ASTVผู้จัดการรายวัน-สศอ.เผยดัชนีผลผลิตม.ค.54 อยู่ที่ 186.30 ลดต่ำสุดรอบ 5 เดือน เหตุต้นทุนการผลิตพุ่งทั้งแรงงาน น้ำมัน และวัตถุดิบ แต่ภาพรวมจีดีพีอุตสาหกรรมปีนี้จะโตระดับ 5.5-6.5% จับตาปัจจัยเสี่ยงการเมืองทั้งในและนอกประเทศตัวฉุด เผย 2 อุตสาหกรรมส่อแววทรุดสิ่งทอเหตุฝ้ายแพง และอัญมณี ทอง ผันผวนหนัก
นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผผลิตอุตสาหกรรมเดือนม.ค.2554 อยู่ที่ 186.30 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่มีอัตราการปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือนก.ย.2553 ที่ดัชนีอุตฯ อยู่ที่ 201.47 เนื่องจากปัจจัยค่าแรงน้ำมันและวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังผลิตม.ค.2554 ปรับลดลงตามโดยอยู่ที่ 62.13 หรือต่ำสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่ก.ค.2553
อย่างไรก็ตาม สศอ.ได้ปรับการคาดการณ์การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม (จีดีพีภาคอุตสาหกรรม) ปี 2554 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตระดับ 4.5-5.5% จากปีที่แล้วเป็น 5.5-6.5% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกดีขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปที่ฟื้นตัว ขณะที่ปัจจัยในประเทศภาพรวมยังไม่เลวร้าย โดยภาวะเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 2.8-3.7% การเมืองยังไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ การเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมรายสาขาสำคัญปี 2554 คาดการณ์ว่ายังคงขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อาหาร ปิโตรเคมี ปูนซิเมนต์ พลาสติก เหล็กและเหล็กกล้า ยกเว้นบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และอัญมณีและเครื่องประดับ
เนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ล่าสุดมีปัญหาราคาฝ้ายที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบการผลิตมีการปรับตัวสูงถึง 30% ทำให้ผู้ผลิตบางรายอาจไม่สามารถรับคำสั่งซื้อหรือออร์เดอร์ใหม่ที่ราคาเดิมได้ ขณะที่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับได้รับผลกระทบจากราคาทองคำตลาดโลกที่ผันผวนหนัก ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นมาก และเสี่ยงต่อการขาดทุนเมื่อราคาลดลงอย่างหนัก ส่วนเงิน ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตอัญมณี คงจะต้องติดตามท่าทีของสหรัฐฯ หลังเดือนมิ.ย.ว่าจะให้สิทธิทางด้านภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แก่ไทยคงเดิมหรือไม่
นางสุทธินีย์ พู่ผกา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผผลิตอุตสาหกรรมเดือนม.ค.2554 อยู่ที่ 186.30 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่มีอัตราการปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 5 เดือน นับตั้งแต่เดือนก.ย.2553 ที่ดัชนีอุตฯ อยู่ที่ 201.47 เนื่องจากปัจจัยค่าแรงน้ำมันและวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังผลิตม.ค.2554 ปรับลดลงตามโดยอยู่ที่ 62.13 หรือต่ำสุดในรอบ 9 เดือนนับตั้งแต่ก.ค.2553
อย่างไรก็ตาม สศอ.ได้ปรับการคาดการณ์การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม (จีดีพีภาคอุตสาหกรรม) ปี 2554 จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตระดับ 4.5-5.5% จากปีที่แล้วเป็น 5.5-6.5% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกดีขึ้น โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปที่ฟื้นตัว ขณะที่ปัจจัยในประเทศภาพรวมยังไม่เลวร้าย โดยภาวะเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 2.8-3.7% การเมืองยังไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ การเมืองทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมรายสาขาสำคัญปี 2554 คาดการณ์ว่ายังคงขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อาหาร ปิโตรเคมี ปูนซิเมนต์ พลาสติก เหล็กและเหล็กกล้า ยกเว้นบางกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และอัญมณีและเครื่องประดับ
เนื่องจากอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ล่าสุดมีปัญหาราคาฝ้ายที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบการผลิตมีการปรับตัวสูงถึง 30% ทำให้ผู้ผลิตบางรายอาจไม่สามารถรับคำสั่งซื้อหรือออร์เดอร์ใหม่ที่ราคาเดิมได้ ขณะที่อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับได้รับผลกระทบจากราคาทองคำตลาดโลกที่ผันผวนหนัก ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นมาก และเสี่ยงต่อการขาดทุนเมื่อราคาลดลงอย่างหนัก ส่วนเงิน ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตอัญมณี คงจะต้องติดตามท่าทีของสหรัฐฯ หลังเดือนมิ.ย.ว่าจะให้สิทธิทางด้านภาษีศุลกากร (จีเอสพี) แก่ไทยคงเดิมหรือไม่
