xs
xsm
sm
md
lg

"สนธิ"โต้ถูกยัดข้อหา ต่อพ.ร.บ.มั่นคง30วัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“สนธิ”เผย 10 แกนนำพันธมิตรฯ ปฏิเสธ หลังถูกยัดข้อหาผิดพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ยันเตรียมฟ้องกลับภายใน 3 วันนี้ ซัดนักการเมืองใช้กฎหมายแค่หวังปิดปากม็อบ โยนคณะกรรมการปกป้องแผ่นดิน ฟันธงชุมนุมยืดเยื้อหรือไม่ เชื่อยังอยู่อีกนาน แต่ถ้าเลิก MOU 43 การชุมนุมยุติทันที แนะ"ชวน"ปลด"มาร์ค"ก่อนปชป.ชิบหาย ครม.ต่ออายุพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อีก 30 วันตามคาด แฉเสธ.หนั่นไล่บี้ตำรวจขอคืนถนน 2 เลน "มาร์ค"โดดหนุนให้จัดการ ขณะที่ศาลเรียกไต่สวนฉุกเฉิน 24 ก.พ.นี้  

วานนี้ (22 ก.พ.) เวลา 09.00 น.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมาที่ บช.น.พร้อมเปิดเผยว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ทั้ง 10 คนได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา แต่จะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนภายใน 30 วัน ส่วนกรณีที่ได้มีการออก พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 นั้น ทางกลุ่มเห็นว่าเป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะพวกตนมาชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ตามสิทธิเสรีภาพ โดยหลังจากนี้จะมีการพิจารณาฟ้องร้องพนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนคดีนี้ รัฐมนตรีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในการออก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และผู้มีส่วนร่วม ในความผิดมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้น หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ต่อมาเวลา 09.30 น. แกนนำพันธมิตรฯ โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายรักษ์ หรือสมณะโพธิรักษ์ ได้เดินทางมาเป็นชุดแรก เพื่อพบพนักงานสอบสวน โดยได้ขึ้นไปยังห้องประชุมกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) ซึ่งมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. (ฝ่ายสอบสวน) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 ฝ่ายสอบสวน โดย บช.น.ได้จัดพนักงานสอบสวนแบ่งเป็น 10 ชุด เพื่อทำคดีให้ผู้ถูกออกหมายเรียกทั้ง 10 คน ได้มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจสอบประวัติเช่นเดียวกันคดีอื่นทั่วๆ ไป

เวลา 09.45 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล และนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เดินทางมาถึง บช.น. ก่อนเดินทางขึ้นไปที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อพบกับพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนจะเดินทางขึ้นไปยังห้องประชุม บก.น.1 ซึ่งอยู่ชั้น 3 โดย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ได้เดินขึ้นไปด้วยกัน ก่อนที่ต่อมานายพิภพ ธงไชย นายอมร อมรรัตนานนท์ นายประพันธ์ คูณมี นายเทิดภูมิ ใจดี จะเดินทางมา โดยไม่มีมวลชนตามมากดดันการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด

พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.กล่าวว่า การชุมนุมมีการปิดเส้นทางการจราจร จึงมีการเรียกผู้ที่มารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมดมาพบ ซึ่งทั้งหมดทราบข้อประกาศนี้ดี และอยากบอกว่าไม่ยอมออก ก็แสดงว่ามีเจตนาที่จะฝ่าฝืน ซึ่งเป็นการมารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนขั้นตอน คือ มีการแจ้งข้อกล่าวหา พิมพ์มือเป็นคดีอาญาปกติ โดยคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลแขวงต้องโทษไม่เกิน 3 ปี ในชั้นต้นก็ให้โอกาสผู้รับทราบข้อกล่าวหาว่าจะให้การหรือไม่ให้การในชั้นสอบสวน ซึ่งถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย หากให้การตอนนี้จะแก้ข้อกล่าวหาหรือรับข้อกล่าวหาก็เป็นสิทธิของเขา ซึ่งมีทนายมาร่วมฟังการสอบสวนด้วย หลังจากนี้ไปเมื่อพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานเสร็จเรียบร้อยก็จะมีความเห็นทางคดี หากหักล้างข้อกล่าวหาไม่ได้ก็จะมีความเห็นสั่งฟ้อง ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการฟ้องศาลแขวงต่อไป

“ที่จริงแล้วคดีนี้ ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนให้ต้องพิสูจน์อะไรมาก เมื่อมีการประกาศห้ามแล้ว ชัดเจนแล้วว่ามีการห้าม รู้แล้วว่าเขาห้าม ยังอยู่ ไม่ยอมออกหรือเข้าไป ซึ่งเรื่องนี้ก็ชัดเจนด้วยภาพและมีการโต้ออกด้วยว่าให้มาจับได้เลย ไม่ยอมออก ซึ่งตรงนั้นก็ชัดเจนแล้วหลักฐานไม่ต้องมีอะไรมาก” รอง ผบช.น.กล่าว
          
**"อำนวย"ไม่หวั่นถูกฟ้องกลับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ทนายความของพันธมิตรฯ จะมีการฟ้องกลับพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ฟ้องไม่ฟ้องก็เป็นสิทธิ ศาลก็ต้องพิจารณาเหตุผลที่จะฟ้อง ส่วนจะรับฟ้องไม่รับฟ้องก็เป็นสิทธิของเขา ไม่หวั่นไหว เพราะตนถูกฟ้องมาแล้วทุกศาล รวมทั้ง ป.ป.ช. ด้วย ยิ่งถูกฟ้องยิ่งแข็งแกร่ง และคาดว่าไม่เกิน 30 วันจะส่งสำนวนให้อัยการได้ ส่วนการที่จะออกหมายจับเพิ่มก็ต้องดูการถอดเทปและคำพูดด้วย ซึ่งคงไม่ซี้ซั้วเข้าไปจับกุม ต้องดูคำพูด คำปราศรัยด้วยว่ากระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่ และยืนยันว่าไม่มีการเลือกปฏิบัติ
          
**"สนธิ"ยันการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ไม่ผิด

ต่อมาเวลา 10.35 น. นายสนธิ ออกจากห้องพนักงานสอบสวน โดยกล่าวภายหลังรับทราบข้อกล่าวหาว่า ตนเป็นตัวแทนทั้ง 10 คนที่มาพูด เรามามอบตัวตามหมายเรียกของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ในข้อหาทำผิด พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ทางเราปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะยื่นคำให้การภายใน 30 วัน ส่วนแนวทางการสู้คดีมั่นใจว่าทางกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้กระทำผิด เพราะเรามีแนวทางที่ชัดเจน และเชื่อมั่นว่าภายใน 3 วัน ทนายความของพันธมิตรฯ จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง จะฟ้องกลับหรือไม่ขึ้นอยู่กับเหตุผลทางกฎหมายและเจตนา ถ้าเป็นการกลั่นแกล้งก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มีช่องโหว่มากและเป็นการออกเพื่อผลทางการเมืองเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่มีเหตุการณ์กระทบความมั่นคง   

**ยกเลิกเอ็มโอยู 2543 ชุมนุมยุติ

เมื่อถามถึงกำหนดระยะเวลาการชุมนุม นายสนธิ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เรื่องนี้เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการรวมพลังปกป้องแผ่นดิน 17 คน โดยการชุมนุมครั้งนี้ เป็นการชุมนุมเพื่อปกป้องดินแดนไทย เป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การชุมนุม เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของชาติบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ดังนั้น การขยายการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั้น ก็เชื่อว่าทางคณะกรรมการฯ จะเป็นผู้พิจารณาถึงระยะเวลาการชุมนุม ซึ่งตนตอบแทนไม่ได้ แต่เชื่อว่า ผู้ชุมนุมไม่มีทางยอมยุติการชุมนุมแน่ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยกเลิกเอ็มโอยู 2543 ก็ไม่มีเหตุผลใดที่เราต้องอยู่ ก็พร้อมยุติการชุมนุม เพราะเราไม่ได้ชุมนุมเพื่อตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 11.50 น. นายสุริยะใส กะตะสิลา ได้เดินทางมาที่ บช.น.เพื่อพบพนักงานสอบสวน ทำให้ขาดเพียงนายทศพล แก้วทิมา เท่านั้น ตามที่มีการออกหมายเรียกมาพบ 10 คน

***แนะ"ชวน"ปลด"มาร์ค"ก่อนปชป.ชิบหาย

วันเดียวกันนี้ นายสนธิ ได้กล่าวบนเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ว่า แม้นายชวน หลีกภัย จะเป็นคนเซ็น MOU 43 แต่ก็ไม่ได้เป็นคนทำเอง แต่นายสุขุมพันธ์ บริบัตร เป็นคนทำมาให้ ก็ไม่รู้ว่าทำไมนายอภิสิทธิ์ที่วันนี้นายชวนสร้างขึ้นมาให้จนเป็นนายกฯ กำลังทำให้พรรคประชาธิปัตย์ชิบหาย ที่ไม่ยอมยกเลิก MOU 43 และยังเป็นยุคที่ปล่อยให้มีการกินบ้านกินเมืองมากที่สุด ถ้าต้องปลดอภิสิทธิ์ ปลดสุเทพ เพื่อให้ปชป.อยู่รอด ก็ต้องทำ เพราะขณะนี้ ไม่ต่างจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่พ.ต.ท.ทักษิณ คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย วันนี้ ปชป. คอร์รัปชั่นแบบเถื่อนๆ อำมหิตที่หากินกับน้ำมันปาล์ม ทำประชาชนเดือดร้อน

***ตามคาดต่อพ.ร.บ.มั่นคงฯอีก 30 วัน

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกรัฐบาล แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (22 ก.พ.) ว่า กอ.รมน.ได้เสนอครม.ขอขยายประกาศพื้นที่อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร โดยขอขยายเวลาประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ. ถึงวันที่ 25 มี.ค.2554 ตามพื้นที่ 7 เขต ประกอบด้วย เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตราชเทวี เขตปทุมวัน เขตวังทองหลาง และเขตวัฒนา เป็นพื้นที่อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่ ครม.เคยประกาศไว้
    
***เผย"เสธ.หนั่น"บี้ตร.ขอถนนคืน 2 เลน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ในการประชุมครม. เรื่องนี้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ซักถามตำรวจหลายครั้งว่า เหตุใด เมื่อมี พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แล้ว แต่ไม่สามารถไปขอพื้นที่คืนจากม็อบได้ ทั้งที่ผู้ชุมนุมมีแค่หลักร้อย แล้วอย่างนี้จะมาขอต่ออายุ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไปทำไม ไม่เห็นตำรวจทำอะไรได้เลย หากต่อไปมีผู้ชุมนุมถึงระดับหมื่นคน จะจัดการอย่างไร ขนาดตนเมื่อเช้า จะเข้าทำเนียบรัฐบาล ยังเข้าไม่ได้เลย ดังนั้น อยากให้ตำรวจไปเจรจากับม็อบขอพื้นที่การจราจรคืน อย่างน้อย 1-2 เลน

ขณะที่ นายกฯ กล่าวเสริมทันทีว่า เห็นหรือไม่ว่า ไม่ใช่แค่ตนคนเดียวที่มีความเห็นลักษณะนี้ ที่เชิญตำรวจเข้ามา ก็เพื่อจะให้รู้ว่าครม. รู้สึกอย่างไร ตนได้รับรายงานตัวเลขผู้ชุมนุมมาทุกวันว่า มีประมาณ 500-600 คน แต่กลับปิดถนนในบริเวณกว้าง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ความจริง ตนไม่ได้ห้ามการชุมนุม เพราะเป็นสิ่งที่ทำได้ ถ้าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่ต้องไม่ใช่การปิดถนนทั้งหมดแบบนี้ ต่อไปถ้าผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นๆ มาอ้าง เอาอย่างเดียวกันบ้างจะไม่ดี ซึ่งในที่สุดพล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผช.ผบ.ตร. ที่เข้าไปชี้แจงการต่ออายุพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ก็ได้แต่รับปากว่าตำรวจจะพยายามดูแลให้ดีที่สุด  

***พันธมิตรฯ อัดรัฐจำกัดสิทธิชุมนุม

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวถึงกรณีที่ครม. มีมติให้ต่ออายุการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ออกไปอีก 30 วัน ว่า แม้ว่ารัฐบาลมีสิทธิ์ในการออกกฎหมายป้องปราม แต่ไม่มีสิทธิ์ออกกฎหมายที่มาครอบการชุมนุมที่มีอยู่ก่อน อีกทั้งการชุมนุมเป็นการปกป้องอธิปไตยของชาติ ปราศจากอาวุธ และสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ถือเป็นบรรทัดฐานในอนาคตว่าหากรัฐบาลไม่พอใจผู้ชุมนุมกลุ่มไหน ก็ออกพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ โดยใช้จินตนาการตัวเอง หมายความว่าสิทธิในการชุมนุมไม่สามารถทำได้แล้ว ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถือเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างยิ่ง ทำให้กลุ่มรวมพลังปกป้องแผ่นดินจำเป็นต้องต่อสู้คดีนี้ให้สิ้นกระแสความในอนาคต เพื่อวางรากฐานสิทธิการชุมนุมของภาคประชาชน

**ศาลเรียกไต่สวนพ.ร.บ.มั่นคงฯมิชอบ

วันเดียวกันที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย และสมาชิกเครือข่ายประชาชนหัวใจรักชาติ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานสมัชชาประชาชนฯ และนายทศพล แก้วทิมา กรรมการเครือข่ายหัวใจรักชาติ ผู้ถูกออกหมายเรียกลำดับที่ 10 ข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เป็นจำเลยที่ 1-2 ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ประกาศทุกฉบับที่ออกตาม พ.ร.บ.มั่นคงฯเป็นโมฆะ

ทั้งนี้ ศาลได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 593/2554 และได้แจ้งหมายเรียก ถึงนายกรัฐมนตรี และผบ.ตร.โดยจะนัดไต่สวนในวันที่ 24 ก.พ.นี้ เวลา 09.00 น. ต่อมาเจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรม ได้นำหมายเรียกจากศาลแพ่งมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อมอบให้กับนายอภิสิทธิ์ โดยมี พ.ต.อ.สุเมธ เมฆขจร ผู้บังคับการกองรักษาการความปลอดภัยทำเนียบรัฐบาล เป็นผู้รับไว้

         

         
กำลังโหลดความคิดเห็น