ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองเกิดขึ้นหลายเรื่อง แต่ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ ก็คือ การปล่อยตัวชั่วคราว 8 แกนนำกลุ่มเสื้อแดง จากคดีก่อการร้ายเผาบ้านเผาเมือง โดยมีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี และคนของรัฐบาลไปให้ปากคำต่อศาลในลักษณะเป็นคุณกับผู้ก่อการร้าย
หลังได้รับอิสรภาพ บรรดาแกนนำเสื้อแดงก็ยกขบวนไปขอบคุณ "เสธ.หนั่น" ถึงบ้านสนามบินน้ำ ซึ่งเจ้าบ้านก็ดีใจหาย เปิดไวน์ฉลองต้อนรับรุ่นน้องร่วมสถาบันลาดยาว กันเป็นที่ครึกครื้น
ส่วนอีกเรื่องคือการเจรจากรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่าง กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย กับ ฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ในเวทีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่กรุงจาร์กาต้า อินโดนีเซีย ซึ่งมีข้อสรุป ให้ทั้งสองประเทศเจรจาทวิภาคี แบบมีตัวแทนจากอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตุการณ์บริเวณชายแดน เรื่องการหยุดยิง โดยไม่มีการพูดถึงประเด็นที่ทหารและประชาชนกัมพูชา บุกขึ้นมายึดครองในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นแผ่นดินไทย
เรื่องนี้ พันธมิตรฯ ที่ชุมนุมปกป้องแผ่นดินไทยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถื่อว่า ทำให้ไทยเสียเปรียบ ไม่ต่างจากการเสียดินแดนให้กัมพูชาไปแล้ว และประกาศจะชุมนุมปกป้องแผ่นดินจนถึงที่สุด โดยไม่ยี่หระกับ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่รัฐบาลงัดออกมาขู่
จากสองกรณีดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตากันว่า การชุมนุมของทั้งสองกลุ่ม จะยกระดับความเข้มข้นขึ้น จนส่งผลต่อรัฐบาลในการบริหารประเทศต่อไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นอกจาก 2 เรื่องใหญ่ดังกล่าวแล้ว ก็มีข่าวเล็กๆ อีก 2 ข่าวที่ต้องพูดถึง คือ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับวินิจฉัย ร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับกติกาการเลือกตั้ง ที่ฝ่ายค้านร้องว่า การแก้ไขรธน. ดังกล่าวขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ดังนั้นนายกรัฐมนตรีสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ทันที ขั้นตอนต่อไปก็รอประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อนำมาบังคับใช้
อีกเรื่องคือ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า รัฐบาลกำลังจะเสนอ ร่าง พ.ร.บ. การชุมนุมในที่สาธารณะ เข้าสู่การพิจารณาของสภาภายในสัปดาห์นี้
จึงพอมองเห็นภาพว่า หลังจากงบกลาง ผ่านรัฐสภาในวาระ 3 และผ่าน กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะแล้ว นายกรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะยุบสภาทันที หากถูกสถานการณ์จากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มเสื้อแดง บีบคั้น
แต่ถ้าไม่มีอะไรมากดดันก็ ตีกิน เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปเรื่อย ๆ
เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มองข้ามช็อต ชนิดเล็งผลเลิศว่า จากหมากกลทางการเมืองที่วางไว้ ถ้าเลือกตั้งใหม่ก็จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งแน่
และคราวนี้ก็จะใช้ กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ มากดหัวกลุ่มพลังต่างๆ ที่จะมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
หลังได้รับอิสรภาพ บรรดาแกนนำเสื้อแดงก็ยกขบวนไปขอบคุณ "เสธ.หนั่น" ถึงบ้านสนามบินน้ำ ซึ่งเจ้าบ้านก็ดีใจหาย เปิดไวน์ฉลองต้อนรับรุ่นน้องร่วมสถาบันลาดยาว กันเป็นที่ครึกครื้น
ส่วนอีกเรื่องคือการเจรจากรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่าง กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของไทย กับ ฮอร์ นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ในเวทีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่กรุงจาร์กาต้า อินโดนีเซีย ซึ่งมีข้อสรุป ให้ทั้งสองประเทศเจรจาทวิภาคี แบบมีตัวแทนจากอินโดนีเซียเข้ามาสังเกตุการณ์บริเวณชายแดน เรื่องการหยุดยิง โดยไม่มีการพูดถึงประเด็นที่ทหารและประชาชนกัมพูชา บุกขึ้นมายึดครองในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นแผ่นดินไทย
เรื่องนี้ พันธมิตรฯ ที่ชุมนุมปกป้องแผ่นดินไทยที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ถื่อว่า ทำให้ไทยเสียเปรียบ ไม่ต่างจากการเสียดินแดนให้กัมพูชาไปแล้ว และประกาศจะชุมนุมปกป้องแผ่นดินจนถึงที่สุด โดยไม่ยี่หระกับ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่รัฐบาลงัดออกมาขู่
จากสองกรณีดังกล่าวจึงเป็นเรื่องที่ต้องจับตากันว่า การชุมนุมของทั้งสองกลุ่ม จะยกระดับความเข้มข้นขึ้น จนส่งผลต่อรัฐบาลในการบริหารประเทศต่อไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม นอกจาก 2 เรื่องใหญ่ดังกล่าวแล้ว ก็มีข่าวเล็กๆ อีก 2 ข่าวที่ต้องพูดถึง คือ ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ ไม่รับวินิจฉัย ร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติม เกี่ยวกับกติกาการเลือกตั้ง ที่ฝ่ายค้านร้องว่า การแก้ไขรธน. ดังกล่าวขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ดังนั้นนายกรัฐมนตรีสามารถนำขึ้นทูลเกล้าฯ ได้ทันที ขั้นตอนต่อไปก็รอประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อนำมาบังคับใช้
อีกเรื่องคือ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร บอกว่า รัฐบาลกำลังจะเสนอ ร่าง พ.ร.บ. การชุมนุมในที่สาธารณะ เข้าสู่การพิจารณาของสภาภายในสัปดาห์นี้
จึงพอมองเห็นภาพว่า หลังจากงบกลาง ผ่านรัฐสภาในวาระ 3 และผ่าน กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะแล้ว นายกรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะยุบสภาทันที หากถูกสถานการณ์จากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มเสื้อแดง บีบคั้น
แต่ถ้าไม่มีอะไรมากดดันก็ ตีกิน เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปเรื่อย ๆ
เพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มองข้ามช็อต ชนิดเล็งผลเลิศว่า จากหมากกลทางการเมืองที่วางไว้ ถ้าเลือกตั้งใหม่ก็จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งแน่
และคราวนี้ก็จะใช้ กฎหมายการชุมนุมในที่สาธารณะ มากดหัวกลุ่มพลังต่างๆ ที่จะมาชุมนุมต่อต้านรัฐบาล
