ASTVผู้จัดการรายวัน- รัฐบาลยังท่องคำว่า "ทวิภาคี" แต่ยอมให้ยูเนสโก เป็นผู้ทำแผนลดความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา อ้างไม่ใช่การแทรกแซง แค่ประสานงานเท่านั้น ส่วนมทภ. 2 ย้ำสถานการณ์ชายแดนยังปกติ นายกอบต.-กำนัน ต.เสาธงชัย จวกรัฐบาลเขมรจอมลวงโลก ปีศาจกระหายสงคราม ยิงถล่มไทยก่อน ทำเจ็บตาย บ้านเรือนพังยับ ยังมีหน้ามาหอบหลักฐานร้องยูเนสโก กล่าวหาไทยเป็นฝ่ายก่อสงคราม อินโดอ้างรอไทยตอบรับแผน
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายโคอิชิโร มัทซุอุระ ผู้แทนพิเศษจากยูเนสโก เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วานนี้ (1 มี.ค.) ว่า ผู้แทนยูเนสโกได้รับข้อเสนอของไทยที่ต้องการลดความตรึงเครียดในพื้นที่ระหว่างไทย-กัมพูชาลง โดยผู้แทนพิเศษรับที่จะไปเรียนให้คณะกรรมการยูเนสโกทราบ และจะกลับไปทำข้อเสนอผ่านทางยูเนสโกก่อนเสนอมาที่ไทยอีกครั้ง
"ในชั้นนี้ต้องมีการปรึกษาหารือกับยูเนสโกก่อน จึงไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ โดยทางรัฐบาลจะเร่งให้ยูเนสโกทำข้อเสนอ และส่งกลับมาที่ไทยอีกครั้ง ทั้งนี้มีหลายแนวทางที่จะลดความตรึงเครียด โดยเฉพาะการดูแลเรื่องพื้นที่ที่ขณะนี้ยังเป็นปัญหาอยู่ ดังนั้น ขณะนี้เป็นเรื่องของยูเนสโกที่ต้องเร่งทำแผน เพื่อให้เราเห็นอย่างเป็นทางการ เมื่อเสร็จแล้วยูเนสโก น่าจะได้แถลงให้รับทราบ"นายปณิธานกล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมกลายเป็นว่ายูเนสโกจะเป็นคนทำแผนให้ 2 ประเทศปฏิบัติตาม หากเป็นแบบนี้ ถือว่ายูเนสโกแทรกแซงหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่ได้ถูกแทรกแซง เพราะตรงนี้เป็นส่วนของการประสานงาน และเป็นการทำงานของยูเนสโกอยู่แล้ว ซึ่งไทยไม่สามารถสั่งยูเนสโกได้ แต่ได้ยืนยันว่า ในที่สุดแล้วการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา อยู่ที่กลไกทวิภาคี
** มทภ.2 ยันสถานการณ์ชายแดนปกติ
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชา ว่า ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ สำหรับกระแสข่าวในขณะนี้ที่กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย จะส่งตัวแทนเข้ามาสังเกตการณ์การปฏิบัติหน้าที่ของทหารไทย ที่ประจำอยู่ในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ตนได้รับทราบมาเช่นกัน แต่รายละเอียดนั้น ยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ทหารกองทัพภาคที่ 2 ต้องรอคำสั่งจากรัฐบาลผ่านกระทรวงกลาโหมมายังผู้บังคับบัญชา จึงจะสามารถดำเนินการได้ ซึ่งทหารกองทัพภาคที่ 2 ก็มีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งได้ทันที ไม่มีปัญหาอุปสรรคแต่อย่างใด ส่วนการเดินทางเข้ามาสังเกตการณ์ของตัวแทนกลาโหมอินโดนิเซียในครั้งนี้จะเกิดผลอย่างไรบ้าง ก็คงให้รัฐบาล หรือผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจพิจารณา
**ซัดฮุนเซนจอมลวงโลก-ปีศาจสงคราม
นายโชคชัย สายแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวถึง กรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาหอบหลักฐานร้องต่อยูเนสโกว่า ถูกทหารไทยยิงถล่มก่อนกว่า 300 นัด จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงบริเวณเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้ในฐานะที่ตนอยู่ในพื้นที่ และใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่าทหารไทยไม่ได้เป็นฝ่ายยิงใส่ฝ่ายกัมพูชาก่อน แต่ทหารไทยถูกฝ่ายกัมพูชายิงถล่มด้วยอาวุธปืนนานาชนิด รวมทั้งปืนใหญ่ และจรวดบีเอ็ม 21 ทำให้ต้องตอบโต้ เพื่อเป็นการรักษาอธิปไตยของชาติไทย ซึ่งในการยิงตอบโต้กันนั้น เมื่อเห็นว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ยิงปืนใหญ่เข้ามาในเขตไทยแล้ว ทหารไทยก็หยุดยิงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายของบ้านเรือนราษฎรของประชาชนไทย เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ทหารกัมพูชาเป็นต้นเหตุของการก่อสงครามและระดมยิงอาวุธร้ายแรงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย เสียชีวิต รวมทั้งบ้านเรือน ทรัพย์สิน พังเสียหายยับเยินเป็นจำนวนมาก หากมีการนำเอาหลักฐานเหล่านี้ไปไปพิสูจน์ชี้แจง เชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชาจะอับอายไปทั่วโลก เพราะสายตาของสังคมโลกต้องมองว่ารัฐบาลกัมพูชาเป็นจอมลวงโลก หวังตบตา โกหกคนทั้งโลกจากการที่ได้พยายามก่อสงครามในครั้งนี้ขึ้นมา
ด้านนายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุปะทะกันระหว่างไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนเขาพระวิหารอย่างรุนแรงในวันแรก 4 ก.พ. และวันที่ 6 ก.พ. ตนได้อยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอด ได้รับทราบและรู้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทหารกัมพูชาใช้อาวุธยิงถล่มใส่ฝ่ายไทยก่อน ส่งผลให้ทหารไทยจำเป็นต้องตอบโต้ เพราะคงไม่มีชาติใดในโลกนี้ ที่จะปล่อยให้ทหารต่างชาติยิงถล่มใส่ดินแดนของตัวเอง โดยไม่ทำอะไร
"เรื่องนี้หากรัฐบาลกัมพูชานำไปร้องเรียนต่อยูเนสโก หลักฐานความเสียหายของบ้านเรือนชาวบ้าน รวมทั้งสภาพศพของประชาชนชาวไทยศีรษะขาด เสียชีวิต และซากเศษจรวดบีเอ็ม 21 จะเป็นเครื่องพิสูจน์ และยืนยันได้ว่ารัฐบาลกัมพูชา คือ ปีศาจร้าย กระหายสงคราม ทำให้ชาวไทยที่รักสงบ และอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ต้องอพยพหนีภัยสงครามกว่า 30,000 คน ฉะนั้นหากรัฐบาลกัมพูชายังคงสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อโกหกคนทั้งโลกความสงบสุขตามแนวชายแดนไทย- กัมพูชา ก็คงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน" นายวีรยุทธกล่าว
**อินโดอ้างรอไทยตอบรับแผน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายมาร์ตี นาทาเลกาวา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า กัมพูชาตอบรับด้วยดีต่อข้อกำหนดอำนาจหน้าที่และแผนแม่บท (TOR) ว่าด้วยการสังเกตการณ์กรณีพิพาทกับไทย ในนามของประธานอาเซียน อินโดนีเซียจะส่งคณะผู้สังเกตการณ์ไปยังไทยและกัมพูชาเพื่อประเมินสถานการณ์บริเวณชายแดน
"เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราได้ส่ง TOR ไป ซึ่งกัมพูชาตอบรับด้วยดี ตอนนี้เหลือแค่รอการตอบรับจากไทย" เขากล่าวและว่า อินโดนีเซียได้จัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ 2 คณะ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 30 คน โดยจะส่งไปยังไทยและกัมพูชาประเทศละ 15 คน และคณะดังกล่าวจะออกจากพื้นที่หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว
**ททท.ทำหนังสือแจงออสซี่-ไต้หวัน
นายอภิชาติ อินทร์พงษ์พันธุ์ ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ออสเตรเลียและไต้หวัน ได้ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวของตนที่จะเดินทางมาไทยในระดับ 3 จากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ททท.จะให้ทางสำนักงาน ททท.ในประเทศดังกล่าว เร่งทำหนังสือแจ้งให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริงในปัจจุบันเป็นการด่วนว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่การปะทะ เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นในแง่ของจิตวิทยาให้แก่นักท่องเที่ยวของออสเตรเลียและไต้หวัน รวมถึงประเทศอื่นๆ เพราะถ้าเกิด 2 ประเทศนี้เผยแพร่การแจ้งเตือนออกไปในวงกว้าง ก็จะทำให้ชาติอื่นๆรับรู้ ซึ่งไทยจะเสียภาพลักษณ์
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายโคอิชิโร มัทซุอุระ ผู้แทนพิเศษจากยูเนสโก เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี วานนี้ (1 มี.ค.) ว่า ผู้แทนยูเนสโกได้รับข้อเสนอของไทยที่ต้องการลดความตรึงเครียดในพื้นที่ระหว่างไทย-กัมพูชาลง โดยผู้แทนพิเศษรับที่จะไปเรียนให้คณะกรรมการยูเนสโกทราบ และจะกลับไปทำข้อเสนอผ่านทางยูเนสโกก่อนเสนอมาที่ไทยอีกครั้ง
"ในชั้นนี้ต้องมีการปรึกษาหารือกับยูเนสโกก่อน จึงไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ โดยทางรัฐบาลจะเร่งให้ยูเนสโกทำข้อเสนอ และส่งกลับมาที่ไทยอีกครั้ง ทั้งนี้มีหลายแนวทางที่จะลดความตรึงเครียด โดยเฉพาะการดูแลเรื่องพื้นที่ที่ขณะนี้ยังเป็นปัญหาอยู่ ดังนั้น ขณะนี้เป็นเรื่องของยูเนสโกที่ต้องเร่งทำแผน เพื่อให้เราเห็นอย่างเป็นทางการ เมื่อเสร็จแล้วยูเนสโก น่าจะได้แถลงให้รับทราบ"นายปณิธานกล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมกลายเป็นว่ายูเนสโกจะเป็นคนทำแผนให้ 2 ประเทศปฏิบัติตาม หากเป็นแบบนี้ ถือว่ายูเนสโกแทรกแซงหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่ได้ถูกแทรกแซง เพราะตรงนี้เป็นส่วนของการประสานงาน และเป็นการทำงานของยูเนสโกอยู่แล้ว ซึ่งไทยไม่สามารถสั่งยูเนสโกได้ แต่ได้ยืนยันว่า ในที่สุดแล้วการแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา อยู่ที่กลไกทวิภาคี
** มทภ.2 ยันสถานการณ์ชายแดนปกติ
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย -กัมพูชา ว่า ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ สำหรับกระแสข่าวในขณะนี้ที่กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย จะส่งตัวแทนเข้ามาสังเกตการณ์การปฏิบัติหน้าที่ของทหารไทย ที่ประจำอยู่ในเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ตนได้รับทราบมาเช่นกัน แต่รายละเอียดนั้น ยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจน ไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม ทหารกองทัพภาคที่ 2 ต้องรอคำสั่งจากรัฐบาลผ่านกระทรวงกลาโหมมายังผู้บังคับบัญชา จึงจะสามารถดำเนินการได้ ซึ่งทหารกองทัพภาคที่ 2 ก็มีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งได้ทันที ไม่มีปัญหาอุปสรรคแต่อย่างใด ส่วนการเดินทางเข้ามาสังเกตการณ์ของตัวแทนกลาโหมอินโดนิเซียในครั้งนี้จะเกิดผลอย่างไรบ้าง ก็คงให้รัฐบาล หรือผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจพิจารณา
**ซัดฮุนเซนจอมลวงโลก-ปีศาจสงคราม
นายโชคชัย สายแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวถึง กรณีที่มีข่าวว่ารัฐบาลกัมพูชาหอบหลักฐานร้องต่อยูเนสโกว่า ถูกทหารไทยยิงถล่มก่อนกว่า 300 นัด จนเป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงบริเวณเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้ในฐานะที่ตนอยู่ในพื้นที่ และใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอยืนยันว่าทหารไทยไม่ได้เป็นฝ่ายยิงใส่ฝ่ายกัมพูชาก่อน แต่ทหารไทยถูกฝ่ายกัมพูชายิงถล่มด้วยอาวุธปืนนานาชนิด รวมทั้งปืนใหญ่ และจรวดบีเอ็ม 21 ทำให้ต้องตอบโต้ เพื่อเป็นการรักษาอธิปไตยของชาติไทย ซึ่งในการยิงตอบโต้กันนั้น เมื่อเห็นว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ยิงปืนใหญ่เข้ามาในเขตไทยแล้ว ทหารไทยก็หยุดยิงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากพยานหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสียหายของบ้านเรือนราษฎรของประชาชนไทย เป็นหลักฐานชัดเจนว่า ทหารกัมพูชาเป็นต้นเหตุของการก่อสงครามและระดมยิงอาวุธร้ายแรงเข้าใส่พื้นที่พลเรือนฝ่ายไทย ทำให้ชาวบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย เสียชีวิต รวมทั้งบ้านเรือน ทรัพย์สิน พังเสียหายยับเยินเป็นจำนวนมาก หากมีการนำเอาหลักฐานเหล่านี้ไปไปพิสูจน์ชี้แจง เชื่อว่ารัฐบาลกัมพูชาจะอับอายไปทั่วโลก เพราะสายตาของสังคมโลกต้องมองว่ารัฐบาลกัมพูชาเป็นจอมลวงโลก หวังตบตา โกหกคนทั้งโลกจากการที่ได้พยายามก่อสงครามในครั้งนี้ขึ้นมา
ด้านนายวีรยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุปะทะกันระหว่างไทยกับทหารกัมพูชา ที่บริเวณชายแดนเขาพระวิหารอย่างรุนแรงในวันแรก 4 ก.พ. และวันที่ 6 ก.พ. ตนได้อยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอด ได้รับทราบและรู้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทหารกัมพูชาใช้อาวุธยิงถล่มใส่ฝ่ายไทยก่อน ส่งผลให้ทหารไทยจำเป็นต้องตอบโต้ เพราะคงไม่มีชาติใดในโลกนี้ ที่จะปล่อยให้ทหารต่างชาติยิงถล่มใส่ดินแดนของตัวเอง โดยไม่ทำอะไร
"เรื่องนี้หากรัฐบาลกัมพูชานำไปร้องเรียนต่อยูเนสโก หลักฐานความเสียหายของบ้านเรือนชาวบ้าน รวมทั้งสภาพศพของประชาชนชาวไทยศีรษะขาด เสียชีวิต และซากเศษจรวดบีเอ็ม 21 จะเป็นเครื่องพิสูจน์ และยืนยันได้ว่ารัฐบาลกัมพูชา คือ ปีศาจร้าย กระหายสงคราม ทำให้ชาวไทยที่รักสงบ และอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ต้องอพยพหนีภัยสงครามกว่า 30,000 คน ฉะนั้นหากรัฐบาลกัมพูชายังคงสร้างหลักฐานเท็จ เพื่อโกหกคนทั้งโลกความสงบสุขตามแนวชายแดนไทย- กัมพูชา ก็คงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน" นายวีรยุทธกล่าว
**อินโดอ้างรอไทยตอบรับแผน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายมาร์ตี นาทาเลกาวา รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซีย กล่าวว่า กัมพูชาตอบรับด้วยดีต่อข้อกำหนดอำนาจหน้าที่และแผนแม่บท (TOR) ว่าด้วยการสังเกตการณ์กรณีพิพาทกับไทย ในนามของประธานอาเซียน อินโดนีเซียจะส่งคณะผู้สังเกตการณ์ไปยังไทยและกัมพูชาเพื่อประเมินสถานการณ์บริเวณชายแดน
"เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราได้ส่ง TOR ไป ซึ่งกัมพูชาตอบรับด้วยดี ตอนนี้เหลือแค่รอการตอบรับจากไทย" เขากล่าวและว่า อินโดนีเซียได้จัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ 2 คณะ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ 30 คน โดยจะส่งไปยังไทยและกัมพูชาประเทศละ 15 คน และคณะดังกล่าวจะออกจากพื้นที่หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว
**ททท.ทำหนังสือแจงออสซี่-ไต้หวัน
นายอภิชาติ อินทร์พงษ์พันธุ์ ผู้อำนวยการภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ออสเตรเลียและไต้หวัน ได้ออกประกาศเตือนนักท่องเที่ยวของตนที่จะเดินทางมาไทยในระดับ 3 จากเหตุการณ์ปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ททท.จะให้ทางสำนักงาน ททท.ในประเทศดังกล่าว เร่งทำหนังสือแจ้งให้นักท่องเที่ยวได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริงในปัจจุบันเป็นการด่วนว่าเหตุการณ์ที่แท้จริงไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่การปะทะ เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นในแง่ของจิตวิทยาให้แก่นักท่องเที่ยวของออสเตรเลียและไต้หวัน รวมถึงประเทศอื่นๆ เพราะถ้าเกิด 2 ประเทศนี้เผยแพร่การแจ้งเตือนออกไปในวงกว้าง ก็จะทำให้ชาติอื่นๆรับรู้ ซึ่งไทยจะเสียภาพลักษณ์
