ผู้เฒ่าปชป.หวั่นปัญหาน้ำมันปาล์มซ้ำรอย สปก.4-01 โอดถูก “มาร์ค”ส่งขึ้นหิ้ง ไม่ขอคำปรึกษา ห่วง วอลเปเปอร์พาพังทั้งพรรค “พิเชษฐ” แฉ “ส โคราช” ตัวโกยผลประโยชน์ของจริง “สนธิ” ถาม “ชวน” เหตุใดปล่อย “มาร์ค” เด็กสร้าง โกหกรายวัน หากินกับน้ำมันปาล์มบนความเดือดร้อนของประชาชน
นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อเย็นวานนี้ (22 ก.พ.) คณะสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาฯ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายมารุต บุนนาค นายพิชัย รัตกุล นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายวัชรินทร์ เกตะวันดี นายสาวิตต์ โพธิวิหค และตนได้ร่วมรับประทานอาหารค่ำที่บ้านของคุณหญิง กัลยา โสภณพนิช ส.ส.กทม. โดยได้มีการปรึกษาหารือถึงสถานการณ์ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์ม โดยที่ประชุมได้แสดงความเป็นห่วงต่อการแก้ปัญหาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เนื่องจากปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบถึงพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง โดยเฉพาะข้อกล่าวหาว่ามีคนของพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนได้ผลประโยชน์ ที่มีอักษรย่อ “อ” และ “ส”
นายพิเชษฐกล่าวว่า ในฐานะที่ตนมีประสบการณ์เป็นอุปนายกสมาคมปาล์มน้ำมันมากว่า 38 ปี ได้อธิบายถึงความเป็นมาตั้งแรกเริ่มผลผลิตปาล์มจนถึงการทำน้ำมันปาล์ม และสต๊อกน้ำมันปาล์ม ให้ที่ประชุมฟัง ว่า เรื่องนี้ถือเป็นความเข้าใจผิด เพราะ ในพื้นที่ภาคใต้มีแต่ผลปาล์มดิบ ซึ่งไม่สามารถที่จะกักตุนได้ เพราะเพียงแค่ 48 ชั่วโมงก็ต้องส่งให้ถึงโรงงานเพื่อทำการกลั่น ไม่เช่นนั้นจะมีกลิ่นเหม็น แต่โรงงานกลั่นจะอยู่ในกรุงเทพ และปริมณฑล สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ดังนั้น หากจะมีการกักตุนจริงจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีโรงงานผลิตน้ำมันสำเร็จรูป ไม่ใช่ภาคใต้
โดยปกติปาล์มน้ำมันในเดือนที่ออกมาที่สุดกับเดือนที่ออกน้อยที่สุดผลผลิตจะต่างกันมาก ในช่วงที่ออกน้อยมีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการสต๊อกน้ำมันประมาณ 1.5 แสนตันไว้สำรองในช่วงที่ผลผลิตออกน้อย แต่ปีนี้น้ำมันในสต๊อกถูกดึงไปทำไบโอดีเซลล์ ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีน้ำมันปาล์มเป็นส่วนผสมเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีการเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เป็น 3 เปอร์เซ็นต์ และบางส่วนเพิ่มขึ้นถึง 100 เปอร์เซ็นต์ แค่บังเอิญนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ที่เป็นมือใหม่อาจไม่เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ ส่วนที่สั่งซื้อมา 3 หมื่นตันจากมาเลเซียทำไมล่าช้านั้น เป็นเพราะมาเลเซียห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ เพราะจะต้องทำการแยกไขให้เหลือแต่น้ำมันปาล์มโอลีนถึงจะส่งออกได้ เพื่อนำไขไปใช้ในอุตสาหกรรมในประเทศ ตนเข้าใจว่าครั้งแรกไปตกลงซื้อน้ำมันปาล์มดิบ แต่สุดท้ายต้องเปลี่ยนไปซื้อน้ำมันกึ่งบริสุทธิ์ เพื่อมาทำการแยกสี แยกกลิ่นเอง จึงเข้าใจว่าอาจทำให้ล่าช้า
“ ที่ว่านักการเมืองภาคใต้ทุจริต ผมมั่นใจว่าไม่มีแน่นอน เพราะภาคใต้ไม่มีโรงกลั่นน้ำมัน ถ้าจะเก็บน้ำมันดิบไว้ก็มีแต่จะเสี่ยง ใครรู้วงจรน้ำมันทั้งหมดน่าจะตามถูกว่ามันหายไปไหน ผมเชื่อว่าน่าจะหายไปประมาณแสนกว่าตัน ไปอยู่ในการผลิตไบโอดีเซลล์ เพราะที่ผ่านมาน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นราคา ทำให้ต้องการไบโอดีเซลล์สูง ประกอบกับมีการปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น น่าจะมีการสต๊อกไว้ ทั้งหมดน่าจะเป็นเพราะความไม่รู้ ไม่ใช่โกง และไม่เชื่อว่าคุณอัญชลี (วานิช เทพบุตร) จะโกง เพราะเกี่ยวข้องกับโรงสกัด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงกลั่น น้ำมันที่เข้ามาจะไปเก็บไว้ที่ไหนเป็นเรื่องของโรงกลั่น ไม่ใช่เรื่องของโรงสกัด ดังนั้น จะไปใช้คำว่า “อ” ที่หมายถึงคุณอัญชลี คนก็ไม่เข้าใจ “ส” ที่ว่าก็ไม่ใช่คุณสุเทพ (เทือกสุบรรณ) แต่ผมรู้ว่าหมายถึงใคร เป็น “ส” ที่เกี่ยวข้องกับโรงผลิตไบโอดีเซลล์ที่อยู่โคราช เพราะทางโคราชบอกมา และที่บอกว่ากำไรพันกว่าล้านก็เป็นไม่ได้ อย่างมากกำไรแค่ประมาณ 300 ล้านบาท ไม่รู้แล้วไปจินตนาการเอาเอง”
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ใหญ่ในพรรคได้แสดงความเป็นห่วงว่า ปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพรรคเหมือนกรณีของสปก.4-01 หรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าวยอมรับว่า มีหลายคนแสดงความเป็นห่วง และจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร็วว่าที่มาของปัญหาเป็นอย่างไร แต่ยืนยันได้ว่าไม่มีการทุจริตมาจากภาคใต้แน่นอน เพราะปัญหาการขาดแคลนเกิดจากน้ำมันพืช ไม่ใช่น้ำมันดิบจากผลปาล์ม
ทั้งนี้ ในการหารือสภาที่ปรึกษาได้ฝากให้นายสาวิตต์ในฐานะเป็นที่ปรึกษานายกฯ ไปเตือนนายอภิสิทธิ์ว่า ให้ระวังอย่าให้มีปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะปัญหาเรื่องข้าวสาร ต้องระวัง และอย่ามองว่าปัญหาเหล่านี้อยู่ในความรับผิดชอบของพรรคร่วม นายกฯ มีสิทธิที่จะต้องเข้มงวดดูแลในเรื่องเหล่านี้ จะต้องมีการคุยกับพรรคร่วมว่าอย่าให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น หากเกิดเหตุการณ์คนเข้าคิวซื้อข้าวสารหรือซื้อสินค้าอย่างอื่น รัฐบาลตายแน่
“นอกจากนี้ ผู้ใหญ่หลายคนมีการพูดว่าน่าจะให้ผู้ใหญ่บางคนไปเปลี่ยนเป็นวอลเปเปอร์ของนายกฯ บ้าง เช่น เวลานายกฯ ไปไหนคุณสาวิตต์ควรจะยืนเคียงข้าง หรือถ้าบอกผู้ใหญ่ในพรรค เราก็ยินดีไปยืนเคียงข้างท่าน อย่างภาคภูมิใจ แต่เราไม่ใช่เด็กที่ต้องคอยสืบว่าวันนี้นายกฯ ไปไหน ต้องไปคอยดักหน้าดักหลัง อย่างนั้นมันไม่ใช่”
“สนธิ”จี้“ชวน”จัดการ “มาร์ค”
หยุดขายแผ่นดิน-โกงอำมหิต
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า อยากฝากบอกไปถึงนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายสัมพันธ์ ทองสมัคร คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตนรู้จักและรักใคร่สนิทสนม แต่เพราะความสนิทสนมจึงต้องพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่คนเหล่านี้เป็นเสาหลักอยู่ว่าวันนี้พรรคนี้ใกล้จะฉิบหายแล้ว ต้องขอโทษที่พูดจาแบบตรงไปตรงมา
นายสนธิกล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้งปี 2544 พรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายชวนเป็นหัวหน้าแพ้การเลือกตั้งต่อพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะนายชวนหลงเชื่อนักเรียนนอกอย่างนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ซึ่งก็เป็นเพราะนายชวนไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ จึงปล่อยให้กลุ่มนายธารินทร์ปู้ยี่ปู้ยำเอาสมบัติชาติไปขายให้ฝรั่งในราคา 5-10% แล้วฝรั่งก็เอามาขายคืนคนไทยในราคา 100%
นายสนธิกล่าวต่อว่า นายชวนน่าจะรู้ว่าใครหากินกับน้ำมันปาล์ม เพราะสามีของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำน้ำมันปาล์ม มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ตุนน้ำมันปาล์มเอาไว้ เพราะรู้ว่าจะขาดแคลนมาตั้งแต่เดือนกรกฎาฯ สมัยทักษิณมีการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เป็นคอร์รัปชันอย่างมีวัฒนธรรมเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจตัวเอง แต่วันนี้ลูกน้องพี่ชวนคอร์รัปชันแบบเถื่อนๆ ทำมาหากินบนความลำบากของพ่อค้า แม่ค้า ประชาชนที่ใช้น้ำมันปาล์ม นี่มันอำมหิต พี่ชวนอย่าปฏิเสธ เพราะเขารู้จักกันหมด คนที่มานั่งชุมนุมที่นี่ยังรู้ แล้วทำไมพี่จะไม่รู้ โรงงานที่กักตุนน้ำมันปาล์มเป็นของใคร นายทุนพรรคพี่ก็เป็นนายทุนน้ำมันปาล์ม คนที่ลงทุนทำปาล์มมากที่สุดก็คือ 5 เสือสุราษฎร์ฯ แล้วพื้นที่สุราษฎร์ฯ เป็นพื้นที่ของใคร
นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า เมื่อเย็นวานนี้ (22 ก.พ.) คณะสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาฯ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายมารุต บุนนาค นายพิชัย รัตกุล นายสุทัศน์ เงินหมื่น นายวัชรินทร์ เกตะวันดี นายสาวิตต์ โพธิวิหค และตนได้ร่วมรับประทานอาหารค่ำที่บ้านของคุณหญิง กัลยา โสภณพนิช ส.ส.กทม. โดยได้มีการปรึกษาหารือถึงสถานการณ์ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนน้ำมันปาล์ม โดยที่ประชุมได้แสดงความเป็นห่วงต่อการแก้ปัญหาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เนื่องจากปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบถึงพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง โดยเฉพาะข้อกล่าวหาว่ามีคนของพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนได้ผลประโยชน์ ที่มีอักษรย่อ “อ” และ “ส”
นายพิเชษฐกล่าวว่า ในฐานะที่ตนมีประสบการณ์เป็นอุปนายกสมาคมปาล์มน้ำมันมากว่า 38 ปี ได้อธิบายถึงความเป็นมาตั้งแรกเริ่มผลผลิตปาล์มจนถึงการทำน้ำมันปาล์ม และสต๊อกน้ำมันปาล์ม ให้ที่ประชุมฟัง ว่า เรื่องนี้ถือเป็นความเข้าใจผิด เพราะ ในพื้นที่ภาคใต้มีแต่ผลปาล์มดิบ ซึ่งไม่สามารถที่จะกักตุนได้ เพราะเพียงแค่ 48 ชั่วโมงก็ต้องส่งให้ถึงโรงงานเพื่อทำการกลั่น ไม่เช่นนั้นจะมีกลิ่นเหม็น แต่โรงงานกลั่นจะอยู่ในกรุงเทพ และปริมณฑล สมุทรสาคร สมุทรสงคราม สมุทรปราการ ดังนั้น หากจะมีการกักตุนจริงจะต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีโรงงานผลิตน้ำมันสำเร็จรูป ไม่ใช่ภาคใต้
โดยปกติปาล์มน้ำมันในเดือนที่ออกมาที่สุดกับเดือนที่ออกน้อยที่สุดผลผลิตจะต่างกันมาก ในช่วงที่ออกน้อยมีประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการสต๊อกน้ำมันประมาณ 1.5 แสนตันไว้สำรองในช่วงที่ผลผลิตออกน้อย แต่ปีนี้น้ำมันในสต๊อกถูกดึงไปทำไบโอดีเซลล์ ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีน้ำมันปาล์มเป็นส่วนผสมเพียง 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีการเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ เป็น 3 เปอร์เซ็นต์ และบางส่วนเพิ่มขึ้นถึง 100 เปอร์เซ็นต์ แค่บังเอิญนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ที่เป็นมือใหม่อาจไม่เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ ส่วนที่สั่งซื้อมา 3 หมื่นตันจากมาเลเซียทำไมล่าช้านั้น เป็นเพราะมาเลเซียห้ามส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ เพราะจะต้องทำการแยกไขให้เหลือแต่น้ำมันปาล์มโอลีนถึงจะส่งออกได้ เพื่อนำไขไปใช้ในอุตสาหกรรมในประเทศ ตนเข้าใจว่าครั้งแรกไปตกลงซื้อน้ำมันปาล์มดิบ แต่สุดท้ายต้องเปลี่ยนไปซื้อน้ำมันกึ่งบริสุทธิ์ เพื่อมาทำการแยกสี แยกกลิ่นเอง จึงเข้าใจว่าอาจทำให้ล่าช้า
“ ที่ว่านักการเมืองภาคใต้ทุจริต ผมมั่นใจว่าไม่มีแน่นอน เพราะภาคใต้ไม่มีโรงกลั่นน้ำมัน ถ้าจะเก็บน้ำมันดิบไว้ก็มีแต่จะเสี่ยง ใครรู้วงจรน้ำมันทั้งหมดน่าจะตามถูกว่ามันหายไปไหน ผมเชื่อว่าน่าจะหายไปประมาณแสนกว่าตัน ไปอยู่ในการผลิตไบโอดีเซลล์ เพราะที่ผ่านมาน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นราคา ทำให้ต้องการไบโอดีเซลล์สูง ประกอบกับมีการปรับสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น น่าจะมีการสต๊อกไว้ ทั้งหมดน่าจะเป็นเพราะความไม่รู้ ไม่ใช่โกง และไม่เชื่อว่าคุณอัญชลี (วานิช เทพบุตร) จะโกง เพราะเกี่ยวข้องกับโรงสกัด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงกลั่น น้ำมันที่เข้ามาจะไปเก็บไว้ที่ไหนเป็นเรื่องของโรงกลั่น ไม่ใช่เรื่องของโรงสกัด ดังนั้น จะไปใช้คำว่า “อ” ที่หมายถึงคุณอัญชลี คนก็ไม่เข้าใจ “ส” ที่ว่าก็ไม่ใช่คุณสุเทพ (เทือกสุบรรณ) แต่ผมรู้ว่าหมายถึงใคร เป็น “ส” ที่เกี่ยวข้องกับโรงผลิตไบโอดีเซลล์ที่อยู่โคราช เพราะทางโคราชบอกมา และที่บอกว่ากำไรพันกว่าล้านก็เป็นไม่ได้ อย่างมากกำไรแค่ประมาณ 300 ล้านบาท ไม่รู้แล้วไปจินตนาการเอาเอง”
ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ใหญ่ในพรรคได้แสดงความเป็นห่วงว่า ปัญหาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพรรคเหมือนกรณีของสปก.4-01 หรือไม่ นายพิเชษฐ กล่าวยอมรับว่า มีหลายคนแสดงความเป็นห่วง และจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร็วว่าที่มาของปัญหาเป็นอย่างไร แต่ยืนยันได้ว่าไม่มีการทุจริตมาจากภาคใต้แน่นอน เพราะปัญหาการขาดแคลนเกิดจากน้ำมันพืช ไม่ใช่น้ำมันดิบจากผลปาล์ม
ทั้งนี้ ในการหารือสภาที่ปรึกษาได้ฝากให้นายสาวิตต์ในฐานะเป็นที่ปรึกษานายกฯ ไปเตือนนายอภิสิทธิ์ว่า ให้ระวังอย่าให้มีปัญหาสินค้าอุปโภคบริโภคในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะปัญหาเรื่องข้าวสาร ต้องระวัง และอย่ามองว่าปัญหาเหล่านี้อยู่ในความรับผิดชอบของพรรคร่วม นายกฯ มีสิทธิที่จะต้องเข้มงวดดูแลในเรื่องเหล่านี้ จะต้องมีการคุยกับพรรคร่วมว่าอย่าให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้น หากเกิดเหตุการณ์คนเข้าคิวซื้อข้าวสารหรือซื้อสินค้าอย่างอื่น รัฐบาลตายแน่
“นอกจากนี้ ผู้ใหญ่หลายคนมีการพูดว่าน่าจะให้ผู้ใหญ่บางคนไปเปลี่ยนเป็นวอลเปเปอร์ของนายกฯ บ้าง เช่น เวลานายกฯ ไปไหนคุณสาวิตต์ควรจะยืนเคียงข้าง หรือถ้าบอกผู้ใหญ่ในพรรค เราก็ยินดีไปยืนเคียงข้างท่าน อย่างภาคภูมิใจ แต่เราไม่ใช่เด็กที่ต้องคอยสืบว่าวันนี้นายกฯ ไปไหน ต้องไปคอยดักหน้าดักหลัง อย่างนั้นมันไม่ใช่”
“สนธิ”จี้“ชวน”จัดการ “มาร์ค”
หยุดขายแผ่นดิน-โกงอำมหิต
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า อยากฝากบอกไปถึงนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายสัมพันธ์ ทองสมัคร คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตนรู้จักและรักใคร่สนิทสนม แต่เพราะความสนิทสนมจึงต้องพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ที่คนเหล่านี้เป็นเสาหลักอยู่ว่าวันนี้พรรคนี้ใกล้จะฉิบหายแล้ว ต้องขอโทษที่พูดจาแบบตรงไปตรงมา
นายสนธิกล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้งปี 2544 พรรคประชาธิปัตย์ที่มีนายชวนเป็นหัวหน้าแพ้การเลือกตั้งต่อพรรคไทยรักไทยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะนายชวนหลงเชื่อนักเรียนนอกอย่างนายธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ซึ่งก็เป็นเพราะนายชวนไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ จึงปล่อยให้กลุ่มนายธารินทร์ปู้ยี่ปู้ยำเอาสมบัติชาติไปขายให้ฝรั่งในราคา 5-10% แล้วฝรั่งก็เอามาขายคืนคนไทยในราคา 100%
นายสนธิกล่าวต่อว่า นายชวนน่าจะรู้ว่าใครหากินกับน้ำมันปาล์ม เพราะสามีของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำน้ำมันปาล์ม มีคนของพรรคประชาธิปัตย์ตุนน้ำมันปาล์มเอาไว้ เพราะรู้ว่าจะขาดแคลนมาตั้งแต่เดือนกรกฎาฯ สมัยทักษิณมีการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย เป็นคอร์รัปชันอย่างมีวัฒนธรรมเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจตัวเอง แต่วันนี้ลูกน้องพี่ชวนคอร์รัปชันแบบเถื่อนๆ ทำมาหากินบนความลำบากของพ่อค้า แม่ค้า ประชาชนที่ใช้น้ำมันปาล์ม นี่มันอำมหิต พี่ชวนอย่าปฏิเสธ เพราะเขารู้จักกันหมด คนที่มานั่งชุมนุมที่นี่ยังรู้ แล้วทำไมพี่จะไม่รู้ โรงงานที่กักตุนน้ำมันปาล์มเป็นของใคร นายทุนพรรคพี่ก็เป็นนายทุนน้ำมันปาล์ม คนที่ลงทุนทำปาล์มมากที่สุดก็คือ 5 เสือสุราษฎร์ฯ แล้วพื้นที่สุราษฎร์ฯ เป็นพื้นที่ของใคร
