สวัสดีครับ ผมมาเริ่มงานเขียนอีกครั้งในหนังสือพิมพ์ฉบับที่ท่านอ่านนี่แหละครับ
หยุดงานเขียนเดือนครึ่ง เหงามือพอสมควร เป็นการทิ้งช่วงนานที่สุด หลังจากทำงานสื่อสิ่งพิมพ์นานกว่า 30 ปี จินตนาการกระเจิดกระเจิง เกือบรวมตัวไม่ติด
ต้องหาทางออกด้วยการวุ่นอยู่กับ Facebook ป้อนความคิดเห็นทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ในช่วงการรณรงค์ทางการเมือง การชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลเอาแผ่นดินคืนจากเขมร แต่ก็เห็นแล้วว่ารัฐบาลเลือกที่จะทะเลาะกับประชาชนมากกว่าแก้ปัญหา
นักการเมืองกุมอำนาจรัฐต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อรักษาเก้าอี้ซึ่งเป็นช่องทางเสาะแสวงหาผลประโยชน์ในยุคของการจัดสรรกระทรวงแบ่งกันกิน
ต่างจากยุคทักษิณ ซึ่งกินกันภายใต้นโยบายคอร์รัปชันแบบมีเชิง เหลี่ยมจัด!
การชุมนุมของประชาชนคนเสื้อเหลืองนานกว่า 2 สัปดาห์ แม้ดูเผินๆ ว่ายังทำอะไรรัฐบาลไม่ได้เต็มที่ ได้สร้างความหวาดผวา ความสั่นคลอนของเก้าอี้ กลุ่มนักการเมือง เหลิงอำนาจ เห็นประชาชนเป็นศัตรู พยายามหาทางแก้เกมเต็มที่
วันนี้แหละ รัฐบาลให้แกนนำไปรายงานตัว หลังจากแจ้งข้อหาละเมิด พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ แต่รัฐบาลไม่ระบุให้ชัดเจนว่าความมั่นคงที่ว่านั้น เป็นของใคร
ประชาชนรู้เพียงแต่ว่าบ้านเมืองเสี่ยงต่อปัญหาความมั่นคง เพราะนักการเมืองโกงกินอย่างสะบั้นหั่นแหลก เป็นแกรนด์ดินเนอร์ ออล์ยูแคนอีท! หรือเปิบให้เต็มที่
นักการเมืองหวาดผวาเมื่อชาวบ้านรู้ทัน เอากฎหมายความมั่นคงของรัฐมาใช้เพื่อปกป้องความชั่วร้ายโดยพฤติกรรมของตัวเอง รักษาเก้าอี้หวังสร้างความวิบัติต่อไป
รัฐบาลจำเป็นต้องหยุดการชุมนุมให้ได้ จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ด้วยความรุนแรงขนาดไหน คงจะได้เห็นกัน แต่จะยอมให้ชุมนุมยืดเยื้อต่อไปไม่ได้ ถือว่าเป็นความเสี่ยง
การที่มีคนขึ้นพูดบนเวที เอาความชั่วร้ายของนักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้า ซึ่งเป็น “อักษะแห่งความชั่วร้าย” มาเปิดโปงทุกวันคืน โดยที่นักกังฉินแก้ตัว แก้ต่าง อธิบายไม่ได้ ย่อมเป็นความเสียหาย เมื่อหน้ากากถูกเปิดออกมาให้ชาวบ้านได้เห็น
จากยุคหน้าเหลี่ยมเป็นหน้าหล่อคอนกรีต ทุกวันนี้ ผลไม่ต่างกัน เพียงมีความแปลกในลีลา และความด้านหนาในการหักดิบ และตีหน้าซื่อโกหกด้วยเสียงทุ้มนุ่มเนียน
รัฐบาลจึงว้าวุ่นใจ เพราะกลุ่มคนเสื้อเหลืองมีฐานทุนสังคมและความหน้าเชื่อถือมากกว่ากลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่นๆ มีกระบวนการจัดการชัดเจน ปราศจากการใช้ความรุนแรง หลายครั้งตกเป็นเหยื่อของการกระทำแบบโหดร้ายโดยกลุ่มอื่นๆ ด้วยซ้ำ
วันที่ 13 ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งรายงานข่าวบอกว่ามีมากกว่า 3 หมื่นคน! แตกต่างจากการชุมนุมครั้งก่อน ซึ่งรัฐบาลผวา ต้องเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ กระพือข่าว ตั้งรับเต็มที่
แต่การชุมนุมของคนเสื้อแดงวันที่ 14 ผ่านไปเกือบไร้ความหมาย เป็นข่าวเพียงเล็กน้อย เกี่ยวเนื่องกับคนหนีคุกชาวมอนเตเนโกรโทรศัพท์เข้ามาเล่าเรื่องของตัวเองโดยไม่มีใครถาม เป็นการเสนอตัว เสนอหน้ามาด้วยตัวเอง โดยไม่ได้เป็นคนไทยแล้ว!
ยังมีทนายฝรั่งยิวหิวเงินหน้าเดิมโฟนอินเข้ามาสร้างผลงาน หวังปอกลอกเงินจากเศรษฐีไร้แผ่นดิน โดยไม่บอกชาวบ้านว่าที่ผ่านมา ถ้าลูกความไม่ติดคุก ตัวเองก็ล้มเหลว ครั้งหนึ่งโดนขังในคุกรัสเซียเหมือนลูกความ หลุดมาได้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ทนายยิวหิวเงินชื่อ อัมสเตอร์ดัม นั้นเห็นคนหนีคุกจากไทยเป็นเหยื่ออันโอชะ เหมือนเป็นบ่อเงินบ่อทองกอบโกยไม่มีวันหมด ตราบใดที่เศรษฐีไร้แผ่นดินยังไม่ได้กลับบ้านเกิด! การโฟนอินเข้ามา ใส่เสื้อยืดสีแดงให้ดูเนียน ยิ่งฟ้องให้เห็นธาตุแท้ยิวกะล่อน
การโฟนอินยกกำลัง 2 โดยคนไทยหนีคุก ชักศึกเข้าบ้านด้วยการจ้างวานทนายยิวหิวเงินไม่ได้เป็นข่าวฮือฮา เท่ากับเป็นความล้มเหลวของคู่หูเหลี่ยม-ทนายยิว
ผลสุดท้าย ใครจะมีเหลี่ยม เค็มแบบยิวๆ ชิลๆ กว่ากัน อีกไม่นานก็รู้!
แม้จะพูดเหน็บรัฐบาล คนหนีคุกและทนายยิวก็ไม่ได้สร้างความหวังว่าจะมีอะไรคืบหน้ามากกว่าการจัดชุมนุมเป็นระยะๆ นายกฯ มาร์คแทบไม่ต้องตอบคำถามเรื่องนี้
ตรงกันข้าม การชุมนุมต่อเนื่องที่สะพานมัฆวานฯ แต่ละวันคนไม่มาก แต่การใช้ข้อมูลเจาะฐานความน่าเชื่อถือ และความหล่อของนายกฯ มาร์ค ได้ผลเกินคาด!
ยิ่งนำเทปเก่ามาเปิดซ้ำซาก ย้อนรอย ตอกย้ำให้เห็นความคร่อกและปลิ้นในสำบัดสำนวนตามประสานักตีกิน เท่ากับเป็นการเปิดบาดแผลใหม่ต่อเนื่อง และขยายแผลเก่าให้เลือดไหลออกมากกว่าเดิม ถ้าเป็นอย่างนี้ อีกไม่นานเลือดคงไหลหมดตัวแน่
ดังนั้น รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงของกิจการน้ำมันปาล์มต้องถูกบีบให้แสดงฝีมือโดยสถานการณ์บังคับ เพื่อความอยู่รอดของคณะ และตัวเองในสภาพ “แม่นม”
เมื่อการใช้วิชามารต่างๆ ไร้ผล ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย! แต่ดูแล้วเป็นการสร้างความขบขนแกมความน่าสมเพช เร่งความเสื่อมให้หัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเป็นต้นทุนเดียวที่ยังเหลืออยู่ให้คนอื่นแอบข้างหลังทำมาหากินในโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง
นักการเมืองที่จนแต้ม จนตรอก หาทางออกโดยวิธิปกติไม่ได้ มักเริ่มฉายแววทรราชด้วยการออกประกาศกฎต่างๆ เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ยิ่งเห็นผู้นำตูนิเซีย อียิปต์ ต้องพ่ายต่อพลังประชาชน เป็นการปฏิวัติแท้จริง ก็ยิ่งเกิดความหวั่นไหวอย่างหนัก
ยิ่งรัฐบาลสวิสออกประกาศอายัดทรัพย์สินของผู้นำอียิปต์ เหมือนการเตือนว่าจะขนเงินไปฝากต่างประเทศต้องเลือกแหล่งที่น่าเชื่อถือ ความเสี่ยงต่อการอายัดต่ำ
สิงคโปร์เป็นแหล่งที่ได้รับความนิยมในภูมิภาคนี้ นอกเหนือจากหมู่เกาะต่างๆ ในย่านทะเลคาริบเบียน ในละตินอเมริกา! ไม่เชื่อไปถามครอบครัวเหลี่ยมจัดก็ได้!
ช่วงนี้รัฐบาลไม่ต่างจากลิงแก้แห! แก้แหไทย-กัมพูชา แก้แหปราสาทพระวิหาร แก้แหพันธมิตรฯ ชุมนุม แก้แหกลุ่มคนเสื้อแดง และมีแหใหม่เกี่ยวโยงกับยูเอ็น
เพียงแค่นี้ก็พันตัวอีนุงตุงนัง โอกาสที่จะโดนแหมัดตัวกลิ้งตกน้ำมีสูงมาก!
กับดักล่าสุดคือ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ! ถ้าบังคับใช้อย่างเคร่งครัด สลายการชุมนุม ก็เสี่ยงต่อการขยายตัวของการต่อต้านรัฐบาล ความเสื่อมแพร่กระจาย! ถ้าไม่ใช้ ก็ถูกมองว่าไร้น้ำยา! กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรถูกนำมาเปิดโปง
ภายใต้ผิวฉาบหน้าหล่อคอนกรีตนั้น มีเหล็ก หิน ดิน ปูน ทราย แทรกไว้ทุกอณู! ดังนั้น ชาวบ้านคอการเมือง บอกได้เลยว่างานนี้รัฐบาลและค่ายสะตอต้องประสบชะตากรรม “จบแบบไม่สวย” แน่นอน ช้าหรือเร็ว เละแค่ไหนเท่านั้น!
นายกฯ มาร์คเหมือนคนธาตุไฟแตก จุดยืนแกว่ง ความมั่นใจคลอนแคลนลงทุกวัน รู้ตัวดีว่าคุมสถานการณ์ไม่ได้ แม้จะปากแข็ง ถือดี หลอกตัวเองอย่างไรก็ตาม!
หยุดงานเขียนเดือนครึ่ง เหงามือพอสมควร เป็นการทิ้งช่วงนานที่สุด หลังจากทำงานสื่อสิ่งพิมพ์นานกว่า 30 ปี จินตนาการกระเจิดกระเจิง เกือบรวมตัวไม่ติด
ต้องหาทางออกด้วยการวุ่นอยู่กับ Facebook ป้อนความคิดเห็นทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ในช่วงการรณรงค์ทางการเมือง การชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลเอาแผ่นดินคืนจากเขมร แต่ก็เห็นแล้วว่ารัฐบาลเลือกที่จะทะเลาะกับประชาชนมากกว่าแก้ปัญหา
นักการเมืองกุมอำนาจรัฐต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อรักษาเก้าอี้ซึ่งเป็นช่องทางเสาะแสวงหาผลประโยชน์ในยุคของการจัดสรรกระทรวงแบ่งกันกิน
ต่างจากยุคทักษิณ ซึ่งกินกันภายใต้นโยบายคอร์รัปชันแบบมีเชิง เหลี่ยมจัด!
การชุมนุมของประชาชนคนเสื้อเหลืองนานกว่า 2 สัปดาห์ แม้ดูเผินๆ ว่ายังทำอะไรรัฐบาลไม่ได้เต็มที่ ได้สร้างความหวาดผวา ความสั่นคลอนของเก้าอี้ กลุ่มนักการเมือง เหลิงอำนาจ เห็นประชาชนเป็นศัตรู พยายามหาทางแก้เกมเต็มที่
วันนี้แหละ รัฐบาลให้แกนนำไปรายงานตัว หลังจากแจ้งข้อหาละเมิด พ.ร.บ. ความมั่นคงฯ แต่รัฐบาลไม่ระบุให้ชัดเจนว่าความมั่นคงที่ว่านั้น เป็นของใคร
ประชาชนรู้เพียงแต่ว่าบ้านเมืองเสี่ยงต่อปัญหาความมั่นคง เพราะนักการเมืองโกงกินอย่างสะบั้นหั่นแหลก เป็นแกรนด์ดินเนอร์ ออล์ยูแคนอีท! หรือเปิบให้เต็มที่
นักการเมืองหวาดผวาเมื่อชาวบ้านรู้ทัน เอากฎหมายความมั่นคงของรัฐมาใช้เพื่อปกป้องความชั่วร้ายโดยพฤติกรรมของตัวเอง รักษาเก้าอี้หวังสร้างความวิบัติต่อไป
รัฐบาลจำเป็นต้องหยุดการชุมนุมให้ได้ จะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ด้วยความรุนแรงขนาดไหน คงจะได้เห็นกัน แต่จะยอมให้ชุมนุมยืดเยื้อต่อไปไม่ได้ ถือว่าเป็นความเสี่ยง
การที่มีคนขึ้นพูดบนเวที เอาความชั่วร้ายของนักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้า ซึ่งเป็น “อักษะแห่งความชั่วร้าย” มาเปิดโปงทุกวันคืน โดยที่นักกังฉินแก้ตัว แก้ต่าง อธิบายไม่ได้ ย่อมเป็นความเสียหาย เมื่อหน้ากากถูกเปิดออกมาให้ชาวบ้านได้เห็น
จากยุคหน้าเหลี่ยมเป็นหน้าหล่อคอนกรีต ทุกวันนี้ ผลไม่ต่างกัน เพียงมีความแปลกในลีลา และความด้านหนาในการหักดิบ และตีหน้าซื่อโกหกด้วยเสียงทุ้มนุ่มเนียน
รัฐบาลจึงว้าวุ่นใจ เพราะกลุ่มคนเสื้อเหลืองมีฐานทุนสังคมและความหน้าเชื่อถือมากกว่ากลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่นๆ มีกระบวนการจัดการชัดเจน ปราศจากการใช้ความรุนแรง หลายครั้งตกเป็นเหยื่อของการกระทำแบบโหดร้ายโดยกลุ่มอื่นๆ ด้วยซ้ำ
วันที่ 13 ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจกับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งรายงานข่าวบอกว่ามีมากกว่า 3 หมื่นคน! แตกต่างจากการชุมนุมครั้งก่อน ซึ่งรัฐบาลผวา ต้องเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ กระพือข่าว ตั้งรับเต็มที่
แต่การชุมนุมของคนเสื้อแดงวันที่ 14 ผ่านไปเกือบไร้ความหมาย เป็นข่าวเพียงเล็กน้อย เกี่ยวเนื่องกับคนหนีคุกชาวมอนเตเนโกรโทรศัพท์เข้ามาเล่าเรื่องของตัวเองโดยไม่มีใครถาม เป็นการเสนอตัว เสนอหน้ามาด้วยตัวเอง โดยไม่ได้เป็นคนไทยแล้ว!
ยังมีทนายฝรั่งยิวหิวเงินหน้าเดิมโฟนอินเข้ามาสร้างผลงาน หวังปอกลอกเงินจากเศรษฐีไร้แผ่นดิน โดยไม่บอกชาวบ้านว่าที่ผ่านมา ถ้าลูกความไม่ติดคุก ตัวเองก็ล้มเหลว ครั้งหนึ่งโดนขังในคุกรัสเซียเหมือนลูกความ หลุดมาได้เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ทนายยิวหิวเงินชื่อ อัมสเตอร์ดัม นั้นเห็นคนหนีคุกจากไทยเป็นเหยื่ออันโอชะ เหมือนเป็นบ่อเงินบ่อทองกอบโกยไม่มีวันหมด ตราบใดที่เศรษฐีไร้แผ่นดินยังไม่ได้กลับบ้านเกิด! การโฟนอินเข้ามา ใส่เสื้อยืดสีแดงให้ดูเนียน ยิ่งฟ้องให้เห็นธาตุแท้ยิวกะล่อน
การโฟนอินยกกำลัง 2 โดยคนไทยหนีคุก ชักศึกเข้าบ้านด้วยการจ้างวานทนายยิวหิวเงินไม่ได้เป็นข่าวฮือฮา เท่ากับเป็นความล้มเหลวของคู่หูเหลี่ยม-ทนายยิว
ผลสุดท้าย ใครจะมีเหลี่ยม เค็มแบบยิวๆ ชิลๆ กว่ากัน อีกไม่นานก็รู้!
แม้จะพูดเหน็บรัฐบาล คนหนีคุกและทนายยิวก็ไม่ได้สร้างความหวังว่าจะมีอะไรคืบหน้ามากกว่าการจัดชุมนุมเป็นระยะๆ นายกฯ มาร์คแทบไม่ต้องตอบคำถามเรื่องนี้
ตรงกันข้าม การชุมนุมต่อเนื่องที่สะพานมัฆวานฯ แต่ละวันคนไม่มาก แต่การใช้ข้อมูลเจาะฐานความน่าเชื่อถือ และความหล่อของนายกฯ มาร์ค ได้ผลเกินคาด!
ยิ่งนำเทปเก่ามาเปิดซ้ำซาก ย้อนรอย ตอกย้ำให้เห็นความคร่อกและปลิ้นในสำบัดสำนวนตามประสานักตีกิน เท่ากับเป็นการเปิดบาดแผลใหม่ต่อเนื่อง และขยายแผลเก่าให้เลือดไหลออกมากกว่าเดิม ถ้าเป็นอย่างนี้ อีกไม่นานเลือดคงไหลหมดตัวแน่
ดังนั้น รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงของกิจการน้ำมันปาล์มต้องถูกบีบให้แสดงฝีมือโดยสถานการณ์บังคับ เพื่อความอยู่รอดของคณะ และตัวเองในสภาพ “แม่นม”
เมื่อการใช้วิชามารต่างๆ ไร้ผล ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย! แต่ดูแล้วเป็นการสร้างความขบขนแกมความน่าสมเพช เร่งความเสื่อมให้หัวหน้ารัฐบาล ซึ่งเป็นต้นทุนเดียวที่ยังเหลืออยู่ให้คนอื่นแอบข้างหลังทำมาหากินในโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง
นักการเมืองที่จนแต้ม จนตรอก หาทางออกโดยวิธิปกติไม่ได้ มักเริ่มฉายแววทรราชด้วยการออกประกาศกฎต่างๆ เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ยิ่งเห็นผู้นำตูนิเซีย อียิปต์ ต้องพ่ายต่อพลังประชาชน เป็นการปฏิวัติแท้จริง ก็ยิ่งเกิดความหวั่นไหวอย่างหนัก
ยิ่งรัฐบาลสวิสออกประกาศอายัดทรัพย์สินของผู้นำอียิปต์ เหมือนการเตือนว่าจะขนเงินไปฝากต่างประเทศต้องเลือกแหล่งที่น่าเชื่อถือ ความเสี่ยงต่อการอายัดต่ำ
สิงคโปร์เป็นแหล่งที่ได้รับความนิยมในภูมิภาคนี้ นอกเหนือจากหมู่เกาะต่างๆ ในย่านทะเลคาริบเบียน ในละตินอเมริกา! ไม่เชื่อไปถามครอบครัวเหลี่ยมจัดก็ได้!
ช่วงนี้รัฐบาลไม่ต่างจากลิงแก้แห! แก้แหไทย-กัมพูชา แก้แหปราสาทพระวิหาร แก้แหพันธมิตรฯ ชุมนุม แก้แหกลุ่มคนเสื้อแดง และมีแหใหม่เกี่ยวโยงกับยูเอ็น
เพียงแค่นี้ก็พันตัวอีนุงตุงนัง โอกาสที่จะโดนแหมัดตัวกลิ้งตกน้ำมีสูงมาก!
กับดักล่าสุดคือ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ! ถ้าบังคับใช้อย่างเคร่งครัด สลายการชุมนุม ก็เสี่ยงต่อการขยายตัวของการต่อต้านรัฐบาล ความเสื่อมแพร่กระจาย! ถ้าไม่ใช้ ก็ถูกมองว่าไร้น้ำยา! กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องอะไรถูกนำมาเปิดโปง
ภายใต้ผิวฉาบหน้าหล่อคอนกรีตนั้น มีเหล็ก หิน ดิน ปูน ทราย แทรกไว้ทุกอณู! ดังนั้น ชาวบ้านคอการเมือง บอกได้เลยว่างานนี้รัฐบาลและค่ายสะตอต้องประสบชะตากรรม “จบแบบไม่สวย” แน่นอน ช้าหรือเร็ว เละแค่ไหนเท่านั้น!
นายกฯ มาร์คเหมือนคนธาตุไฟแตก จุดยืนแกว่ง ความมั่นใจคลอนแคลนลงทุกวัน รู้ตัวดีว่าคุมสถานการณ์ไม่ได้ แม้จะปากแข็ง ถือดี หลอกตัวเองอย่างไรก็ตาม!