ASTVผู้จัดการรายวัน-"สนธิ" ชี้ รบ.อภิสิทธิ์ "หุ่นเชิดขายชาติ"ตัวจริง พันธมิตรฯงัดข้อกฎหมายสู้ ยื่นฟ้องแพ่ง"นายกฯ-ครม.-ผบ.ตร."ละเมิดออก พ.ร.บ.มั่นคงฯกลั่นแกล้ง ศาลรับไต่สวนฉุกเฉิน 28 ก.พ.นี้ ขณะที่"พล.ต.จำลอง"เข้ายื่นหนังสือถึง ผบ.ตร.ขอให้พิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดีที่ถูกกล่าวหา"ก่อการร้ายและซ่องโจร"ระบุ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาไม่เป็นธรรม ส่งหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยยื่นที่ไหนมาประกอบ ให้พิจารณาสั่งคดี
วานนี้( 24 ก.พ.)เวลา 10.00 น.ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายประพันธ์ คูณมี และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.กอ.รมน.) , คณะรัฐมนตรี(ครม.) และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.ศอ.รส.) เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิด กรณีที่ใช้อำนาจออกประกาศและข้อกำหนด ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 กลั่นแกล้งผู้ชุมนุมกลุ่มรวมพลังปกป้องแผ่นดิน เป็นการรวมกลุ่มของประชาชนผู้รักชาติจากหลากหลายสาขาอาชีพทั่วประเทศ ที่ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา พ.ศ. 2543 (MOU 2543 ) และให้รัฐบาลถอนตัวจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก รวมทั้งให้รัฐบาลผลักดันทหารกัมพูชาและประชาชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำแผ่นดินไทยให้พ้นจากแผ่นดินไทยในหลายพื้นที่ ตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งภายหลังพวกจำเลย ก็ได้มีการออกหมายเรียกโจทก์และพวกรวม 10 คน ให้ไปพบพนักงานสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาข้อหาฝ่าฝืนประกาศห้ามบุคคลหรือกลุ่มคนเข้าหรือออกจากพื้นที่อาคาร ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
โดยขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนประกาศและข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ ซึ่งเริ่มออกมาตั้งแต่วันที่ 8- 9 ก.พ.54 รวมทั้งที่จะออกต่อเนื่องกันนั้นทั้งหมด เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนต่อไป เนื่องจากประกาศและข้อกำหนดต่างๆ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 พร้อมทั้งขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้มีการบังคับใช้ตามประกาศและข้อกำหนดดังกล่าว ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณา เป็นคดีหมายเลขดำ 630/2554
ต่อมาเวลา 16.00 น. ศาลแพ่งมีคำสั่งรับคำร้อง และเปิดไต่สวนฉุกเฉินตามที่โจทก์ร้องขอ โดยเบื้องต้น นายสุวัฒน์ อภัยพักตร์ ทนายโจทก์ ได้เตรียมนำพยานขึ้นเบิกความ 2 ปาก ประกอบด้วยนายประพันธ์ คูณมี และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทั้งนี้ศาลแพ่งมีคำสั่งนัดไต่ส่วนฉุกเฉิน เพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำร้องของโจทก์ ในวันที่ 28 ก.พ. 2554 เวลา 09.00 น. โดยให้ส่งสำเนาคำฟ้องและคำร้องขอไต่ส่วนฉุกเฉินให้จำเลยที่ 1 และ 3 เพื่อแต่งตั้งตัวแทนมาร่วมในการพิจารณาคดีด้วย
**ร้อง"วิเชียร"สั่งไม่ฟ้องก่อการร้าย
ต่อมาเวลา 14.30น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เพื่อขอให้พนักงานสอบสวนในคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯบุกยึดสนามบินและสถานที่ราชการพิจารณาไม่สั่งฟ้องคดี พร้อมทั้งได้นำภาพถ่ายในเหตุการณ์ชุมนุมและคำสั่งต่างๆที่เกี่ยวกับการชุมนุมจำนวน 22 ชุด มายื่นเป็นหลักฐาน โดยมี พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริโฆษกตร. เป็นผู้รับเรื่อง
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกแกนนำและแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ฐานบุกยึดสนามบินและสถานที่ราชการถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการออกหมายเรียกและแจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 36 คน ซึ่งมี พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และครั้งที่ 2 ได้ออกหมายเรียกจำนวน 114 คน ซึ่งมี พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน โดยการออกหมายเรียกทั้ง 2 ครั้ง พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวก่อการร้ายและซ่องโจร รวมถึงข้อกล่าวหาอื่นๆด้วย แต่การที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายและซ่องโจรกับทางกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านมาทางกลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น และข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ดูหนักไป ดังนั้นจึงเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาไม่สั่งฟ้องในข้อกล่าวหาดังกล่าว ส่วนข้อกล่าวหาอื่นก็ขอให้มีการแยกแยะและพิจารณาไปตามขั้นตอนได้
**ยื่นหลักฐานใหม่ประกอบการสั่งคดี
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า สำหรับเอกสารและหลักฐานที่นำมายื่นให้กับพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ ถือเป็นหลักฐานใหม่ที่กลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยยื่นให้พนักงานสอบสวนพิจารณามาก่อน โดยส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารและคำสั่งที่เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่ว่าจะเป็น รายละเอียดที่กลุ่มพันธมิตรฯเปิดพื้นที่ให้ผู้แสวงบุญเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ และคำสั่งของท่าอากาศสุวรรณภูมิหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯยุติการชุมนุมในครั้งนั้น
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงออกเรียกร้องตอนนี้ ทั้งที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานานแล้ว พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบว่า ทางพนักงานสอบสวนกำลังจะทำสำนวนเสร็จ จึงออกมาขอให้พนักงานสอบสวนพิจาณาสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งการร้องเรียนในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการให้มีการขยายเวลาการสอบสวนแต่อย่างใด
เมื่อถามต่อว่า หากพนักงานสอบสวนรับเอกสารไปพิจารณาและไม่สั่งฟ้อง จะทำให้การเจรจาเพื่อยุติการชุมนุมง่ายขึ้นหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ก็คุยกันง่ายอยู่แล้ว ตอนนี้ก็คุยกันและยิ้มให้กันดี แต่ไม่ควรนำทั้ง 2 เรื่องมาปนกัน เพราะถือเป็นคนละเรื่อง รวมทั้งอย่าไปคิดลึกอะไรขนาดนั้น อย่างไรก็ตามหากพนักงานสอบสวนจะสั่งฟ้องคดีดังกล่าวก็สามารถทำได้ แต่ทางกลุ่มพันธมิตรฯก็คงต้องใช้สิทธิฟ้องกลับเช่นกัน
**"วิเชียร"ส่งกองคดีพิจารณา
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำ พธม. เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้พนักงานสอบสวนคดียึดสนามบิน สั่งไม่ฟ้องกลุ่มพธม. 114 คน ในข้อหาก่อการร้ายและซ่องโจร ว่า ได้รับเอกสารดังกล่าวของ พล.ต.จำลอง แล้ว โดยในเอกสารระบุให้สอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 13 ปาก และเอกสารอีกจำนวนพอสมควร โดยตนได้ส่งให้กองคดี สำนักงานกฎหมายและคดี พิจารณาเอกสารดังกล่าวโดยด่วน เพื่อพิจารณาในการสั่งคดี โดยคดีนี้จะช้ามากไม่ได้เนื่องจากมีผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างควบคุมฝากขังจำนวนหนึ่ง แล้วจะครบกำหนดผลัดฝากขังในอีกไม่ช้า
“เอกสารที่ยื่นนี้ต้องดูว่ามีประเด็นไหนที่พนักงานสอบสวนยังไม่สอบ หรือการรวมรวมพยานหลักฐานไว้ยังไม่ครบถ้วน แต่หากดูแล้วครบถ้วนก็ไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่มแล้ว โดยคดีนี้พยายามสั่งคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด อาจจะเป็นสัปดาห์หน้า ” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่าการที่พธม.เพิ่งมายื่นหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งที่แจ้งข้อหาก่อการร้ายไปตั้งแต่แรกแล้ว มองว่ามีจุดประสงค์เพื่อถ่วงเวลาหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ตามต้องดูตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และต้องดูว่าจำเป็นหรือไม่ต้องสอบเพิ่มเติม คดีนี้ล่าช้ามากก็ไม่เหมาะสม
**"สมยศ"ยันสำนวนคดีเสร็จสมบูรณ์
พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ กล่าวว่า สำนวนคดีดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่ม หรือเก็บรายละเอียดในประเด็นใดแต่อย่างใด เหลือเพียง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. สั่งคดีว่ามีความเห็นสั่งฟ้องตามที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นหรือไม่ และสามารถสั่งได้เลย เพราะสำนวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และตนได้ประสานอัยการไว้แล้ว สำหรับเหตุผลที่จะไม่สามารถสั่งคดี ตามที่ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร.ให้สัมภาษณ์นั้น ตนไม่ทราบเหตุผลแต่อย่างใด
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวต่อไปว่า หากส่งสำนวนล่าช้าไปมีผลในการผลัดฟ้องฝากขัง เนื่องจาก ตามกฎหมายสามารถขออนุญาตศาลฝากขังได้ 5 ผลัด ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ขอฝากขังเป็นผลัดที่ 4 แล้ว แต่ละผลัดมีระยะเวลา 12 วัน และวันนี้เป็นวันแรกของผลัดที่ 4 อย่างไรก็ตาม หากจะยื่นต่อศาลฝากขังผลัดสุดท้าย แต่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ และศาลไม่อนุมัติ ก็ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไป และจะถืิอว่าเป็นความบกพร่องของผบ.ตร.
**"ศอ.รส."กำหนดพื้นที่ห้ามเข้าเพิ่ม
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)แถลงข่าวภายหลังการประชุมศอ.รส.ว่า ศอ.รส.ได้ออกประกาศฉบับที่ 3/2554 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด(เพิ่มเติม) โดยเพิ่มช่องทางคู่ขนานด้านกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่แยกสวนมิสกวันถึงแยก มัฆวาน ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดการจราจร นอกจากนั้น ทางพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ในฐานะผอ.ศอ.รส.ได้มีวิทยุด่วนถึง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.ในฐานะผอ.กองกำลัง เรื่องการกำหนดพื้นที่ตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่บรรลุเป้าหมายจึงให้มีการบังคับใช้กำ หมายอย่างเคร่งครัด
** "สนธิ" ชี้ รบ.อภิสิทธิ์ "หุ่นเชิดขายชาติ"ตัวจริง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ขณะนี้กระแสเริ่มตีกลับมาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประชาชนเริ่มมีความรู้มากขึ้น สื่อมวลชนเริ่มหันมาให้ความสนใจข้อมูลของเรา ขณะที่นายกเป็นคนดื้อ และโกหกได้ทุกวัน และก็ดูถูกผู้ชุมนุมว่ามีคนมาไม่มาก เขาไม่รู้ว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณ แต่อยู่ที่คุณภาพของผู้มาชุมนุม อยู่ที่คุณภาพของการนำเสนอมากกว่า ตอนนี้คนทางใต้ส่วนมากที่เคยเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ได้หันมาดูเอเอสทีวีกันหมดแล้ว
นายสนธิกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เคยโกหก เคยบอกว่าวัด(แก้วสิขาคีรีฯ)เป็นของคนไทย มาถึงวันนี้ไม่ยอมพูดอีกแล้ว นายอภิสิทธิ์เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกล คิดว่าคนไทยโง่เท่ากันทุกคน แต่ประมาณพันธมิตรและคนไทยรักชาติ ที่เราเอาปัญญาให้แก่กัน ถึงวันนี้นายกฯจะพูดแเรื่องอะไรจะพูดแบบขอไปที มีปัญหาอะไรมากก็บอกว่าเอาไว้ก่อนๆ ขอคิดดูก่อน ตอนนี้นายกฯแสดงออกถึงการที่เป็นคนที่ถูกครอบงำ เมื่อก่อนตนเคยบอกว่ารัฐบาลสมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ เพราะถูกพ.ต.ท.ทักษิณครอบงำ แต่ตอนนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติจริงๆ คือเป็นหุ่นเชิดของนายสุเทพ, พล.อ.ประวิตร, นายเนวิน, และถูกครอบงำข้ามชาติมาจากนายฮุนเซน ต้องถือว่าเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดจริงๆ และขายชาติจริงๆ
วานนี้( 24 ก.พ.)เวลา 10.00 น.ที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายประพันธ์ คูณมี และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ผอ.กอ.รมน.) , คณะรัฐมนตรี(ครม.) และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.ศอ.รส.) เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิด กรณีที่ใช้อำนาจออกประกาศและข้อกำหนด ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 กลั่นแกล้งผู้ชุมนุมกลุ่มรวมพลังปกป้องแผ่นดิน เป็นการรวมกลุ่มของประชาชนผู้รักชาติจากหลากหลายสาขาอาชีพทั่วประเทศ ที่ประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา พ.ศ. 2543 (MOU 2543 ) และให้รัฐบาลถอนตัวจากภาคีอนุสัญญามรดกโลก รวมทั้งให้รัฐบาลผลักดันทหารกัมพูชาและประชาชนชาวกัมพูชาที่รุกล้ำแผ่นดินไทยให้พ้นจากแผ่นดินไทยในหลายพื้นที่ ตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งภายหลังพวกจำเลย ก็ได้มีการออกหมายเรียกโจทก์และพวกรวม 10 คน ให้ไปพบพนักงานสอบสวนในฐานะผู้ต้องหาข้อหาฝ่าฝืนประกาศห้ามบุคคลหรือกลุ่มคนเข้าหรือออกจากพื้นที่อาคาร ที่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
โดยขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนประกาศและข้อกำหนดที่ออกตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ ซึ่งเริ่มออกมาตั้งแต่วันที่ 8- 9 ก.พ.54 รวมทั้งที่จะออกต่อเนื่องกันนั้นทั้งหมด เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนต่อไป เนื่องจากประกาศและข้อกำหนดต่างๆ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 พร้อมทั้งขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้มีการบังคับใช้ตามประกาศและข้อกำหนดดังกล่าว ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณา เป็นคดีหมายเลขดำ 630/2554
ต่อมาเวลา 16.00 น. ศาลแพ่งมีคำสั่งรับคำร้อง และเปิดไต่สวนฉุกเฉินตามที่โจทก์ร้องขอ โดยเบื้องต้น นายสุวัฒน์ อภัยพักตร์ ทนายโจทก์ ได้เตรียมนำพยานขึ้นเบิกความ 2 ปาก ประกอบด้วยนายประพันธ์ คูณมี และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทั้งนี้ศาลแพ่งมีคำสั่งนัดไต่ส่วนฉุกเฉิน เพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามคำร้องของโจทก์ ในวันที่ 28 ก.พ. 2554 เวลา 09.00 น. โดยให้ส่งสำเนาคำฟ้องและคำร้องขอไต่ส่วนฉุกเฉินให้จำเลยที่ 1 และ 3 เพื่อแต่งตั้งตัวแทนมาร่วมในการพิจารณาคดีด้วย
**ร้อง"วิเชียร"สั่งไม่ฟ้องก่อการร้าย
ต่อมาเวลา 14.30น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เพื่อขอให้พนักงานสอบสวนในคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯบุกยึดสนามบินและสถานที่ราชการพิจารณาไม่สั่งฟ้องคดี พร้อมทั้งได้นำภาพถ่ายในเหตุการณ์ชุมนุมและคำสั่งต่างๆที่เกี่ยวกับการชุมนุมจำนวน 22 ชุด มายื่นเป็นหลักฐาน โดยมี พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริโฆษกตร. เป็นผู้รับเรื่อง
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกแกนนำและแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ฐานบุกยึดสนามบินและสถานที่ราชการถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการออกหมายเรียกและแจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 36 คน ซึ่งมี พล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส รองผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และครั้งที่ 2 ได้ออกหมายเรียกจำนวน 114 คน ซึ่งมี พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผบ.ตร. เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน โดยการออกหมายเรียกทั้ง 2 ครั้ง พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวก่อการร้ายและซ่องโจร รวมถึงข้อกล่าวหาอื่นๆด้วย แต่การที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายและซ่องโจรกับทางกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมและไม่ถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านมาทางกลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น และข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ดูหนักไป ดังนั้นจึงเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาไม่สั่งฟ้องในข้อกล่าวหาดังกล่าว ส่วนข้อกล่าวหาอื่นก็ขอให้มีการแยกแยะและพิจารณาไปตามขั้นตอนได้
**ยื่นหลักฐานใหม่ประกอบการสั่งคดี
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า สำหรับเอกสารและหลักฐานที่นำมายื่นให้กับพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ ถือเป็นหลักฐานใหม่ที่กลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยยื่นให้พนักงานสอบสวนพิจารณามาก่อน โดยส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารและคำสั่งที่เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่ว่าจะเป็น รายละเอียดที่กลุ่มพันธมิตรฯเปิดพื้นที่ให้ผู้แสวงบุญเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ และคำสั่งของท่าอากาศสุวรรณภูมิหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯยุติการชุมนุมในครั้งนั้น
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงออกเรียกร้องตอนนี้ ทั้งที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานานแล้ว พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบว่า ทางพนักงานสอบสวนกำลังจะทำสำนวนเสร็จ จึงออกมาขอให้พนักงานสอบสวนพิจาณาสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งการร้องเรียนในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการให้มีการขยายเวลาการสอบสวนแต่อย่างใด
เมื่อถามต่อว่า หากพนักงานสอบสวนรับเอกสารไปพิจารณาและไม่สั่งฟ้อง จะทำให้การเจรจาเพื่อยุติการชุมนุมง่ายขึ้นหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ก็คุยกันง่ายอยู่แล้ว ตอนนี้ก็คุยกันและยิ้มให้กันดี แต่ไม่ควรนำทั้ง 2 เรื่องมาปนกัน เพราะถือเป็นคนละเรื่อง รวมทั้งอย่าไปคิดลึกอะไรขนาดนั้น อย่างไรก็ตามหากพนักงานสอบสวนจะสั่งฟ้องคดีดังกล่าวก็สามารถทำได้ แต่ทางกลุ่มพันธมิตรฯก็คงต้องใช้สิทธิฟ้องกลับเช่นกัน
**"วิเชียร"ส่งกองคดีพิจารณา
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำ พธม. เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้พนักงานสอบสวนคดียึดสนามบิน สั่งไม่ฟ้องกลุ่มพธม. 114 คน ในข้อหาก่อการร้ายและซ่องโจร ว่า ได้รับเอกสารดังกล่าวของ พล.ต.จำลอง แล้ว โดยในเอกสารระบุให้สอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 13 ปาก และเอกสารอีกจำนวนพอสมควร โดยตนได้ส่งให้กองคดี สำนักงานกฎหมายและคดี พิจารณาเอกสารดังกล่าวโดยด่วน เพื่อพิจารณาในการสั่งคดี โดยคดีนี้จะช้ามากไม่ได้เนื่องจากมีผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างควบคุมฝากขังจำนวนหนึ่ง แล้วจะครบกำหนดผลัดฝากขังในอีกไม่ช้า
“เอกสารที่ยื่นนี้ต้องดูว่ามีประเด็นไหนที่พนักงานสอบสวนยังไม่สอบ หรือการรวมรวมพยานหลักฐานไว้ยังไม่ครบถ้วน แต่หากดูแล้วครบถ้วนก็ไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่มแล้ว โดยคดีนี้พยายามสั่งคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด อาจจะเป็นสัปดาห์หน้า ” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่าการที่พธม.เพิ่งมายื่นหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งที่แจ้งข้อหาก่อการร้ายไปตั้งแต่แรกแล้ว มองว่ามีจุดประสงค์เพื่อถ่วงเวลาหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ตามต้องดูตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และต้องดูว่าจำเป็นหรือไม่ต้องสอบเพิ่มเติม คดีนี้ล่าช้ามากก็ไม่เหมาะสม
**"สมยศ"ยันสำนวนคดีเสร็จสมบูรณ์
พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ กล่าวว่า สำนวนคดีดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่ม หรือเก็บรายละเอียดในประเด็นใดแต่อย่างใด เหลือเพียง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. สั่งคดีว่ามีความเห็นสั่งฟ้องตามที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นหรือไม่ และสามารถสั่งได้เลย เพราะสำนวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และตนได้ประสานอัยการไว้แล้ว สำหรับเหตุผลที่จะไม่สามารถสั่งคดี ตามที่ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร.ให้สัมภาษณ์นั้น ตนไม่ทราบเหตุผลแต่อย่างใด
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวต่อไปว่า หากส่งสำนวนล่าช้าไปมีผลในการผลัดฟ้องฝากขัง เนื่องจาก ตามกฎหมายสามารถขออนุญาตศาลฝากขังได้ 5 ผลัด ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ขอฝากขังเป็นผลัดที่ 4 แล้ว แต่ละผลัดมีระยะเวลา 12 วัน และวันนี้เป็นวันแรกของผลัดที่ 4 อย่างไรก็ตาม หากจะยื่นต่อศาลฝากขังผลัดสุดท้าย แต่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ และศาลไม่อนุมัติ ก็ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไป และจะถืิอว่าเป็นความบกพร่องของผบ.ตร.
**"ศอ.รส."กำหนดพื้นที่ห้ามเข้าเพิ่ม
พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.)แถลงข่าวภายหลังการประชุมศอ.รส.ว่า ศอ.รส.ได้ออกประกาศฉบับที่ 3/2554 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด(เพิ่มเติม) โดยเพิ่มช่องทางคู่ขนานด้านกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่แยกสวนมิสกวันถึงแยก มัฆวาน ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดการจราจร นอกจากนั้น ทางพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ในฐานะผอ.ศอ.รส.ได้มีวิทยุด่วนถึง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.ในฐานะผอ.กองกำลัง เรื่องการกำหนดพื้นที่ตามข้อกำหนดของ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่บรรลุเป้าหมายจึงให้มีการบังคับใช้กำ หมายอย่างเคร่งครัด
** "สนธิ" ชี้ รบ.อภิสิทธิ์ "หุ่นเชิดขายชาติ"ตัวจริง
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า ขณะนี้กระแสเริ่มตีกลับมาที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประชาชนเริ่มมีความรู้มากขึ้น สื่อมวลชนเริ่มหันมาให้ความสนใจข้อมูลของเรา ขณะที่นายกเป็นคนดื้อ และโกหกได้ทุกวัน และก็ดูถูกผู้ชุมนุมว่ามีคนมาไม่มาก เขาไม่รู้ว่ามันไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณ แต่อยู่ที่คุณภาพของผู้มาชุมนุม อยู่ที่คุณภาพของการนำเสนอมากกว่า ตอนนี้คนทางใต้ส่วนมากที่เคยเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ได้หันมาดูเอเอสทีวีกันหมดแล้ว
นายสนธิกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์เคยโกหก เคยบอกว่าวัด(แก้วสิขาคีรีฯ)เป็นของคนไทย มาถึงวันนี้ไม่ยอมพูดอีกแล้ว นายอภิสิทธิ์เป็นคนเจ้าเล่ห์แสนกล คิดว่าคนไทยโง่เท่ากันทุกคน แต่ประมาณพันธมิตรและคนไทยรักชาติ ที่เราเอาปัญญาให้แก่กัน ถึงวันนี้นายกฯจะพูดแเรื่องอะไรจะพูดแบบขอไปที มีปัญหาอะไรมากก็บอกว่าเอาไว้ก่อนๆ ขอคิดดูก่อน ตอนนี้นายกฯแสดงออกถึงการที่เป็นคนที่ถูกครอบงำ เมื่อก่อนตนเคยบอกว่ารัฐบาลสมัคร สุนทรเวชและสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ เพราะถูกพ.ต.ท.ทักษิณครอบงำ แต่ตอนนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติจริงๆ คือเป็นหุ่นเชิดของนายสุเทพ, พล.อ.ประวิตร, นายเนวิน, และถูกครอบงำข้ามชาติมาจากนายฮุนเซน ต้องถือว่าเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดจริงๆ และขายชาติจริงๆ