“วิเชียร” พร้อมหากศาลสั่งขอ พธม.เปิดพื้นที่!

ผบ.ตร.ลั่นจะดำเนินการเอาจริงและกดดัน พธม.ที่ชุมนุมรอบทำเนียบ จนทำให้การประชุม ครม.ล่าช้า แต่ต้องรอให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี-โรงเรียน-สถานที่ราชการ ยื่นเรื่องร้องต่อศาลให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกนอกรอบพื้นที่ทำเนียบฯ จนท.ถึงจะมีอำนาจขอเปิดพื้นที่ ด้าน ผบช.น.เน้นเจรจากลุ่มผู้ชุมนุมให้อยู่ในกรอบ กม.ทุกวัน และข้อร้องห้ามเข้าไปในทำเนียบ

วันนี้ (1 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ยังคงปิดถนนและชุมนุมอยู่บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล ซึ่งส่งผลให้การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้เกิดการล่าช้าว่า หลังจากนื้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการให้เข้มข้นและกดดันให้มากขึ้น ส่วนที่จะมีการยื่นเรื่องให้ศาลปกครอง หรือศาลแพ่ง มีคำสั่งให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาลหรือไม่นั้น เรื่องนี้คงต้องเป็นหน้าที่ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมไปถึงโรงเรียนใกล้เคียง สถานที่ราชการ และประชาชน เป็นผู้ทำหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาล เนื่องจากเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมโดยตรง หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว หรือมีความสั่งใดๆ ออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีความชอบธรรมที่จะมีการเปิดพื้นที่

ขณะเดียวกันที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า มีการเข้าไปเจราจากับแกนำให้กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งทางตำรวจจะพยายามเจรจาทุกวัน ถือว่าเป็นการทำหน้าที่ของตำรวจ สำหรับมาตรการดูแลทำเนียบรัฐบาลขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีการเพิ่มกำลังเข้าไปพิเศษ แต่มีเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยตามปกติอยู่แล้ว ตั้งแต่การชุมนุมเริ่มต้นวันที่ 25 ม.ค. สถานการณ์ยังสงบดีไม่มีเหตุการณ์ใดๆ ทางแกนนำก็ทำกิจกรรมบนเวทีตามปกติไม่มีปัญหาก่อความความเดือดร้อนแต่อย่างใด

พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการขอพื้นที่คืนในเรื่องการเจรจานั้นตำรวจมีการพูดคุยเป็นประจำทุกวัน ส่วนทางรัฐบาลนั้นปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความเรียบร้อยทั้งหมดเพียงแต่ขอร้องไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้ามาในบริเวณทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากเป็นสถานที่ราชการ ส่วนการชุมนุมคาดว่าน่าจะยืดเยื้อเพราะดูจากการชุมนุมช่วงที่ผ่านมาได้ 7 วันแล้ว ซึ่งทางตำรวจไม่สามารถทราบแนวทางของกลุ่มผู้ชุมนุมได้ว่าจะยุติเมื่อใด

“สำหรับการดูแลความพร้อมบริเวณสถานทูตกัมพูชานั้น ทางตำรวจมีมาตรการดูแลความเรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาแล้ว โดยผมจะเดินทางไปดูแลความเรียบร้อยทุกคืนใช้กำลัง 1 กองร้อยดูแลความสงบ รวมถึงมีการตั้งด่านด้านหน้าสถานทูตเช่นกัน ทั้งนี้ยังมีกระแสข่าวว่าจะมีกลุ่มคนมาจัดกิจกรรมบริเวณสถานทูตขณะนี้ยังไม่มี แต่ตำรวจไม่ประมาทเตรียมกำลังพร้อมดูแล หากมาชุมนุมก็สามารถทำได้ตามสิทธิ์แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย” ผบช.น. กล่าว

พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ส่วนบัญชีการการแต่งตั้งนายตำรวจระดับรองผบก-สว. ทั้งหมดเรียบร้อยดีขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของธุรการคือการตรวจสอบคุณสมบัติ ส่วนการย้ายเข้าและออกนอกหน่วยนั้นมีจำนวนน้อยกว่า 2-3 ปี ที่ผ่านมา สำหรับเรื่องตั๋วไม่เยอะ แต่ตนจะดูเรื่องคนทำงานอย่างเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หนังสือพิมพ์ลงว่าอกหักผิดหวังถึงขั้นลาออก พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า มีอยู่เพียง 1 คน คือ พ.ต.อ.ปกรณ์ กิติวัฒน์ ผกก.สส.บก.น.4 เนื่องจากใกล้เกษียณ ไม่ได้อกหักแต่ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น อยู่ในกลุ่มอาวุโส 33 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสาเหตุที่ลาออกเขาตัดสินใจเลือกทางเดินอย่างนั้นไม่สามารถบังคับได้

สำหรับผกก.ห้วยขวางคนใหม่ที่จะมาดูแลนั้นจะสามารถรับมือสถานบริการได้หรือไม่ ผบช.น. กล่าวว่า ตนว่าเขาทำได้ ซึ่งตนก็ได้ให้ระดับรองผบช.น.เลือกดูว่าใครจะมาทำหน้าที่ ก็เหมือนนักฟุตบอลเพียงดูว่าใครสามารถเล่นตำแหน่งไหนได้ก็ให้มาเล่น โดยในที่ประชุมต่างพอใจ และทุกรองผบช.น.ทุกนายก็เห็นด้วย

ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีเด็กพรรคประชาธิปัตย์ได้ดีกันทุกคน พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวว่า มีการคละกันไป บางทีก็เด็กพรรคประชาธิปัตย์ บางทีก็มะเขือเทศ แต่ตนไม่มีตนจะเอาการทำงานเป็นตัวตั้ง คาดว่าภายใน 7 วัน ทราบกันว่าใครทำงานส่วนไหน