การชุมนุมของมวลชนปกป้องแผ่นดิน ยิ่งยืดเยื้อยาวนานออกไปเพียงใด ธาตุแท้และตัวตนอันแท้จริงของวิญญูชนจอมปลอม ก็จะถูกเปิดโปงชำแหละจนล่อนจ้อน ประจานการเมืองอันล้มเหลวของประเทศนี้ให้สาสมแก่ใจเพียงนั้น
เสียดายก็แต่พลังเงียบของสังคม ที่ยังคงเงียบงัน ไม่ออกมาแสดงพลังมืดฟ้ามัวดินอย่างที่หวัง ซ้ำร้ายกลับถูกเหลี่ยมเล่ห์เพทุบายของนักการเมืองน้ำเน่า และสื่อที่ไม่ซื่อต่อมวลชน ยุแยงตะแคงรั่ว จนแตกแยกเป็นเสี่ยงเล็กเสี่ยงน้อย ลดทอนพลังลงไปอย่างน่าวังเวง
ภาพลักษณ์จอมปลอม ที่สื่อแสดงภาพนักการเมืองน้ำดี ใสซื่อ บริสุทธิ์ คงจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่หลอกลวงให้มวลชนบางส่วนยังหลงได้ปลื้ม และตัดใจไม่ลง
หลายคนอาจจะยังไม่เชื่อว่า อำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง มีอานุภาพที่แปรเปลี่ยนผู้ดีให้กลายเป็นผู้ร้ายได้ ในชั่วข้ามคืน ผมมีตัวอย่างที่อยากจะเล่าให้ฟัง
นักการเมือง ชื่อนายชวน หลีกภัย ที่มีภาพลักษณ์นักการเมืองน้ำดี สมถะ มีเอกลักษณ์การพูดที่ติดตรึงใจผู้ฟัง ด้วยสำนวน “ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง” จุดด่างพร้อยที่เกิดขึ้นในวิถีทางการเมืองของเขา ก็คือ กรณีการแจก ส.ป.ก.4-01 ให้แก่เศรษฐีชาวภูเก็ตในเครือข่ายวงในของพรรคประชาธิปัตย์ และถูกฝ่ายค้านเปิดโปงคัดค้าน ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ ผู้เป็นต้นเหตุในกรณีนี้ ได้แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในยุคนั้น
ที่จริงด้วยภาพลักษณ์ของนายชวน หลีกภัย ในเบื้องต้นยังไม่มีใครกล่าวหาว่าทุจริต เพียงแต่บกพร่องที่ไปแจก ส.ป.ก.4-01 ให้เศรษฐี ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของการปฏิรูปที่ดิน ถ้าเพียงแต่ยอมรับผิด เรียกคืนที่ดิน และขอโทษประชาชน เรื่องก็อาจจะลงเอยด้วยดี แต่ใครจะเชื่อว่า ด้วยแรงยุจากลมปากของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายชวน หลีกภัย ที่เป็นเนติบัณฑิตไทย ถึงกับกล้าตะแบงสวนทางยุติธรรม ด้วยการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความคำว่า “เกษตรกร” เพียงเพื่อจะแถไถว่า เศรษฐีก็เป็นเกษตรกรได้ และการแจกที่ดิน ส.ป.ก.ให้แก่เกษตรกรเศรษฐี ไม่เห็นผิดหรือขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใดเลย
แถมด้วยวาทกรรม “การแจก ส.ป.ก.ก็เหมือนการสอบชิงทุน คนรวย คนจน ย่อมมีสิทธิเท่ากัน”
นั่นย่อมเป็นสิ่งที่คนมีใจเที่ยงธรรมทุกคนยอมรับไม่ได้ และผมเองก็ลบภาพนายชวน หลีกภัย ออกจากสารบบนักการเมืองในดวงใจ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ที่น่าอัศจรรย์ใจอีกส่วนหนึ่งก็คือ ผู้ที่มีส่วนสำคัญทำให้นายชวน หลีกภัย ต้องยุบสภาตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก็คือ พลตรี จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรมในขณะนั้น
หรือว่า กงล้อประวัติศาสตร์จะหมุนซ้ำทับรอยเดิมเสมอ วันนี้ พลตรี จำลอง ศรีเมือง จึงกลับมานำทัพมวลชนคนรักชาติรักแผ่นดิน ขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นักการเมืองที่ถอดแบบมาจากนายชวน หลีกภัย และกำลังกอดระเบิด MOU 2543 ที่นายชวน หลีกภัย ฝากเป็นมรดกไว้
และที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่าก็คือ คนที่อยู่เคียงข้างกาย คอยกำกับวิถีทางการเมืองให้แก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้ก็คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เจ้าเก่า ที่เติบโตเลื่อนชั้นมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเป็นผู้จัดการรัฐบาล ที่มีอำนาจเต็มพิกัดกว่าเดิม
โดยจัดการอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องคำนึงถึงผิดชอบชั่วดี ขอเพียงให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างมั่นคง และนายสุเทพกับพวกมีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ
เฉกเช่นเดียวกันครับ ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ล้วนแล้วแต่ทุ่มเทใจ ฝากความหวังไว้กับภาพลักษณ์นักการเมืองน้ำดี ใสซื่อบริสุทธิ์ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ต่างจากที่เคยฝากฝันไว้กับนายชวน หลีกภัย ว่าจะมานำพาการเมืองไทย ให้พ้นจากหล่มปลักการเมืองโสโครกโสมม ที่สั่งสมมานาน
แต่ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา ครับ
สองปีกว่าในการครอบครองอำนาจรัฐ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับลุ่มหลงติดกับอยู่ในวังวนอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคร่วมเขี้ยวลากดิน ปรุงแต่ง เปรอปรนให้
กลายเป็นรัฐบาลที่สวมรอยระบอบทักษิณแทบทุกเนื้อหา โดยเพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบแก้เขินพอเป็นพิธีเท่านั้น ปล่อยให้มีการคอร์รัปชันหนักข้อยิ่งขึ้น
บ้านเมืองวุ่นวายสับสน โดยนายกรัฐมนตรี มีแต่วาทกรรมพลิกพลิ้วลื่นไหลไปวันๆ
ตอนนี้ ก็ลุกลี้ลุกลนแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไปเลือกตั้งเส็งเครงแบบเดิมๆ ไม่ต่างจากรัฐบาลปฏิวัติหน่อมแน้มของพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่เพื่อไปเลือกตั้ง เป็นการปฏิวัติแบบสารวันเตี้ยลง
เตี้ยลงหนักหนาสาหัส ถึงขั้นตกเป็นเบี้ยล่างฮุนเซน ยินยอมอ่อนข้อให้กัมพูชารุกล้ำเขตแดนแผ่นดินไทยตลอดแนวชายแดน ชนิดยั่วโทสะคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดินอย่างเหลือทนทาน
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า คนไทยจะถูกภาพลักษณ์จอมปลอมจากพรรคเก่าแก่ของประเทศไทย หลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดมา
และไม่น่าเชื่อนะครับว่า พรรคเก่าแก่นี้จะยอมปล่อยให้นักการเมืองน้ำเน่าอย่างนายสุทพ เทือกสุบรรณ กะเทาะเปลือกทำลายนายกรัฐมนตรีภาพลักษณ์ดีๆ ของพรรค ต่างกรรมต่างวาระถึงสองคน
พลังเงียบทั้งหลาย โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง อย่าปล่อยให้มวลชนคนรักชาติ ที่เป็นหน่วยหน้ากล้าตายแทนท่าน ต้องทนทุกข์ทรมานบนท้องถนนถึง 193 วันอีกเลยนะครับ
เสียดายก็แต่พลังเงียบของสังคม ที่ยังคงเงียบงัน ไม่ออกมาแสดงพลังมืดฟ้ามัวดินอย่างที่หวัง ซ้ำร้ายกลับถูกเหลี่ยมเล่ห์เพทุบายของนักการเมืองน้ำเน่า และสื่อที่ไม่ซื่อต่อมวลชน ยุแยงตะแคงรั่ว จนแตกแยกเป็นเสี่ยงเล็กเสี่ยงน้อย ลดทอนพลังลงไปอย่างน่าวังเวง
ภาพลักษณ์จอมปลอม ที่สื่อแสดงภาพนักการเมืองน้ำดี ใสซื่อ บริสุทธิ์ คงจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่หลอกลวงให้มวลชนบางส่วนยังหลงได้ปลื้ม และตัดใจไม่ลง
หลายคนอาจจะยังไม่เชื่อว่า อำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง มีอานุภาพที่แปรเปลี่ยนผู้ดีให้กลายเป็นผู้ร้ายได้ ในชั่วข้ามคืน ผมมีตัวอย่างที่อยากจะเล่าให้ฟัง
นักการเมือง ชื่อนายชวน หลีกภัย ที่มีภาพลักษณ์นักการเมืองน้ำดี สมถะ มีเอกลักษณ์การพูดที่ติดตรึงใจผู้ฟัง ด้วยสำนวน “ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง” จุดด่างพร้อยที่เกิดขึ้นในวิถีทางการเมืองของเขา ก็คือ กรณีการแจก ส.ป.ก.4-01 ให้แก่เศรษฐีชาวภูเก็ตในเครือข่ายวงในของพรรคประชาธิปัตย์ และถูกฝ่ายค้านเปิดโปงคัดค้าน ที่น่าอัศจรรย์ใจก็คือ ผู้เป็นต้นเหตุในกรณีนี้ ได้แก่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในยุคนั้น
ที่จริงด้วยภาพลักษณ์ของนายชวน หลีกภัย ในเบื้องต้นยังไม่มีใครกล่าวหาว่าทุจริต เพียงแต่บกพร่องที่ไปแจก ส.ป.ก.4-01 ให้เศรษฐี ซึ่งผิดเจตนารมณ์ของการปฏิรูปที่ดิน ถ้าเพียงแต่ยอมรับผิด เรียกคืนที่ดิน และขอโทษประชาชน เรื่องก็อาจจะลงเอยด้วยดี แต่ใครจะเชื่อว่า ด้วยแรงยุจากลมปากของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายชวน หลีกภัย ที่เป็นเนติบัณฑิตไทย ถึงกับกล้าตะแบงสวนทางยุติธรรม ด้วยการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความคำว่า “เกษตรกร” เพียงเพื่อจะแถไถว่า เศรษฐีก็เป็นเกษตรกรได้ และการแจกที่ดิน ส.ป.ก.ให้แก่เกษตรกรเศรษฐี ไม่เห็นผิดหรือขัดต่อกฎหมายแต่อย่างใดเลย
แถมด้วยวาทกรรม “การแจก ส.ป.ก.ก็เหมือนการสอบชิงทุน คนรวย คนจน ย่อมมีสิทธิเท่ากัน”
นั่นย่อมเป็นสิ่งที่คนมีใจเที่ยงธรรมทุกคนยอมรับไม่ได้ และผมเองก็ลบภาพนายชวน หลีกภัย ออกจากสารบบนักการเมืองในดวงใจ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ที่น่าอัศจรรย์ใจอีกส่วนหนึ่งก็คือ ผู้ที่มีส่วนสำคัญทำให้นายชวน หลีกภัย ต้องยุบสภาตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก็คือ พลตรี จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรมในขณะนั้น
หรือว่า กงล้อประวัติศาสตร์จะหมุนซ้ำทับรอยเดิมเสมอ วันนี้ พลตรี จำลอง ศรีเมือง จึงกลับมานำทัพมวลชนคนรักชาติรักแผ่นดิน ขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นักการเมืองที่ถอดแบบมาจากนายชวน หลีกภัย และกำลังกอดระเบิด MOU 2543 ที่นายชวน หลีกภัย ฝากเป็นมรดกไว้
และที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งกว่าก็คือ คนที่อยู่เคียงข้างกาย คอยกำกับวิถีทางการเมืองให้แก่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้ก็คือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เจ้าเก่า ที่เติบโตเลื่อนชั้นมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเป็นผู้จัดการรัฐบาล ที่มีอำนาจเต็มพิกัดกว่าเดิม
โดยจัดการอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องคำนึงถึงผิดชอบชั่วดี ขอเพียงให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างมั่นคง และนายสุเทพกับพวกมีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ
เฉกเช่นเดียวกันครับ ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ล้วนแล้วแต่ทุ่มเทใจ ฝากความหวังไว้กับภาพลักษณ์นักการเมืองน้ำดี ใสซื่อบริสุทธิ์ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ต่างจากที่เคยฝากฝันไว้กับนายชวน หลีกภัย ว่าจะมานำพาการเมืองไทย ให้พ้นจากหล่มปลักการเมืองโสโครกโสมม ที่สั่งสมมานาน
แต่ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา ครับ
สองปีกว่าในการครอบครองอำนาจรัฐ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับลุ่มหลงติดกับอยู่ในวังวนอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรคร่วมเขี้ยวลากดิน ปรุงแต่ง เปรอปรนให้
กลายเป็นรัฐบาลที่สวมรอยระบอบทักษิณแทบทุกเนื้อหา โดยเพียงแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบแก้เขินพอเป็นพิธีเท่านั้น ปล่อยให้มีการคอร์รัปชันหนักข้อยิ่งขึ้น
บ้านเมืองวุ่นวายสับสน โดยนายกรัฐมนตรี มีแต่วาทกรรมพลิกพลิ้วลื่นไหลไปวันๆ
ตอนนี้ ก็ลุกลี้ลุกลนแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไปเลือกตั้งเส็งเครงแบบเดิมๆ ไม่ต่างจากรัฐบาลปฏิวัติหน่อมแน้มของพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่ฉีกรัฐธรรมนูญแล้วร่างใหม่เพื่อไปเลือกตั้ง เป็นการปฏิวัติแบบสารวันเตี้ยลง
เตี้ยลงหนักหนาสาหัส ถึงขั้นตกเป็นเบี้ยล่างฮุนเซน ยินยอมอ่อนข้อให้กัมพูชารุกล้ำเขตแดนแผ่นดินไทยตลอดแนวชายแดน ชนิดยั่วโทสะคนไทยที่รักชาติรักแผ่นดินอย่างเหลือทนทาน
ไม่น่าเชื่อนะครับว่า คนไทยจะถูกภาพลักษณ์จอมปลอมจากพรรคเก่าแก่ของประเทศไทย หลอกลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดมา
และไม่น่าเชื่อนะครับว่า พรรคเก่าแก่นี้จะยอมปล่อยให้นักการเมืองน้ำเน่าอย่างนายสุทพ เทือกสุบรรณ กะเทาะเปลือกทำลายนายกรัฐมนตรีภาพลักษณ์ดีๆ ของพรรค ต่างกรรมต่างวาระถึงสองคน
พลังเงียบทั้งหลาย โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง อย่าปล่อยให้มวลชนคนรักชาติ ที่เป็นหน่วยหน้ากล้าตายแทนท่าน ต้องทนทุกข์ทรมานบนท้องถนนถึง 193 วันอีกเลยนะครับ