ASTV ผู้จัดการรรายวัน - “กรณ์” เซ็นแต่งตั้ง 4 คณะกรรมการก.ล.ต. เจ้าเดิม “นนทพล” และ “กำชัย”ยังอยู่ แถมเสริมด้วย อดีตปลัดคลัง “สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์” และอดีตรองผู้ว่าแบงก์ชาติ “บัณฑิต นิจถาวร” ด้านก.ล.ต. ประกาศรุกพัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ลงทุนไทย หลังพบยังมีแค่ส่วนน้อยที่เข้ามาลงทุน เดินหน้าจับมือหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนที่เกี่ยวข้องให้ความรู้พื้นฐานทางการเงิน แบบยุทธศาสตร์แห่งชาติกับประชาชนทุกวัย โดยจัดทำแผนพัฒนา 3ปี (2554-2556)
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการก.ล.ต. จำนวน 4 คน ได้แก่ นายนนทพล นิ่มสมบุญ , นายกำชัย จงจักรพันธ์ , นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ และ นายบัณฑิต นิจถาวร
โดยจากข้อมูลใน เว็บไซต์ของก.ล.ต. พบ ว่า ในด้านนายนนทพล นิ่มสมบุญ นั้น ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของก.ล.ต.มาตั้งแต่ 4 ก.ค. 2549 – 6ก.ค. 2551และ 7ก.ค.2551 – ปัจจุบัน เช่นเดียวกับ นาย กำชัย จงจักรพันธ์ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่ 19 ธ.ค.2549 – 6ก.ค.2551 และ 7ก.ค.2551 – ปัจจุบัน
ขณะที่ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เคยเป็นคณะกรรมการบอร์ดของก.ล.ต.มาแล้วครั้งหนึ่ง ในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงการคลัง ในช่วง 12 มิ.ย.52 -30 ก.ย.53 ส่วน นายบัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)นั้น จากข้อมูลของก.ล.ต.ไม่พบว่า เคยดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการก.ล.ต.เลย
**ลุยพัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ลงทุน
ด้าน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การพัฒนาตลาดทุนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องสร้างฐานผู้ลงทุนที่แข็งแกร่ง แต่ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการลงทุนมีเพียง 7% ของประชากรวัยผู้ใหญ่เท่านั้นที่ลงทุนในตลาดทุน ดังนั้น การสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของการลงทุนและวิธีการลงทุนที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาตลาดทุนไทย ตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและแผนกลยุทธ์ของ ก.ล.ต. ปี 2553-2555
ในเรื่องนี้ ก.ล.ต. จะดำเนินการ 3 ด้านควบคู่กัน ได้แก่ (1) ผลักดันในระดับประเทศ โดยร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ให้การพัฒนาความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ประชาชนเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ โดยครอบคลุมประชาชนวงกว้างตั้งแต่เด็ก เยาวชน วัยทำงาน ไปจนถึงวัยใกล้เกษียณ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดวิธีดำเนินการต่อไป
(2) ผลักดันให้สถาบันตัวกลาง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และธนาคารพาณิชย์ที่ทำหน้าที่ขายสินค้าการลงทุน และผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ผู้วิเคราะห์หลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน และนักวางแผนการเงิน รวมถึงสมาคมที่เกี่ยวข้อง ตระหนักถึงบทบาทและทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ลูกค้า โดยเริ่มจากการทำความรู้จักลูกค้าเพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจของลูกค้าและระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าที่เหมาะสม ตามหลักปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน
และ (3) ก.ล.ต. ให้ความรู้ผ่านกิจกรรมและช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ โดยจัดทำแผนพัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ลงทุนไทยปี 2554 –2556 ที่มีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งผู้ที่ลงทุนอยู่แล้ว และผู้ที่จะเข้ามาเป็นผู้ลงทุนในอนาคต โดยกำหนดสาระความรู้ รูปแบบกิจกรรมและช่องทางให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ จะมีการสำรวจผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรม ประเมินระดับความรู้ และความพึงพอใจต่อกลไกการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนของ ก.ล.ต. ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงแผนงานการให้ความรู้ผู้ลงทุน รวมทั้ง ปรับแนวทางการกำกับดูแลให้เหมาะสม
“แผนพัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ลงทุนไทยของ ก.ล.ต. จะมุ่งเน้นให้ประชาชนเห็นความจำเป็นของการลงทุน และเข้ามาลงทุนอย่างผู้รู้ สามารถปกป้องประโยชน์ตนเองได้ ซึ่งจะทำให้มีทัศนคติที่ดีและมองว่าตลาดทุนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างฐานผู้ลงทุนรองรับการพัฒนาตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยต่อไป” นายธีระชัย กล่าว
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงนามแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการก.ล.ต. จำนวน 4 คน ได้แก่ นายนนทพล นิ่มสมบุญ , นายกำชัย จงจักรพันธ์ , นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ และ นายบัณฑิต นิจถาวร
โดยจากข้อมูลใน เว็บไซต์ของก.ล.ต. พบ ว่า ในด้านนายนนทพล นิ่มสมบุญ นั้น ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของก.ล.ต.มาตั้งแต่ 4 ก.ค. 2549 – 6ก.ค. 2551และ 7ก.ค.2551 – ปัจจุบัน เช่นเดียวกับ นาย กำชัย จงจักรพันธ์ ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวมาตั้งแต่ 19 ธ.ค.2549 – 6ก.ค.2551 และ 7ก.ค.2551 – ปัจจุบัน
ขณะที่ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ เคยเป็นคณะกรรมการบอร์ดของก.ล.ต.มาแล้วครั้งหนึ่ง ในสมัยที่ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงการคลัง ในช่วง 12 มิ.ย.52 -30 ก.ย.53 ส่วน นายบัณฑิต นิจถาวร อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)นั้น จากข้อมูลของก.ล.ต.ไม่พบว่า เคยดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการก.ล.ต.เลย
**ลุยพัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ลงทุน
ด้าน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า การพัฒนาตลาดทุนไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องสร้างฐานผู้ลงทุนที่แข็งแกร่ง แต่ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เห็นความสำคัญของการลงทุนมีเพียง 7% ของประชากรวัยผู้ใหญ่เท่านั้นที่ลงทุนในตลาดทุน ดังนั้น การสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของการลงทุนและวิธีการลงทุนที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาตลาดทุนไทย ตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทยที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและแผนกลยุทธ์ของ ก.ล.ต. ปี 2553-2555
ในเรื่องนี้ ก.ล.ต. จะดำเนินการ 3 ด้านควบคู่กัน ได้แก่ (1) ผลักดันในระดับประเทศ โดยร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ให้การพัฒนาความรู้พื้นฐานทางการเงินแก่ประชาชนเป็นยุทธศาสตร์แห่งชาติ โดยครอบคลุมประชาชนวงกว้างตั้งแต่เด็ก เยาวชน วัยทำงาน ไปจนถึงวัยใกล้เกษียณ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการคลังหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดวิธีดำเนินการต่อไป
(2) ผลักดันให้สถาบันตัวกลาง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน และธนาคารพาณิชย์ที่ทำหน้าที่ขายสินค้าการลงทุน และผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น ผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน ผู้วิเคราะห์หลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน และนักวางแผนการเงิน รวมถึงสมาคมที่เกี่ยวข้อง ตระหนักถึงบทบาทและทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ลูกค้า โดยเริ่มจากการทำความรู้จักลูกค้าเพื่อประเมินความรู้ความเข้าใจของลูกค้าและระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้ ตลอดจนให้คำแนะนำเกี่ยวกับสินค้าที่เหมาะสม ตามหลักปฏิบัติที่ได้มาตรฐาน
และ (3) ก.ล.ต. ให้ความรู้ผ่านกิจกรรมและช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ โดยจัดทำแผนพัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ลงทุนไทยปี 2554 –2556 ที่มีกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งผู้ที่ลงทุนอยู่แล้ว และผู้ที่จะเข้ามาเป็นผู้ลงทุนในอนาคต โดยกำหนดสาระความรู้ รูปแบบกิจกรรมและช่องทางให้เหมาะสมและสอดคล้องกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากนี้ จะมีการสำรวจผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรม ประเมินระดับความรู้ และความพึงพอใจต่อกลไกการให้ความคุ้มครองผู้ลงทุนของ ก.ล.ต. ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาปรับปรุงแผนงานการให้ความรู้ผู้ลงทุน รวมทั้ง ปรับแนวทางการกำกับดูแลให้เหมาะสม
“แผนพัฒนาความรู้และศักยภาพผู้ลงทุนไทยของ ก.ล.ต. จะมุ่งเน้นให้ประชาชนเห็นความจำเป็นของการลงทุน และเข้ามาลงทุนอย่างผู้รู้ สามารถปกป้องประโยชน์ตนเองได้ ซึ่งจะทำให้มีทัศนคติที่ดีและมองว่าตลาดทุนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างฐานผู้ลงทุนรองรับการพัฒนาตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยต่อไป” นายธีระชัย กล่าว