“ลุงจำลอง” แกนนำ พธม.เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง ผบ.ตร.เพื่อขอให้พิจารณาสั่งไม่ฟ้องคดีที่ถูกกล่าวหา “ก่อการร้ายและซ่องโจร” ระบุ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาไม่เป็นธรรม เพราะผู้ชุมนุมไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น พร้อมมอบหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยยื่นที่ไหนมาประกอบ เพื่อให้พิจารณา
วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เพื่อขอให้พนักงานสอบสวนในคดีที่กลุ่มพันธมิตรฯบุกยึดสนามบินและสถานที่ราชการพิจารณาไม่สั่งฟ้องคดี พร้อมทั้งได้นำภาพถ่ายในเหตุการณ์ชุมนุมและคำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับกับการชุมนุมจำนวน 22 ชุด มายื่นเป็นหลักฐาน โดยมี พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริโฆษ ก.ตร.เป็นผู้รับเรื่อง
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกแกนนำและแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯ ฐานบุกยึดสนามบินและสถานที่ราชการถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นการออกหมายเรียกและแจ้งข้อกล่าวหาจำนวน 36 คน ซึ่งมีพล.ต.อ.วุฒิ พัวเวส รองผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และครั้งที่ 2 ได้ออกหมายเรียกจำนวน 114 คน ซึ่งมี พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน โดยการออกหมายเรียกทั้ง 2 ครั้ง พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวก่อการร้ายและซ่องโจร รวมถึงข้อกล่าวหาอื่นๆด้วย แต่การที่พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาก่อการร้ายและซ่องโจรกับทางกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรม และไม่ถูกต้อง เนื่องจากที่ผ่านมาทางกลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้น และข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ดูหนักไป ดังนั้นจึงเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียน เพื่อให้พนักงานสอบสวนพิจารณาไม่สั่งฟ้องในข้อกล่าวหาดังกล่าว ส่วนข้อกล่าวหาอื่นก็ขอให้มีการแยกแยะและพิจารณาไปตามขั้นตอนได้
พล.ต.จำลอง กล่าวต่อว่า สำหรับเอกสารและหลักฐานที่นำมายื่นให้กับพนักงานสอบสวนในครั้งนี้ ถือเป็นหลักฐานใหม่ที่กลุ่มพันธมิตรฯไม่เคยยื่นให้พนักงานสอบสวนพิจารณามาก่อน โดยส่วนใหญ่จะเป็นเอกสารและคำสั่งที่เกี่ยวกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ว่าจะเป็น รายละเอียดที่กลุ่มพันธมิตรฯเปิดพื้นที่ให้ผู้แสวงบุญเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ และคำสั่งของท่าอากาศสุวรรณภูมิหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯยุติการชุมนุมในครั้งนั้น
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงออกเรียกร้องตอนนี้ ทั้งที่พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานานแล้ว พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบว่า ทางพนักงานสอบสวนกำลังจะทำสำนวนเสร็จ จึงออกมาขอให้พนักงานสอบสวนพิจาณาสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งการร้องเรียนในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการให้มีการขยายเวลาการสอบสวนแต่อย่างใด
เมื่อถามต่อว่า หากพนักงานสอบสวนรับเอกสารไปพิจารณาและไม่สั่งฟ้อง จะทำให้การเจรจาเพื่อยุติการชุมนุมง่ายขึ้นหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ก็คุยกันง่ายอยู่แล้ว ตอนนี้ก็คุยกันและยิ้มให้กันดี แต่ไม่ควรนำทั้ง 2 เรื่องมาปนกัน เพราะถือเป็นคนละเรื่อง รวมทั้งอย่าไปคิดลึกอะไรขนาดนั้น อย่างไรก็ตามหากพนักงานสอบสวนจะสั่งฟ้องคดีดังกล่าวก็สามารถทำได้ แต่ทางกลุ่มพันธมิตรฯก็คงต้องใช้สิทธิฟ้องกลับเช่นกัน
“วิเชียร” ส่งกองคดีพิจารณาหลักฐาน “จำลอง” ชี้คดีนี้ช้าไม่ได้
ต่อมา พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำ พธม.เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมเพื่อให้พนักงานสอบสวนคดียึดสนามบิน สั่งไม่ฟ้องกลุ่ม พธม. 114 คน ในข้อหาก่อการร้ายและซ่องโจร ว่า ได้รับเอกสารดังกล่าวของพล.ต.จำลอง แล้ว โดยในเอกสารระบุให้สอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 13 ปาก และเอกสารอีกจำนวนพอสมควร โดยตนได้ส่งให้กองคดี สำนักงานกฎหมายและคดี พิจารณาเอกสารดังกล่าวโดยด่วน เพื่อพิจารณาในการสั่งคดี โดยคดีนี้จะช้ามากไม่ได้ เนื่องจากมีผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างควบคุมฝากขังจำนวนหนึ่ง แล้วจะครบกำหนดผลัดฝากขังในอีกไม่ช้า
“เอกสารที่ยื่นนี้ต้องดูว่ามีประเด็นไหนที่พนักงานสอบสวนยังไม่สอบ หรือการรวมรวมพยานหลักฐานไว้ยังไม่ครบถ้วน แต่หากดูแล้วครบถ้วนก็ไม่จำเป็นต้องสอบเพิ่มแล้ว โดยคดีนี้พยายามสั่งคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด อาจจะเป็นสัปดาห์หน้า” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่า การที่ พธม.เพิ่งมายื่นหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งที่แจ้งข้อหาก่อการร้ายไปตั้งแต่แรกแล้ว มองว่ามีจุดประสงค์เพื่อถ่วงเวลาหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องดูตามข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริง และต้องดูว่าจำเป็นหรือไม่ต้องสอบเพิ่มเติม คดีนี้ล่าช้ามากก็ไม่เหมาะสม
“สมยศ” ยันสำนวนคดี พธม.เสร็จแล้วรอ ผบ.ตร.สั่งคดี
ด้าน พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ กล่าวว่า สำนวนคดีดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่ม หรือเก็บรายละเอียดในประเด็นใดแต่อย่างใด เหลือเพียง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.สั่งคดีว่ามีความเห็นสั่งฟ้องตามที่พนักงานสอบสวนมีความเห็นหรือไม่ และสามารถสั่งได้เลย เพราะสำนวนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และตนได้ประสานอัยการไว้แล้ว สำหรับเหตุผลที่จะไม่สามารถสั่งคดี ตามที่ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร.ให้สัมภาษณ์นั้น ตนไม่ทราบเหตุผลแต่อย่างใด
พล.ต.ท.สมยศ กล่าวต่อไปว่า หากส่งสำนวนล่าช้าไปมีผลในการผลัดฟ้องฝากขัง เนื่องจาก ตามกฎหมายสามารถขออนุญาตศาลฝากขังได้ 5 ผลัด ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ขอฝากขังเป็นผลัดที่ 4 แล้ว แต่ละผลัดมีระยะเวลา 12 วัน และวันนี้เป็นวันแรกของผลัดที่ 4 อย่างไรก็ตาม หากจะยื่นต่อศาลฝากขังผลัดสุดท้าย แต่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ และศาลไม่อนุมัติ ก็ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไป และจะถือว่าเป็นความบกพร่องของ ผบ.ตร.
ศอ.รส.ประกาศ ให้ทางคู่ขนานหน้า ศธ.เป็นพื้นที่ห้ามเข้าเพิ่ม
ขณะที่ พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แถลงข่าวภายหลังการประชุม ศอ.รส.ว่า วันนี้ ศอ.รส.ได้ออกประกาศฉบับที่ 3/2554 เรื่อง ห้ามบุคคลเข้าหรือออกจากบริเวณพื้นที่ อาคาร หรือสถานที่ที่กำหนด (เพิ่มเติม) โดยเพิ่มช่องทางคู่ขนานด้านกระทรวงศึกษาธิการตั้งแต่แยกสวนมิสกวันถึงแยกมัฆวาน ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดการจราจร นอกจากนั้น ทาง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ในฐานะผอ.ศอ.รส.ได้มีวิทยุด่วนถึง พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.ในฐานะผอ.กองกำลัง เรื่องการกำหนดพื้นที่ตามข้อกำหนดของพ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่บรรลุเป้าหมายจึงให้มีการบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด
พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้ยื่นหนังสือถึงผบ.ตร.เพื่อขอให้ไม่สั่งฟ้องในข้อหาก่อการร้ายและซ่องโจร นั้น ทาง ผบ.ตร.ได้รับเรื่องดังกล่าวและสั่งการให้กองคดีไปพิจารณา และเสนอกลับมาโดยทาง ผบ.ตร.ยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย นอกจากนี้ ทาง พล.ต.จำลอง ได้ร้องขอให้สอบพยานเพิ่มอีก 13 ปาก ทางพนักงานสอบสวนก็ต้องไปดูว่าพยานที่เสนอมาเกี่ยวข้องกับคดีอย่างไร และเคยสอบปากคำไปก่อนหน้านี้หรือไม่ สำหรับเอกสารที่ พล.ต.จำลอง ยื่นมานั้นบางส่วนก็จะมีการนำไปพิจารณาร่วมด้วยใน การสั่งคดี ซึ่งก็ต้องดูว่าเอกสารเหล่านี้จะมีผลโน้มน้าว หรือหักล้างกับพยานหลักฐานที่ พนักงานสอบสวนมีอยู่เดิมหรือไม่