น่าจะฉุกคิดกันบ้างนะนักการเมืองทั้งหลาย “สรรพสิ่งล้วนสัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด” ดูที่ประเทศไทยด้วยแล้ว ก็ยิ่งง่ายมากๆ เงื่อนไข-ปัจจัย-ตัวแปรต่างๆ ก็จะน้องลง ปัญญาใหญ่ของประเทศไทยคือนักการเมืองไทยเราด้อยคุณภาพ ไม่ได้ศึกษาพุทธธรรม คิดแต่ว่าจะร่ำรวยอย่างไร จะเอาชนะการเลือกตั้งฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร โดยไม่ใส่ใจกับสัจธรรมและความเป็นไปของธรรมะ ที่ดำเนินไปด้วยเหตุปัจจัยระหว่างเหตุและผล อย่างเช่น ทุกข์ ย่อมมาจากเหตุคือ สมุทัย, นิโรธ ความดับทุกข์ย่อมมาจากเหตุคือมรรคมีองค์ 8 การจะเข้าสู่มรรคมีองค์ 8 ก็ต้องเริ่มจาก สัมมาทิฐิ (Right View) คือมีความเห็นถูกต้อง คือเห็นสภาพธรรมที่เป็นจริงอย่างถูกต้อง
เมื่อเห็นถูกต้องแล้วก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาสังกัปปะ (Right Intention, Thought) คือดำริชอบหรือคิดถูกต้อง เมื่อคิดถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาวาจา (Right Speed) คือพูดถูก เมื่อพูดถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมากัมมันตะ (Right Action) คือกระทำชอบ เมื่อกระทำถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาอาชีวะ (Right livelihood) คือเลี้ยงชีพชอบ เมื่อเลี้ยงชีพถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผล สัมมาวายามะ (Right Effort) คือความพยายามถูกต้อง เมื่อความพยายามถูกต้องแล้วก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาสติ (Right Mindfulness) คือระลึกชอบ เมื่อระลึกถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาสมาธิ (Right Concentration) … เหล่าเป็นการยกเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาขยายความให้นักการเมืองทั้งหลายที่รักชาติที่พอหลงเหลืออยู่ได้พิจารณา
ในที่นี้เป็นการเขียนเชิญชวนว่าการศึกษาพุทธธรรมนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ สำหรับนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ตริตรองให้รู้ว่าอะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล หากไม่คิดแก้ไขที่เหตุแห่งความหายนะของชาติ มันก็ยังคงเหมือนเดิมและหนักยิ่งขึ้น ทักษิณไปแล้ว อภิสิทธิ์ก็มา ชาวบ้านพูดว่า “อัปรีย์ไป จัญไรมา” “ทักษิณเอาแต่โกง” “อภิสิทธิ์ เอาแต่กู้ๆๆ แก้ปัญหาปลายเหตุและปล่อยให้โกงกันยิ่งกว่าทักษิณ”
ถามว่าเงื่อนไขทางการเมืองเหมือนเดิมไหม? เหมือนเดิมและหนักกว่าเก่า คือเป็นเผด็จการหนักกว่าเก่า ยังคงหลอกประชาชนให้เป็นทาสทางการเมืองด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และหนักกว่าเดิมคือรัฐบาลแก้ไข จำนวน ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์จาก 100 เป็น 125 เพื่อเอาใจนายทุนผูกขาดและนักวิชาการ และการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียวก็เป็นการเอาใจนายทุนพรรค เพื่อประโยชน์ของนายทุนผูกขาดและนักการเมืองทั้งนั้น ส่วนชาวนา กรรมกร ฯลฯ ก็ถูกตัดสิทธิ์และถูกลิดรอนทางการเมืองให้แคบลงและเล็กลงๆ จนกลายเป็นทาสทางการเมือง ดุจดัง “วัวเลือกเสือมากัดกินตนเอง”
ภาพปรากฏการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นก็คือผล อันเกิดจากเหตุ ฉันใด ความไม่ถูกต้องทั้งปวง การขัดแย้งทางการเมืองภายในชาติ การตกเป็นเบี้ยล่างของต่างชาติ ย่อมเกิดจากเหตุทั้งสิ้นคือระบอบเผด็จการรูปแบบใดแบบหนึ่ง ฉันนั้น
บุคคลก็ตาม องค์กรใดๆ ก็ตามที่มีความเชื่อว่าประเทศไทย มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแล้วเช่นเดียวกับ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ และนักการเมืองบางคน นั่นคือเห็นผิดเป็นมิจฉาทิฐิ และไม่สามารถที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติได้เลย อย่างดีก็รู้จักแต่กู้ๆ ประชาชนก็จนลงๆ หนี้เพิ่มขึ้นๆ นายกฯ อภิสิทธิ์ พูดเสมอว่า “เรากำลังทำระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงยิ่งขึ้น” นี่คือความเห็นผิด คิดผิด พูดผิด พูดออกไปแล้ว ก็หลอกลวงและบิดเบือนประชาชนทั้งประเทศ
การเริ่มต้นของระบอบฯ การเมืองที่ถูกต้อง ต้องเริ่มจากการเสนอ การสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม คือเชิดชูรากฐานแก่นแท้ของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และธรรม อันเป็นสัมพันธภาพระหว่างปวงชนเพื่อความมั่นคงของชาติร่วมกันตามลักษณะพิเศษของประเทศไทย คือ (1) หลักธรรมาธิปไตย (2) หลักพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ (3) หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน (อย่างมีรูปธรรม) (4) หลักเสรีภาพบริบูรณ์ (5) หลักความเสมอภาคทางโอกาส (6) หลักภราดรภาพ (7) หลักดุลยภาพ (8) หลักเอกภาพ (9) หลักนิติธรรม
ในสัมพันธภาพที่หนึ่ง หลักการปกครองทั้ง 9 นี้ จะเป็นศูนย์กลางหรือเอกภาพของปวงชนในชาติ และในสัมพันธภาพที่สอง เป็นศูนย์กลางหรือเป็นเอกภาพของรัฐธรรมนูญ จากนั้นจึงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นหนึ่งเดียวกับหลักการปกครอง นี่คือความถูกต้องยิ่งใหญ่ของชาติได้เริ่มนับหนึ่งขึ้น ปวงชนในชาติเสมอกันโดยหลักการปกครองโดยธรรม ต่อจากนั้นจึงค่อยไปคิดทำนโยบาย (Policy) ความไม่เป็นธรรมต่างๆ เช่น การปฏิรูปที่ดิน เป็นต้น หากใครคิดปฏิรูปที่ดินในสถานการณ์การเมืองเป็นเผด็จการ ก็ทำได้เพียงจ่ายงบประมาณ และหลอกประชาชนไปวันๆ เพราะคิดแล้วทำไม่ได้ เพราะไปทำที่ปัญหาปลายเหตุ เราฟันธงเลยว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่สามารถแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติได้ เพราะมัวแต่แก้ปัญหาปลายเหตุหลอกประชาชนไปวันๆ
ทางเดียวที่จะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ คือ การสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม อันเป็นพระราชกรณียกิจอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่สูงสุดของพระเจ้าแผ่นดิน ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันเจริญรอยตามแนวทางพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” สถาปนาหลักการปกครองโดยธรรมาธิปไตย 9 สู่การเมืองใหม่ที่ก้าวหน้ายิ่งใหญ่ที่สุดแห่งแรกของโลก
เมื่อเห็นถูกต้องแล้วก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาสังกัปปะ (Right Intention, Thought) คือดำริชอบหรือคิดถูกต้อง เมื่อคิดถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาวาจา (Right Speed) คือพูดถูก เมื่อพูดถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมากัมมันตะ (Right Action) คือกระทำชอบ เมื่อกระทำถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาอาชีวะ (Right livelihood) คือเลี้ยงชีพชอบ เมื่อเลี้ยงชีพถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผล สัมมาวายามะ (Right Effort) คือความพยายามถูกต้อง เมื่อความพยายามถูกต้องแล้วก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาสติ (Right Mindfulness) คือระลึกชอบ เมื่อระลึกถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุให้เกิดผลตามมาคือ สัมมาสมาธิ (Right Concentration) … เหล่าเป็นการยกเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาขยายความให้นักการเมืองทั้งหลายที่รักชาติที่พอหลงเหลืออยู่ได้พิจารณา
ในที่นี้เป็นการเขียนเชิญชวนว่าการศึกษาพุทธธรรมนั้นเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ สำหรับนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ตริตรองให้รู้ว่าอะไรเป็นเหตุ อะไรเป็นผล หากไม่คิดแก้ไขที่เหตุแห่งความหายนะของชาติ มันก็ยังคงเหมือนเดิมและหนักยิ่งขึ้น ทักษิณไปแล้ว อภิสิทธิ์ก็มา ชาวบ้านพูดว่า “อัปรีย์ไป จัญไรมา” “ทักษิณเอาแต่โกง” “อภิสิทธิ์ เอาแต่กู้ๆๆ แก้ปัญหาปลายเหตุและปล่อยให้โกงกันยิ่งกว่าทักษิณ”
ถามว่าเงื่อนไขทางการเมืองเหมือนเดิมไหม? เหมือนเดิมและหนักกว่าเก่า คือเป็นเผด็จการหนักกว่าเก่า ยังคงหลอกประชาชนให้เป็นทาสทางการเมืองด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญ และหนักกว่าเดิมคือรัฐบาลแก้ไข จำนวน ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์จาก 100 เป็น 125 เพื่อเอาใจนายทุนผูกขาดและนักวิชาการ และการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียวก็เป็นการเอาใจนายทุนพรรค เพื่อประโยชน์ของนายทุนผูกขาดและนักการเมืองทั้งนั้น ส่วนชาวนา กรรมกร ฯลฯ ก็ถูกตัดสิทธิ์และถูกลิดรอนทางการเมืองให้แคบลงและเล็กลงๆ จนกลายเป็นทาสทางการเมือง ดุจดัง “วัวเลือกเสือมากัดกินตนเอง”
ภาพปรากฏการณ์ใดๆ ที่เกิดขึ้นก็คือผล อันเกิดจากเหตุ ฉันใด ความไม่ถูกต้องทั้งปวง การขัดแย้งทางการเมืองภายในชาติ การตกเป็นเบี้ยล่างของต่างชาติ ย่อมเกิดจากเหตุทั้งสิ้นคือระบอบเผด็จการรูปแบบใดแบบหนึ่ง ฉันนั้น
บุคคลก็ตาม องค์กรใดๆ ก็ตามที่มีความเชื่อว่าประเทศไทย มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแล้วเช่นเดียวกับ ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ และนักการเมืองบางคน นั่นคือเห็นผิดเป็นมิจฉาทิฐิ และไม่สามารถที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติได้เลย อย่างดีก็รู้จักแต่กู้ๆ ประชาชนก็จนลงๆ หนี้เพิ่มขึ้นๆ นายกฯ อภิสิทธิ์ พูดเสมอว่า “เรากำลังทำระบอบประชาธิปไตยให้มั่นคงยิ่งขึ้น” นี่คือความเห็นผิด คิดผิด พูดผิด พูดออกไปแล้ว ก็หลอกลวงและบิดเบือนประชาชนทั้งประเทศ
การเริ่มต้นของระบอบฯ การเมืองที่ถูกต้อง ต้องเริ่มจากการเสนอ การสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม คือเชิดชูรากฐานแก่นแท้ของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และธรรม อันเป็นสัมพันธภาพระหว่างปวงชนเพื่อความมั่นคงของชาติร่วมกันตามลักษณะพิเศษของประเทศไทย คือ (1) หลักธรรมาธิปไตย (2) หลักพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ (3) หลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน (อย่างมีรูปธรรม) (4) หลักเสรีภาพบริบูรณ์ (5) หลักความเสมอภาคทางโอกาส (6) หลักภราดรภาพ (7) หลักดุลยภาพ (8) หลักเอกภาพ (9) หลักนิติธรรม
ในสัมพันธภาพที่หนึ่ง หลักการปกครองทั้ง 9 นี้ จะเป็นศูนย์กลางหรือเอกภาพของปวงชนในชาติ และในสัมพันธภาพที่สอง เป็นศูนย์กลางหรือเป็นเอกภาพของรัฐธรรมนูญ จากนั้นจึงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นหนึ่งเดียวกับหลักการปกครอง นี่คือความถูกต้องยิ่งใหญ่ของชาติได้เริ่มนับหนึ่งขึ้น ปวงชนในชาติเสมอกันโดยหลักการปกครองโดยธรรม ต่อจากนั้นจึงค่อยไปคิดทำนโยบาย (Policy) ความไม่เป็นธรรมต่างๆ เช่น การปฏิรูปที่ดิน เป็นต้น หากใครคิดปฏิรูปที่ดินในสถานการณ์การเมืองเป็นเผด็จการ ก็ทำได้เพียงจ่ายงบประมาณ และหลอกประชาชนไปวันๆ เพราะคิดแล้วทำไม่ได้ เพราะไปทำที่ปัญหาปลายเหตุ เราฟันธงเลยว่า รัฐบาลอภิสิทธิ์ ไม่สามารถแก้ปัญหาเหตุวิกฤตชาติได้ เพราะมัวแต่แก้ปัญหาปลายเหตุหลอกประชาชนไปวันๆ
ทางเดียวที่จะแก้ไขเหตุวิกฤตชาติ คือ การสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม อันเป็นพระราชกรณียกิจอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่สูงสุดของพระเจ้าแผ่นดิน ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันเจริญรอยตามแนวทางพระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” สถาปนาหลักการปกครองโดยธรรมาธิปไตย 9 สู่การเมืองใหม่ที่ก้าวหน้ายิ่งใหญ่ที่สุดแห่งแรกของโลก
