xs
xsm
sm
md
lg

ไทย-กัมพูชา (ภาค 2)

เผยแพร่:   โดย: แสงแดด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ทั้ง “รายงาน-วิเคราะห์” ถึง “สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา” ว่า น่าจะมีประเด็นลึกลับซ่อนเงื่อนอะไรบ้าง โดยเฉพาะ “เกมการเมือง” ที่ทางรัฐบาลกัมพูชาได้อาจวางแผนไว้เบื้องต้น เนื่องด้วยสภาวะการเมืองของประเทศกัมพูชาน่าจะเปลี่ยนไปบ้าง ซึ่งคิดว่าน่าจะจบกันได้บ้างไม่มากก็น้อย

แต่ประเด็นปัญหาที่ทำให้ต้องนำมา “รายงาน-วิเคราะห์” ต่อเป็น “ภาค 2” ก็เพราะว่า “การเจรจา” ระหว่าง “ผู้บัญชาการภาค 2” และ “ผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชา” ที่ดำเนินการกันอยู่ แต่ถามว่า “ทำไมถึงมีการยิงปะทะกันอยู่” ทั้งๆ ที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บล้มตาย และระเบิดกระสุนก็มิได้ตกในเขตแดนไทย

แต่ที่สำคัญ คือ การนำกรณีนี้สู่ “การประชุมคณะมนตรีความมั่นคง (UNSC)” เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว จนเกิดมติที่ประชุม UNSC ว่า “ต้องยุติการยิงกันแบบถาวร” และ “จัดการประชุมทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา” โดยใช้เวทีอาเซียนที่ประชุมกันอยู่ที่อินโดนีเซียเป็น “กรรมการ” คอยประสานงานเพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างใดอย่างหนึ่ง

จนรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮอร์นัมฮง ไม่มีการแถลงข่าวแต่ประการใด และออกจากที่ประชุมทันที พร้อมเดินทางกลับกัมพูชาโดยไม่มีการสนทนาพูดคุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศไทย เรียกว่า “แสดงความไม่พอใจ” ถึงการตัดสินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลกัมพูชาแสดงท่าทีไม่สนใจคำตัดสินของ UNSC ด้วยการเดินเรื่องต่อด้วยการยื่นฟ้อง “ศาลโลก” ในกรณีของการตัดสินปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2505 ชนิดที่เรียกว่า “ถูลู่ถูกัง!” จะไม่ยอมฟังใครใดๆ ทั้งสิ้น

จริงๆ แล้ว “แสงแดด” ตั้งใจว่าจะจบกรณีกัมพูชา-ไทย เมื่อคราวก่อน แต่พอมามีกรณีพิพาทเพิ่มเติมและรัฐบาลกัมพูชาแสดงท่าทีออกจะกร้าวมากไป เลยต้องขอต่อภาค 2 ในครั้งนี้

ปัญหาปราสาทพระวิหารน่าจะจบลงแล้ว เนื่องด้วยคณะกรรมการมรดกโลกได้วินิจฉัยเรียบร้อยแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่ “พื้นที่กรณีที่ดินพิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตร” ไม่น่าจะยุติได้โดยง่าย และขอฟันธงเลยว่า “ปัญหาที่ดินพิพาท” นี้ น่าจะยืดเยื้อไปอีกนานแสนนาน!

และก็ขอฟันธงเพิ่มเติมว่า น่าจะส่งผลให้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะต้องมีการสู้รบปะทะกันต่อไปอีกนานเท่านาน เพราะกัมพูชาจะแสดงความจำนงชัดเจนว่า จะขอเข้ามาทำหน้าที่ “ผู้บริหาร” บริเวณที่ดินรอบปราสาทพระวิหารเช่นเดียวกัน

ถามว่า “การสู้รบ-ปะทะ” กันนั้นจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ คงไม่ต้องลังเลในการตอบได้เลยว่า “เกิดขึ้นอย่างแน่นอน” แต่อาจมีการพักรบเป็นระยะจับไม้จับมือกัน แต่แล้วก็คงปะทะสู้รบกันบ้างเป็นระยะๆ

ถึงแม้ว่า การประชุมกันระหว่างบรรดาสมาชิกชาติอาเซียนที่เกิดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซียขณะนี้ น่าจะเป็น “การเจรจาทวิภาคีแบบไม่เป็นทางการ” ในการเจรจาร่วมกันของไทย-กัมพูชา โดยมีรัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซียนั่งร่วมเจรจาด้วย แต่ไม่น่าจะคืบหน้าเท่าใดนัก เมื่อใดก็ตามที่ “เขตหมุดชายแดน” ของไทย-กัมพูชา ยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่า อยู่ตรงไหนอย่างไร

หรือจะกล่าวอย่างภาษาชาวบ้านก็หมายความว่า “ต่างฝ่ายต่างคงจะไม่ยอมกัน!” และอาจเลยเถิดถึงขั้นถกเถียงกันก็ว่าได้ โดยในที่สุดแล้วอาจเป็นไปไม่ได้ที่ต้องมีการปักหมุดเขตแดนกันใหม่ หรือไม่ก็ล้อมรั้วกันไปเลย!

จริงๆ แล้ว ความจริงที่ต้องยอมรับว่า “กัมพูชาออกแนวเกเร” มากกว่าฝั่งไทยเรา ที่ออกแนวสุภาพบุรุษชนิด “หยวน!” จนชาวกัมพูชาปักหลักปักฐานเอาดินแดนเราไปเป็นที่ดินพิพาท ด้วยรัฐบาลกัมพูชาน่าเชื่อว่า “สนับสนุน” ด้วยซ้ำไป!

ทั้งนี้ รัฐบาลนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ น่าจะเป็นรัฐบาลเดียวที่สมเด็จฮุนเซน “ตั้งแง่-ตั้งป้อม” ชนิดที่เรียกว่า “ชักธงรบ!” ได้ตลอด แต่ถ้ารัฐบาลฝ่ายไทยมิใช่มีนายกฯ อภิสิทธิ์ แล้ว น่าเชื่อว่า สถานการณ์จะดีขึ้นมากกว่านี้ เพียงแต่ว่า ฝ่ายไทยนั้นต้องอดทน อดกลั้นกับ “ขบวนการเกเร” ที่ต้องขอออกตัวด้วยว่า น่าจะ “ลับ ลวง พราง” เช่นเดียวกัน ของแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านความมั่นคงที่เป็นปัญหาคาราคาซังมาช้านาน!

คำถามสำคัญที่แทบทุกฝ่าย ยังคงถามกันอยู่ด้วยไม่มีคำตอบว่า “คุณพนิช และคณะเข้าไปในดินแดนพิพาททำไม” นั่น หนึ่งล่ะ สอง โทรศัพท์ที่คุณพนิชสนทนาอยู่นั้น สนทนากับนายกฯ อภิสิทธิ์ใช่หรือไม่ และสาม สนทนากันเรื่องอะไร ช่วงเดินผ่านเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา

แถมมาสอดคล้องกับ “กระบวนการคนไทยหัวใจรักชาติ” ของ 2-3 กลุ่มที่ร่วมปักหลักชุมนุมกันอยู่ จากข้อเสนอ 3 ข้อ หยิบยกมาเป็น “รัฐบาลอภิสิทธิ์ลาออก!” เข้าไปอีก ซึ่งวันนี้ ก็ยังดูไม่มีท่าทีแข็งขันแต่ประการใด

เพียงแต่ประเด็นสำคัญที่ต้องขอกล่าวถึงว่า “กัมพูชาเกเร” นั้น น่าเชื่อว่าต้องมีเหตุผล และปล่อยให้ยืดเยื้ออย่างนี้ต่อไป ส่วนการค้าขายทั้ง “เถื่อน-ไม่เถื่อน” นั้น น่าจะหยุดชั่วคราว แล้วอาจสานต่อกันได้ใหม่ภายในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์นี้

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องตอบว่า “การยิงปืน” สู้รบกันนั้นเพียงแต่บริเวณอำเภอกันทรลักษ์เท่านั้น แต่ชายแดนด้านอื่นเท่าที่ติดตามอยู่นั้น ยังคงคึกคักเดินข้ามฝั่งกันอย่างปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
กำลังโหลดความคิดเห็น