xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ลั่นชุมนุมเพื่อชาติ - “อำนวย” ไม่หวั่นถูกฟ้องกลับ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

แกนนำพันธมิตรฯ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ความมั่นคง ตามหมายเรียกของตำรวจแล้ว โดยไม่มีมวลชนหรือกองเชียร์ตามไปกดดันตำรวจแต่อย่างใด ขณะที่ “สนธิ” ยันชุมนุมครั้งนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของการชุมนุม ไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่ทำเพื่อชาติ ชุมนุมแบบอหิงสา ปราศจากอาวุธ ด้าน “อำนวย” ไม่หวั่นถูกฟ้องกลับ


วันนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 08.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยถึงการดูแลความสงบเรียบร้อยในการเข้ามอบตัวของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในเวลา 09.00 น.ว่า วันนี้ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ 1 กองร้อย เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในการเดินทางมามอบตัวของแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ทั้งหมด 10 คน ซึ่งตนมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะได้มีการประสานไปยังแกนนำแล้ว ซึ่งยังได้กำชับให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีมวลชนบางกลุ่มมาแสดงกริยาไม่เหมาะสมบริเวณพื้นที่ บช.น.นั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะกั้นผู้ที่ก่อเหตุออกไปจากพื้นที่ ซึ่งจะให้เฉพาะผู้ที่มีหมายเรียกเข้ามาที่ บช.น.เท่านั้น ส่วนในเรื่องของการสอบสวนมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ดูแลงานด้านกฎหมาย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 และพนักงานสอบสวน ทำหน้าที่ในการสอบสวน ซึ่งหลังจากทำการสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ก็จะปล่อยให้แกนนำพันธมิตรฯ เดินทางกลับ

ต่อมา เวลา 09.00 น. นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ ได้เดินทางมาที่ บช.น.ก่อน พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มพันธมิตรฯ ทั้ง 10 คนได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา แต่จะให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนภายใน 30 วัน ส่วนกรณีที่ได้มีการออก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นั้น ทางกลุ่มเห็นว่าเป็นการออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะพวกตนมาชุมนุมอย่างสงบปราศจากอาวุธ ตามสิทธิเสรีภาพ โดยหลังจากนี้จะมีการพิจารณาฟ้องร้องพนักงานสอบสวนที่ทำสำนวนคดีนี้ รัฐมนตรีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในการออก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ และผู้มีส่วนร่วม ในความผิดมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานละเว้น หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

เวลา 09.30 น. แกนนำพันธมิตรฯ โดย พล.ต.จำลอง และนายรักษ์ หรือสมณะโพธิรักษ์ ได้มาเป็นชุดแรก เพื่อพบพนักงานสอบสวน โดยได้ขึ้นไปยังห้องประชุมกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) ซึ่งมี พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. (ฝ่ายสอบสวน) พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 ฝ่ายสอบสวน โดย บช.น.ได้เตรียมพนักงานสอบสวนแบ่งเป็น 10 ชุด เพื่อทำคดีให้ผู้ถูกออกหมายเรียกทั้ง 10 คน โดยมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ และตรวจสอบประวัติเช่นเดียวกันคดีอื่นทั่วๆไป

เวลา 09.45 น. นายสนธิ และนายปานเทพเดินทางมาถึง บช.น. ก่อนเดินทางขึ้นไปที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อพบกับ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนจะเดินทางขึ้นไปยังห้องประชุม บก.น.1 ซึ่งอยู่ชั้น 3 โดย พล.ต.ท.จักรทิพย์ได้เดินขึ้นไปด้วยกัน ก่อนที่ต่อมานายประพันธ์ นายพิภพ และบุคคลอื่นๆ จะทยอยเข้าพบพนักงานสอบสวนตามขั้นตอน ทั้งนี้ นายทศพลซึ่งถูกออกหมายเรียกนั้นไมได้มาพบพนักงานสอบสวนโดยให้ทนายความมาพบแทน เบื้องต้น พ.ต.อ.วีรวิทย์ได้ออกหมายเรียกซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้มาพบในครั้งต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า การชุมนุมมีการปิดเส้นทางการจราจร ดังนั้นจึงมีการเรียกผู้ที่มารับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมดมาพบ ซึ่งทั้งหมดทราบข้อประกาศนี้ดี และอยากบอกว่าไม่ยอมออกก็แสดงว่ามีเจตนาที่จะฝ่าฝืน ซึ่งวันนี้เป็นการมารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนขั้นตอนคือ มีการแจ้งข้อกล่าวหา พิมพ์มือเป็นคดีอาญาปกติ โดยคดีนี้อยู่ในอำนาจศาลแขวงต้องโทษไม่เกิน 3 ปี ในชั้นต้นก็ให้โอกาสผู้รับทราบข้อกล่าวหาว่าจะให้การหรือไม่ให้การในชั้นสอบสวน ซึ่งถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย หากให้การตอนนี้จะแก้ข้อกล่าวหาหรือรับข้อกล่าวหาก็เป็นสิทธิของเขา ซึ่งมีทนายมาร่วมฟังการสอบสวนด้วย หลังจากนี้ไปเมื่อพนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานเสร็จเรียบร้อยก็จะมีความเห็นทางคดี หากหักล้างข้อกล่าวหาไม่ได้ก็จะมีความเห็นสั่งฟ้อง ส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการฟ้องศาลแขวงต่อไป

“ที่จริงแล้วคดีนี้ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนให้ต้องพิสูจน์อะไรมาก เมื่อมีการประกาศห้ามแล้ว ชัดเจนแล้วว่ามีการห้าม รู้แล้วว่าเขาห้าม ยังอยู่ ไม่ยอมออกหรือเข้าไป ซึ่งเรื่องนี้ก็ชัดเจนด้วยภาพและมีการโต้ออกด้วยว่าให้มาจับได้เลย ไม่ยอมออก ซึ่งตรงนั้นก็ชัดเจนแล้วหลักฐานไม่ต้องมีอะไรมาก” รอง ผบช.น.กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ทนายความของพันธมิตรฯ จะมีการฟ้องกลับพนักงานสอบสวน พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ฟ้องไม่ฟ้องก็เป็นสิทธิ ศาลก็ต้องพิจารณาเหตุผลที่จะฟ้อง ส่วนจะรับฟ้องไม่รับฟ้องก็เป็นสิทธิของเขา ส่วนนี้ไม่หวั่นไหวเพราะตนถูกฟ้องมาแล้วทุกศาล รวมทั้ง ป.ป.ช. ด้วย ยิ่งถูกฟ้องยิ่งแข็งแกร่ง

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า แสดงว่ายืนยันว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ซึ่งวันนี้ขณะนี้พร้อมกัน เสื้อเหลืองรับทราบข้อกล่าวหา ส่วนเมื่อคืนนี้ก็มีการจับเสื้อแดงคือ นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (แซ่ด่าน) ขณะนี้ไปฝากขังศาลอยู่ เพราะฉะนั้นตำรวจก็ทำทุกสีเสื้อหากปฏิบัติผิดกฎหมาย

ส่วนคดีนี้จะมีการส่งสำนวนให้อัยการได้ภายในกี่วัน พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าจะอ้างหลักฐานอะไรหรือไม่ แต่หากจะอ้างพยาน หลักฐานเพื่อประวิงเวลาก็คงไม่ยอม อย่างช้าไม่น่าเกิน 30 วัน ส่วนการที่จะออกหมายจับเพิ่มก็ต้องดูการถอดเทปและคำพูด ด้วย ซึ่งเราคงไม่ซี้ซั้วเข้าไปจับกุม ต้องดูคำพูด คำปราศรัยด้วยว่ากระทบต่อความมั่นคงของประเทศหรือไม่
ส่วนคดีนายสุรชัย ทำไมจึงเพิ่งจับกุม พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ที่เพิ่งมาจับเพราะมีการหลบหนี ส่วนกรณีที่ไปพูดที่วงเวียนใหญ่ ก่อนหน้านี้เป็นการพูดก่อนออกหมายจับ ซึ่งเขาน่าจะรู้ตัว จึงตามไปจับได้ตอนดึก ซึ่งก็น่าจะมีคดีอายัดเพิ่มอีก

ต่อมาเวลา 10.35 น. นายสนธิออกจากห้องพนักงานสอบสวน โดยกล่าวภายหลังรับทราบข้อกล่าวหาว่า ตนเป็นตัวแทนทั้ง 10 คนที่มาพูด เรามามอบตัวตามหมายเรียกของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ในข้อหาทำผิด พ.ร.บ.ความมั่นคงแห่งชาติ ทางเราปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะยื่นคำให้การภายใน 30 วัน ส่วนแนวทางการสู้คดีมั่นใจว่าทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ไม่ได้กระทำผิดเพราะเรามีแนวทางที่ชัดเจน

“เราเชื่อว่า พ.ร.บ.มั่นคงฉบับนี้ออกมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งไม่มีเหตุผลในการออก ซึ่งตนไม่สามารถว่าจะออกหมายเรียกชุดที่ 2 อีกเมื่อใด ผมเชื่อมั่นว่าภายใน 3 วัน ทนายความของพันธมิตรฯ จะดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง” นายสนธิกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีแกนนำเสื้อแดงอาจจะได้รับการประกันในช่วงบ่ายวันนี้ นายสนธิกล่าวว่า ตนไม่ได้สนใจเรื่องของคนอื่น สนแต่เรื่องของเรา ฉะนั้นแล้วเรื่องของคนอื่นเราไม่ขอยุ่งเกี่ยว ส่วนการดำเนินการฟ้องกลับพนักงานสอบสวน นายสนธิกล่าวว่า ต้องดูว่าทนายความจะดำเนินการอย่างไร เพราะ พ.ร.บ.มั่นคงมีช่องโหว่มากและเป็นการออก พ.ร.บ.มั่นคงเพื่อผลทางการเมืองเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่มีเหตุการณ์กระทบความมั่นคง แต่กับออก พ.ร.บ.ความมั่นคง เหตุผลเพราะว่านักการเมืองกลัวความจริงที่ถูกพูดออกมาจากการชุมนุม และรู้ว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมแบบอหิงสา ปราศจากอาวุธ เพราะฉะนั้นแล้วการฟ้องกลับหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าช่องโหว่ทางกฎหมายและเจตนาที่ออกนั้นเป็นอย่างไร แต่ถ้าเป็นเจตนาที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งก็คงต้องดำเนินการทางกฎหมาย

ส่วนการขยายเวลา พ.ร.บ.มั่นคงอีก 15 วัน มีผลกระทบหรือไม่ นายสนธิกล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นการชุมนุมเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย เป็นการชุมนุมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของการชุมนุม เพราะว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดของชาติบ้านเมืองไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวแม้แต่นิดเดียว สำหรับการชุมนุมเพียงต้องการให้รัฐบาลไทยขอคืนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร

ต่อมาเวลา 11.45 น. พล.ต.ต.อำนวยกล่าวต่อไปว่า ที่มีการออกหมายเรียกมา 10 คน ตอนนี้มาพบ 8 คน โดยนายสุริยะใสจะมาพบล่าช้า โดยบอกว่าญาติป่วยแต่จะมาวันนี้ ส่วนนายทศพลไม่มาพบ ก็จะออกหมายเรียกอีกครั้ง หากไม่มาอีกจะออกหมายจับ ซึ่งเบื้องต้นทุกคนให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอเวลา 30 วัน เพื่อทำเป็นลายลักษณ์อักษรส่งพนักงานสอบสวน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นน่าจะทำสำนวนเสร็จสิ้นเพื่อส่งอัยการได้ หากเห็นว่าควรสั่งฟ้องก็จะเรียกตัวมาพบ เพื่อสั่งฟ้องให้อัยการ

ส่วนกรณีที่เมื่อคืนนี้ บก.น.4 จับนายสุรชัย แซ่ด่าน นั้น พล.ต.ต.อำนวยกล่าวเตือนว่าการชุมนุมจะมีก็มีไป แต่อย่าหมิ่นสถาบัน ซึ่งเรื่องนี้ยอมไม่ได้ หากตรวจพบใน 3 วันต้องออกหมายจับ ซึ่งกรณีนายสุรชัยเคยก่อคดีแบบนี้แล้วหลายครั้งก็จะมีการอายัดซ้ำต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสนธิอาจมีการฟ้องกลับพนักงานสอบสวนว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า การจะฟ้องกลับก็ถือว่าเป็นการฟ้องกลับตามข้อกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ออก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ มาใช้ เพราะยังไม่มีกฎหมาย หรือ พ.ร.บ.จัดระเบียบการชุมนุม มีแต่กฎหมายใกล้เคียง เพราะยังเป็นร่างอยู่ ซึ่งเมื่อมีกฎหมายตัวนี้ตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้บังคับใช้กฎหมายก็ต้องปฏิบัติตาม

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ต่อมาเวลา 11.50 น. นายสุริยะใสได้เดินทางมาที่ บช.น.เพื่อพบพนักงานสอบสวน ทำให้ขาดเพียงนายทศพล แก้วทิมา เท่านั้น ตามที่มีการออกหมายเรียกมาพบ 10 คน


นายสนธิ ลิ้มทองกุล เดินทางถึงบช.น. มีพล.ต.ท.จักรทิพย์ และพล.ต.ต.วิชัย ลงมาต้อนรับ
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง - สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เข้าพบพนักงานสอบสวนที่นครบาล

นายประพันธ์ คูณมี
นายพิภพ ธงไชย
กำลังโหลดความคิดเห็น