานการประชุมประจำปีของคณะกรรมการมรดกโลก

“เราได้เตรียมการประชุมหารือกับคู่เจรจาฝ่ายไทยที่สำนักงานใหญ่ยูเนสโก คาดว่าจะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม และจะมีการประชุมเตรียมการที่ปารีสก่อนหน้าการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่บาห์เรน” นายซก อาน กล่าว

“เราได้เรียกร้องให้อินโดนีเซียจัดส่งคณะผู้สังเกตการณ์มาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เขากล่าวและเพิ่มเติมว่านายฮุน เซน ได้ประชุมพิเศษเมื่อวันอาทิตย์ และได้ระบุว่าคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นสนับสนุนประธานอาเซียนอย่างมากต่อบทบาทการประสานงาน

นายซก อาน ยืนยันว่ากระบวนการเร่งด่วนถูกดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวันอาทิตย์ รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนได้ส่งจดหมายมายังกัมพูชา ร้องขอให้กัมพูชาเตรียมขั้นตอนการปฏิบัติการสำหรับผู้สังเกตการณ์

เราหวังว่าสถานการณ์ความตึงเครียดจะลดน้อยลง เมื่อผู้สังเกตการณ์เริ่มปฏิบัติงาน และกระตุ้นให้ทั้งยูเนสโกและคณะกรรมการมรดกโลกให้แสดงความใส่ใจอย่างสูงที่จะช่วยปกป้อง และคุ้มครองปราสาทพระวิหาร อ้างถึงอนุสัญญา ค.ศ. 1954 ในการคุ้มกันทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในยามที่ขัดแย้งกันด้วยอาวุธ นายซก อาน เสนอว่ายูเนสโกควรจะมีวิธีการอย่างรวดเร็วไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และกัมพูชาในขณะนี้พิจารณาขอคณะผู้สังเกตการณ์ในลักษณะที่คล้ายในอิสราเอลและอาราเบีย

**ผบ.ทบ.ยันทหารไทยยังตรึงกำลังแน่น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 รับทราบว่า สถานการณ์เรียบร้อยดี ไม่มีเหตุการณ์กระทบใดๆเกิดขึ้น ไม่มีปัญหาอะไร ทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่ยังคงดูแลปกติ ไม่มีการขยับกำลังอะไรออกจากพื้นที่ทั้งสิ้น ทหารรักษาอธิปไตยที่มีอยู่ ขณะนี้รอการพูดคุยระดับจีบีซี ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ โดยขณะนี้รมว.กลาโหมไทยกำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ยืนยันว่าการทำสิ่งใดก็ตามหลีกเลี่ยงข้อเท็จจริงไปไม่ได้ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรทุกคนทราบดี อย่ากังวล ตนเรียนไปแล้วว่า เหตุการณ์ปะทะเราไม่ได้เป็นคนเริ่มกระสุนนัดแรก เราพยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราจำเป็นต้องรักษาอธิปไตย และรักษาความปลอดภัยให้ประชาชน และที่ผ่านมา ทหารในพื้นที่เกิดอันตราย ดังนั้นหากเขายิงมา เราจำเป็นต้องตอบโต้กลับไป

**ประวิตร”อ้างเขมรยังยื้อไม่กำหนดจีบีซี

ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับทางกัมพูชาเพื่อขอให้มีการประชุมจีบีซี โดยการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 ซึ่ง กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ดังนั้นเขามีสิทธิ์กำหนดวันเวลาตามความพร้อมของเขา แต่ตนพยายามเต็มที่เพื่อให้มีการประชุม เพราะถือเป็นจุดยืนของไทยที่จะให้มีการคุยแบบทวิภาคี ซึ่งการประชุมไม่ได้มีการพูดเรื่องเขตแดน แต่พูดเรื่องการวางกำลังทหาร ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ประชาชน ความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า กัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือในจีบีซีนั้น ถือว่าเป็นส่วนของกัมพูชา แต่เราพยายามประสานงานอย่างเต็มที่เพราะปัญหาทุกอย่างเชื่อมั่นว่า ทั้งสองประเทศจะคุยกันรู้เรื่อง

**พธม.ยันทูตทหารลงพื้นที่ ต้องขออนุญาติไทย

ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ แถลงถึงกัมพูชานำทูตทหารลงพื้นที่ ว่า ทางกัมพูชาได้เชิญทูตทหารเข้าสำรวจพื้นที่โดยอ้างว่าเพื่อดูความเสียหายของวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และปราสาทพระวิหาร โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา ซึ่งหากรัฐบาลไทย โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่าขอบหน้าผาคือสันปันน้ำตามที่พูดไว้เมื่อวันที่ 7-8 ส.ค.53 ทางกัมพูชาก็ไม่สามารถนำทูตทหารเข้าพื้นที่ที่ระบุได้ หากประเทศไทยไม่อนุญาต แต่ถ้าปล่อยให้กัมพูชานำทูตทหารเข้าพื้นที่โดยไม่ขออนุญาตประเทศไทย เท่ากับยอมรับว่าพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นของกัมพูชา ซึ่งลักษณะนี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการวางกำลังทหารสังเกตการณ์ของอินโดนีเซียที่จะมาในพื้นที่ดังกล่าวด้วย โดยจะถูกอ้างว่าเป็นพื้นที่ของกัมพูชา และจะเป็นการรับรองการรุกล้ำดินแดนไทยของกัมพูชา

“เจตนารมณ์ของภาคประชาชนไม่ต้องการให้ชาติใดเข้ามาแทรกแซง โดยเฉพาะการมาแทรกแซงไม่ให้มีการใช้กำลังทหาร ทั้งที่กัมพูชายึดครองดินแดนไทยอยู่ เพราะทหารไทยมีหน้าที่ในการปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ ผลักดันทหารและชุมชนกัมพูชาที่มีเจตนายึดครองประเทศไทย และมุ่งหมายให้นานาชาติรับรองพื้นที่เหล่านั้นให้เป็นของกัมพูชาออกไปให้ได้” นายปานเทพ กล่าว

ส่วนกรณีของนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกคุมขังอยู่ที่กัมพูชา นายปานเทพกล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศเป็นฝ่ายอธิบายโฆษณาชวนเชื่อมาตลอดว่าทั้ง 2 คนได้ลงนามขออภัยโทษแล้ว แต่นายการุณ ใสงาม แกนเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ และทีมที่ปรึกษาด้านกฎหมายของนายวีระและ น.ส.ราตรี ออกมาระบุว่าทั้ง 2 คนยังไม่ได้ลงนามขออภัยโทษ และได้ดำเนินการยื่นขออุทธรณ์กับศาลกัมพูชาไปแล้ว ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศนำหนังสือการลงนามของนายวีระ และ น.ส.ราตรีว่าขออภัยโทษจริงหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครได้พบนายวีระ และ น.ส.ราตรีเลย

โดยเฉพาะการที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่านายวีระป่วยหนัก ทั้งที่ไม่ได้เข้าพบ จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เนื่องจากตัวแทนของฝ่ายไทยไม่มีใครได้พบทั้ง 2 คน จึงไม่สามารถทราบได้ว่าได้ถูกกระทำอย่างไรบ้างในเรือนจำกัมพูชา สะท้อนให้เห็นว่าทางกัมพูชาได้ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนที่ไม่ให้มีใครเข้าพบทั้ง 2 คน ซึ่งกรณีอาการป่วยของนายวีระนั้น ตนได้ทราบจาก ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ซึ่งเคยติดคุกร่วมกับนายวีระว่า นายวีระมีอาการผื่นคันเป็นปกติอยู่แล้ว การที่นายพนิชมาย้ำว่าป่วยหนัก ทำให้เราเป็นห่วง โดยเฉพาะการที่รัฐบาลพยายามชี้นำให้ประชาชนเชื่อว่านายวีระป่วยหนักจริง แต่ไม่มีใครได้เข้าพบเลย จึงน่าสงสัยว่าปัจจุบันเกิดอะไรขึ้นกับนายวีระ และ น.ส.ราตรี เพราะกัมพูชาไม่ต้องให้มีการสื่อสารกับคนภายนอก

“การอ้างว่าทั้ง 2 คนขออภัยโทษโดยไม่มีหลักฐาน เสมือนเป็นการกล่าวเอาเองจากฝ่ายรัฐบาล เราจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยหนังสือว่ามีการขออภัยโทษจริงหรือไม่ หากปฏิเสธก็ต้องถือว่ากระทรวงการต่างประเทศโกหกประชาชนไทย” นายปานเทพกล่าว

ส่วนกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่ากรณีนายวีระและ น.ส.ราตรีอยู่นอกเหนืออำนาจรัฐบาลไทย ขณะที่นายพนิชพยายามขอร้องให้ภาคประชาชนหยุดการเคลื่อนไหวกดดัน นายปานเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลพยายามให้ภาคประชาชนหยุดการเคลื่อนไหว โดยที่รัฐบาลจะไม่ช่วยตามวิถีทางที่ถูกต้อง โดยต้องไม่ลืมว่านายอภิสิทธิ์เป็นผู้ประกาศเองเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.53 ว่าไม่ยอมให้ 7 คนไทยเข้าสู่กระบวนการศาลของกัมพูชา แต่กลับปล่อยให้มีการดำเนินคดีกับทั้ง 7 คน โดยไม่มีการใช้อำนาจรัฐหรือมาตรการทางเศรษฐกิจเข้ากดดันแต่อย่างใด เท่ากับรัฐบาลเข้าข่ายการกระทำผิดประมวลกฎหมายอาญาได้ ที่ไปยอมรับอำนาจอธิปไตยของประเทศอื่นในผืนแผ่นดินไทย

**พธม.ยืนยันไม่มีการกดดันก้าวก่าย

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯเห็นใจนายวีระและ น.ส.ราตรี โดยมีความพยายามในการช่วยเหลือ แต่เนื่องจากภาคประชาชนไม่ได้มีเครื่องมือ หรืออำนาจในเรื่องนี้จึงเป็นการยาก ต่างจากรัฐบาลที่สามารถทำได้แต่ไม่ทำ ส่วนกรณีที่นายพนิชกล่าวเตือนมายังพันธมิตรฯว่า อย่ากดดันนายวีระ และ น.ส.ราตรี รวมทั้งครอบครัวของทั้ง 2 คนนั้น ตนยืนยันว่าเราไม่เคยกดดันหรือก้าวก่ายใดๆเลย เพราะเรารู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรทำ นายพนิชน่าจะไปเตือนนายอภิสิทธิ์และรัฐบาลที่ทำผิดพลาดมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามในการประชุมของคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเป็นการเฉพาะกิจ เพื่อติดตามความทุกข์ยากของนายวีระ และ น.ส.ราตรี รวมทั้งกำหนดมาตรการในการช่วยเหลือ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากยังไม่ทราบว่าสามารถทำได้ขนาดไหนในฐานะที่เป็นภาคประชาชน

** “มาร์ค”ไม่สะใจคนไทยติดคุก

ที่รัฐสภา นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ สส.นครราชสีมา พรรครวมชาติพัฒนา ตั้งกระทู้ถามสดว่า ความล่าช้าในการเข้าไปช่วยเหลือ 2 คนไทย คือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งยังถูกขังอยู่ที่เรือนจำที่ประเทศกัมพูชา หลายคนมองว่ามีคนสะใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงอยากทราบว่ารัฐบาลดำเนินการช่วยเหลืออย่างไร

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ชี้แจงว่า รัฐบาลไม่มีความสะใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่มีคนกล่าวอ้าง รัฐบาลได้เข้าไปช่วยเหลือ 7 คนไทย โดย 5 คนไทยมีข้อหาเดียวกันคือเข้าเมืองผิดกฎหมาย และเข้าไปในสถานที่ราชการจึงได้รับการปล่อยตัวออกมา แต่นายวีระกับน.ส.ราตรี มีข้อหาที่เพิ่มขึ้นมาคือการใช้กล้องถ่ายภาพในสถานที่ที่หวงห้ามโทษจึงต่างกัน ส่วนการช่วยเหลือ 5 คนไทยตัดสินใจลงนาม ขณะที่ 2 คนไม่ได้ลงนาม

ขณะนี้มี 2 แนวทางที่จะช่วยเหลือ 1.อุทธรณ์ และ 2. ขออภัยโทษ ปัญหาคือมีการตั้งทีมกฎหมายซ้อนกันอยู่ ก่อนหน้านี้มีทนายคนไทยร่วมอยู่ด้วย ซึ่งต้องให้เจ้าตัวหรือครอบครัวตัดสินใจว่าจะดำเนินตามแนวทางใด แต่ตอนนี้ทีมกฎหมายทั้ง 2 ทีมไปคนละแนวทาง ซึ่งจะดำเนินแนวทางใด เราต้องคำนึงถึงความเหมาะสม จะทำอะไรต้องรอบคอบเพราะถ้าเราก้าวพลาดโอกาสจะไม่กลับมา ดังนั้นเราต้องดูทุกรูปแบบว่าจะทำอย่างไรให้ทั้ง 2 คนได้รับอิสระภาพกลับมา และยืนยันว่ารัฐบาลใช้ทุกช่องทาง แต่ต้องไม่กระทบกระเทือนสิทธิ และประชาธิปไตยของประเทศไทยด้วย ซึ่งนายวีระก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ทั้งที่เปิดเผยและไม่เปิดเผย ซึ่งยืนยันว่าจะทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด

**"เทือก" ซัดม๊อบเรียกร้องตามอำเภอใจ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า เราก็พยายามเจรจาอยู่ตลอดเวลา แต่ต้องชี้แจงว่าการต่อรองเรื่อง 2 คนไทยที่ถูกดำเนินคดีอยู่ในกัมพูชานั้น มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจที่รัฐบาลไทยจะไปดำเนินการได้ ดังนั้นต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา แต่การอำนวยความสะดวกต่างๆ รัฐบาลได้สั่งให้กระทรวงการต่างประเทศโดยสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญ ดูแลทุกอย่างอยู่แล้ว

“การที่จะมาเรียกร้องเอาตามอำเภอใจนั้น เราคงทำให้ไม่ได้ ส่วนเรื่องการที่เรียกร้องเกี่ยวกับคดีความอะไรต่างๆ นั้น ตราบใดที่เรายังยึดหลักการปกครองแบบประชาธิปไตย เราก็ต้องเคารพกฎหมาย” รองนายกฯ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น