xs
xsm
sm
md
lg

ปัญหาอาหรับ ฉุดหุ้นผันผวน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- เลขาธิการก.ล.ต. ชี้ เม็ดเงินลงทุนต่างประเทศปีนี้ผันผวน จากปัญหาหนี้ในยุโรป -การเมืองในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวแรง แนะโบรกเกอร์บริหารความเสี่ยงพอรต์ลงทุน-ลูกค้าให้ใกล้ชิด “กอปศักดิ์”มองแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าคาดการณ์ ล่าสุดหุ้นไทยรูด 8 จุดจากปัญหาในลิเบีย วันนี้มีโอกาสอยู่แดนลบต่อ
 

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต. ) กล่าวในงานสัมมนา “ความท้าทายในการบริหารความเสี่ยงปี 2554” ว่า วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาขนาดใหญ่และมีผลกระทบไปทั่วโลกที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน จึงทำให้ ผู้มีหน้าที่บริหารความเสี่ยงจะต้องติดตามประเด็นความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะปัจจัยด้านเศรษฐกิจในต่างประเทศในเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้ของกลุ่มประเทศยุโรป และสถานการณ์ทางการเมืองของกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งจะมีผลทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

ดังนั้นปัจจัยดังกล่าวนั้นจะมีผลทำให้ตลาดเงินตลาดทุนในเรื่องเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศจะมีการไหลเข้า และไหลออกแรงเป็นช่วงๆ ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีความผันผวนสูง และจากการได้คุยกับนักลงทุนและนักวิคราะห์ต่างประเทศ ต่างเห็นตรงกันว่าเงินทุนจะไหลมาลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา แต่เมื่อความเสี่ยงทั้งสองเกิดขึ้นเป็นระยะ ๆ ทำให้บางช่วงอาจมีเม็ดเงินไหลออกมากว่าไหลเข้า

ดังนั้นบริษัทหลักทรัพย์จะต้องมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนสูง โดยจะต้องมีระบบบริหารความเสี่ยงให้กับลูกค้าและพอร์ตการลงทุนของตนเองให้มากขึ้น และจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในการรองรับเม็ดเงินลงทุนที่จะมีการไหลเข้าออกในเรื่องระบบในการสั่งซื้อขาย การดูแลในเรื่องการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน)ที่ดี

“ปัจจัยข้างต้นจะส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่มีผลในระยะยาวนั่นคือการปรับตัวทางเศรษฐกิจของประเทศจีน ซึ่งในอนาคตภาคแรงงานน่าจะมีอำนาจต่อรองค่าจ้างมากขึ้น อาจจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และอัตรากำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมลดต่ำลง”นายธีระชัยกล่าว

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สำนักกิจการธนาคารต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL กล่าวในหัวข้อ “Thailand Economic Outlook2011 :Key Economic risks” ว่า จากบทเรียนที่ผ่านมาพบว่า ภายหลังที่การไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติเข้ามาสะสมจะสร้างความเปราะบางทางการการเงิน หากประเทศใดไม่สามารถดูแลได้ อาจสร้างวิกฤตได้เหมือนกับที่เกิดกับกรณีของเม็กซิโก ยุโรป ละตินอมริกาได้

สำหรับประเทศไทยเองเคยมีประสบการณ์วิกฤตทางการเงินมาแล้วนั้น ธนาคารพาณิชย์จึงมีการระมัดระวังการให้สินเชื่อ ดังนั้นเชื่อว่าไทยคงไม่มีปัญหาในการรับมือกับภาวะการณ์ดังกล่าว ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็มีมาตรการดูแลอย่างดีจึงไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามธนาคารกลางของประเทศเพื่อนบ้านว่าจะสามารถดูแลและจัดการได้ดีหรือไม่ หากไม่ดีอาจจะมีผลกระทบลามมาถึงประเทศไทยได้

ส่วนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ภายใต้สมมุติฐานว่าการเมืองไม่มีเหตุการณ์รุนแรง เชื่อว่าจะขยายตัวสูงกว่าที่ทางการคาดการณ์ว่าจะโต 3.5% เนื่องจากรับอานิสงส์เงินทุนไหลเข้ามาลงทุนทางตรงและทางอ้อมในเอเชีย แต่จะมีปัญหาเงินเฟ้อตามมา ซึ่งทำให้ธปท.จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ จะขึ้น 0.5-0.75% โดยในครึ่งแรกนี้คาดว่าน่าจะขึ้นอย่างต่ำ 1% เพราะธปท.ต้องการให้ดอกเบี้ยกลับไปสู่ภาวะปกติ

**หุ้นไทยปิดลบ8.46จุดจากปัญหาในลิเบีย
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ดัชนีปิดที่ระดับ 987.21 จุด ลดลง 8.46 จุด หรือ -0.85% มูลค่าการซื้อขาย 28,304.06 ล้านบาท นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ กล่าวว่า ภาวะตลาดในวานนี้ค่อนข้างอ่อนตัวและแกว่งผันผวนในแดนลบตลอดทั้งวัน จากปัญหาความรุนแรงในประเทศลิเบียกดดัน และส่งผลต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาก และมีแรงขายในกลุ่มแบงก์ผสมโรงด้วย แต่ถือว่าปรับตัวลดลงน้อยเมื่อเทียบกับตลาดในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ปรับลดลง 1.5-2% เนื่องจาก ได้รับปัจจัยหนุนจากข่าวการเลือกตั้งที่คาดว่าจะชัดเจนในช่วงกลางปีนี้ รวมทั้งเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค โดยแนวโน้มการลงทุนในวันนี้(23 ก.พ.) ดัชนีคงจะแกว่งตัวผันผวนในแดนลบ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่ประเทศลิเบีย พร้อมให้แนวรับไว้ในช่วง 983-980 จุด ส่วนแนวต้าน 990 จุด และ 1,000 จุด โดยมองหากดัชนีหลุดแนวรับดังกล่าวมีโอกาสที่จะเห็นดัชนีขาลงและไปที่ 970-955 จุด
กำลังโหลดความคิดเห็น