“ลุงจำลอง” ชี้ พันธมิตรฯสหรัฐฯ จี้ “มาร์ค” ลาออก ท้าทางเลือกสุดท้ายสลายการชุมนุม

พล.ต.จำลอง เผย ศาลแพ่งนัดไต่สวนฉุกเฉินคำร้อง เพื่อขอให้ยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงจันทร์นี้ ชี้ พันธมิตรฯ สหรัฐฯกว่าห้าร้อยคนเข้าชื่อเรียกร้องให้ “อภิสิทธิ์” เสียสละเพื่อรักษาอธิปไตยไทย หนุน ชาวบ้านภูมิซรอลนำเหตุปะทะขึ้นฟ้องศาลโลก เหตุ รบ.เพิกเฉยต่อความเดือดร้อน เมินยูเนสโกส่งผู้สังเกตการณ์เข้ามาจุ้น ย้ำ รบ.ต้องดำเนินการตาม 3 ข้อเรียกร้อง หากไม่เช่นนั้นต้องลาออกไป หรือสลายการชุมนุมเท่านั้น เข้ายื่นขอเป็นธรรม ผบ.ตร.ถอนข้อกล่าวหาผู้ก่อการร้ายปิดสนามบินสุวรรณภูมิ

วันนี้ (24 ก.พ.) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 31 วัน หรือ 1 เดือนเต็มของการชุมนุม ทางคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดินได้มีการประชุมหารือกัน และมีมติให้เปลี่ยนชื่อคณะกรรมการเป็น “คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย” เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของการชุมนุมมากขึ้น แต่ไม่มีการปรับในส่วนของตัวคณะกรรมการ หรือแนวทางการทำงานแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในส่วนของแนวทางการเคลื่อนไหวจะมีการพิจารณาต่อไปตามสถานการณ์

พล.ต.จำลอง กล่าต่อว่า ในวันนี้ทางคณะกรรมการ โดย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ และ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการ ได้เดินทางไปยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อให้เพิกถอนการประกาศพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความมั่นคง และเอาผิดต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ฐานประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อกลั่นแกล้งประชาชนที่มาชุมนุมตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังมีการประกาศที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ความมั่นคงองในหลายข้อ ซึ่งศาลได้พิจารณาประทับรับฟ้อง และจะมีการไต่สวนเร่งด่วนในวันที่ 28 ก.พ.-1 มี.ค.นี้

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า การออกประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงของรัฐบาล ไม่เพียงแต่คนไทยที่อยู่ในประเทศเท่านั้นที่ไม่เห็นด้วย เพราะล่าสุดคนไทยที่อาศัยอยู่ในสหรัฐจำนวน 528 คน ร่วมการออกแถลงการณ์ถึง นายอภิสิทธิ์ เรื่อง ขอให้เสียสละเพื่อประเทศชาติ โดยมีสาระสำคัญที่ไม่เห็นด้วยกับการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ที่เป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน และการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของรัฐบาล ทำให้หมดความชอบธรรมในการบริหารบ้านเมืองต่อไป จึงขอให้นายอภิสิทธิ์รับผิดชอบด้วยการยุบสภาและลาออก เพื่อคืนพระราชอำนาจแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการปฏิรูปการปกครองให้เป็นที่ยอมรับต่อไป

ซึ่ง พล.ต.จำลอง กล่าวย้ำว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นเพียงข้อเสนอของ 528 คนไทยในสหรัฐฯเท่านั้น เนื่องจากข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ และคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร ยังคงเป็นยืนยันให้นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการไม่ทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน ตามที่ประชาชนได้เคยให้ฉันทามติไว้เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปักหลักชุมนุมอยู่เช่นนี้ แต่รัฐบาลก็ไม่เปลี่ยนท่าที พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลไม่เปลี่ยนท่าที เราก็ยังจะอยู่กันอย่างนี้ เพราะพันธมิตรฯกับรัฐบาลนี้อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะท่าทีของคนในรัฐบาล อาทิ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ออกมาอ้างว่า การชุมนุมทำให้จราจรติดขัด แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลรู้สึกเดือดร้อนมาก ดังนั้นรัฐบาลก็มีทางเลือกแค่การลาออกหรือมาสลายการชุมนุม

ส่วนกรณีที่ชาวบ้านภูมิซรอล จ.ศรีสะเกษ เตรียมนำเรื่องฟ้องต่อศาลโลกเพื่อเรียกค่าเสียหายจากกัมพูชา ฐานทำให้เดือดร้อน และสิ่งปลูกสร้างเสียหายจากการปะทะ พล.ต.จำลอง กล่าวสนับสนุนว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากให้ได้ประโยชน์ที่สุดต้องให้รัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องนี้แทนชาวบ้าน เพราะมีเครื่องมือและบทบาทในเวทีโลก แต่ในเมื่อรัฐบาลไม่ยอมทำ ประชาชนจึงต้องมาทำเอง เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนมา

เมื่อถามต่อว่า ในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) ทางยูเนสโกจะส่งผู้แทนเข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่ ทางพันธมิตรฯจะมีการเคลื่อนไหวใดๆหรือไม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตนไม่สนใจว่า ใครจะมาใครจะไป เพราะไม่มีประโยชน์ หากรัฐบาลไม่ปฏิบัติตาม 3 ข้อเรียกร้องของเราที่ให้ยกเลิก MOU 2543 ถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก และผลักดันกัมพูชาออกจากดินแดนไทย

ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง ยังได้เปิดเผยด้วยว่า เมื่อเวลา 14.30 น.ตนได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต่อกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กล่าวหาว่า เป็นผู้ก่อการร้ายและซ่องโจรในการยึดทำเนียบรัฐบาลและสนามบิน เมื่อปี 51 โดยขอให้พิจารณาถอนข้อกล่าวหาดังกล่าว ส่วนข้อหาอื่นๆขอให้ตำรวจพิจารณาตามพยานหลักฐานต่อไป โดยแยกแยะกลุ่มผู้ต้องหาว่ามีเจตนาในการกระทำผิดจริงหรือไม่ เพราะผู้ที่ถูกกล่าวหามีทั้งศิลปิน ผู้ร่วมชุมนุม และผู้ปราศรัย ไม่ใช่กล่าวหาแบบเหวี่ยงแห ซึ่งไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม อยู่ที่การพิจารณาของ พล.ต.อ.วิเชียร อาจจะส่งฟ้องโดยกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้ายและซ่องโจรต่อไปก็ได้