xs
xsm
sm
md
lg

‘หน้าหล่อ’ ตัวสร้างความเดือดร้อนระดับพ่อต่อประเทศชาติ

เผยแพร่:   โดย: สุทธิพงษ์ ปรัชญพฤทธิ์

ความไม่ก้าวหน้าทางบวก กรณีพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบเขาพระวิหาร ที่พบว่าทางกัมพูชารุกคืบเข้ามายึดครองพื้นที่ทีละเล็กละน้อย จนเต็มพื้นที่ที่ทางกัมพูชาเรียกว่าพื้นที่ปฏิบัติการ ทางไทยก็เน้นแต่การเจรจา แล้วมีการจับคนไทยไปขึ้นศาลกัมพูชา ทำให้ไทยตกเป็นรอง ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาโดยสิ้นเชิง

ฟังจาก นายตายแน่ มุ่งมาจน นักข่าวภาคสนาม FMTV ที่ไปสัมภาษณ์ชาวบ้านบริเวณชายแดนที่มีปัญหา ได้ความว่ากัมพูชาได้เข้ามาครอบครองพื้นที่ของไทยจริง คนไทยไม่สามารถเข้าไปทำกินในที่ดินของตนเองได้ เคยร้องเรียนกับทางการ แต่ไม่ได้รับการเหลียวแล ที่นำเสนอนี้ไม่ใช่เรื่องการกระหายสงคราม แต่แสดงให้เห็นถึงเรื่องความอ่อนด้อยในการบริหารและจัดการปัญหาของประเทศผู้นำไทย ทำให้ปัญหาบานปลายมากขึ้น เสียเปรียบมากขึ้น

ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์เผากรุงเทพฯ กลางเดือนเมษายน 2552 ของกลุ่ม นปช. มีการเผารถเมล์ เผายาง ทั่วกรุงเทพฯ ไม่ว่าบริเวณสามแยกดินแดง ถนนราชดำเนิน เป็นเรื่องน่าสลดหดหู่สำหรับคนไทย จากนั้นมีการประชุมสภาผู้แทนระหว่างวันที่ 22-23 เมษายน ศกเดียวกัน นายกฯ เป็นผู้สรุปการประชุมว่า 1) ให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที 2) ให้ทุกฝ่ายยุติความรุนแรง 3) ให้ทุกฝ่ายหยุดละเมิดสถาบัน 4) ให้ตั้งกรรมการกลางเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงสงกรานต์เลือด 5) ให้ตั้งกรรมการกลางเพื่อเสนอสูตรแก้ไขกติกาการเมือง

ฟังนายกฯ สรุปแล้วมึนงง “ให้” ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยไม่มีการพูดถึงการใช้หลักนิติรัฐที่เคยกล่าวอ้างมาใช้ตามสภาพการที่เป็นจริง ให้ “ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที” และบอก “ให้ชุมนุมได้ ภายใต้กรอบกฎหมาย” กลุ่มนปช.ฟังนายกฯ แถลงแล้ว เกิดความผิดคาดเช่นกัน มีความรู้สึก 2 อย่าง อย่างแรกคือรู้สึกว่าที่กลุ่มตนเผากรุงเทพฯ นั้นไม่ใช่ความผิดร้ายแรงอะไร อย่างที่ 2 คือ นายกฯ ท้าทายให้มาชุมนุมต่อ

วิสัยทัศน์และการปฏิบัติงานของนายกรัฐมนตรี กลับพบว่ามีการชุมนุมใหม่ที่ใหญ่ที่รุนแรง และเลวร้ายมากกว่าเดิม การตั้งกรรมการกลางเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงสงกรานต์เลือด ไปทับซ้อนการทำงานของตำรวจ ตำรวจก็รอการสืบสวนของกรรมการกลาง งานสืบสวนกรรมการกลางไม่ก้าวหน้า ไม่รู้เรื่องข้อเท็จจริงสงกรานต์เลือดว่าเป็นอย่างไร และไม่ได้มีการกล่าวโทษและจับกุมผู้กระทำผิดแต่อย่างใด เรื่องเงียบหายไป ผิดกับการเข้าไปในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่ม พธม.ก่อนหน้านั้น มีการกล่าวโทษว่าเป็นผู้ก่อการร้าย ออกหมายเรียกให้ไปรายงานตัว และมีการจับกุมตัวด้วย

การชุมนุมใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม รุนแรงและเลวร้ายมากกว่าเดิมต้นปี 2553 ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ตายจากการชุมนุมรวมกันมากเป็นประวัติการณ์ ประมาณ 90 คน การชุมนุมส่วนใหญ่ทำกันที่บริเวณศูนย์การค้าราชประสงค์ ซึ่งเป็นศูนย์การค้าที่สำคัญของเมืองหลวง จบลงด้วยการเผาศูนย์การค้าในบริเวณที่ชุมนุม ที่ต่างจังหวัดก็มีการเผาศาลากลางจังหวัด เป็นที่น่าสลดใจ

ปลายปี 2553 พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปพบ แทนการจับตัวนักโทษหนีคดี อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรที่ประเทศนอร์เวย์ กลับมาให้ข่าวว่าไปเจอกันโดยบังเอิญ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์และนายคณิต ณ นคร ขึ้นเบิกความขอปล่อยตัว 7+1 แกนนำก่อการร้ายและพวกรวม โดยอ้างว่า จะทำให้แนวโน้มการปรองดองเป็นไปในทางที่ดีขึ้น

ที่นำเสนอนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่า การบริหารจัดการงานที่สำคัญของรัฐบาลในทุกเรื่องไม่มีสิ่งใดก้าวหน้า พบว่าเกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิม บานปลายมากขึ้นกว่าเดิม ทางด้านเศรษฐกิจ เงินท่วมประเทศ 4 ล้านล้านบาท สเปรดดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ห่างกันกว่า 9 เปอร์เซ็นต์

กรณีพื้นที่รอบเขาพระวิหาร และกรณีศาลกัมพูชาตัดสินจำคุกนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ คือความเดือดร้อนต่อเนื่องที่ผู้นำก่อไว้ นำมาซึ่งการชุมนุมของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติบริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล และกลุ่ม พธม.บริเวณสะพานมัฆวานฯ

เดือนกุมภาพันธ์ 2554 รัฐบาลได้นำพ.ร.บ.ความมั่นคงมาประกาศใช้ โดยอ้างว่ากลุ่มผู้ชุมนุมก่อความเดือดร้อนให้ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนหนึ่งของกรุงเทพฯ แต่หากพิจารณาให้ครบถ้วน ตั้งแต่แรกถึงปัจจุบัน รัฐบาลหรือผู้นำรัฐบาลต่างหาก ที่เป็นผู้สร้างอภิมหาความเดือดร้อนให้คนทั้งชาติ 65 ล้านคน ทั้งในอดีตและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประเทศไทยประสบเคราะห์กรรมในทุกมิติมากกว่าเดิม

indexthai@yahoo.com
http://twitter.com/indexthai
กำลังโหลดความคิดเห็น