ผลประโยชน์ที่ “ไทย-เขมร” เลิกไม่ได้

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เห็นข่าวสัมภาษณ์ “โสภณ ซารัมย์” รมว.คมนาคม จากพรรคภูมิใจไทย คนบุรีรัมย์ บ้านใกล้กัมพูชา ยืนยัน “ประเทศไทยยังให้ความช่วยเหลือโครงการก่อสร้างถนนในเขมร แม้จะมีข้อพิพาท” โดยเฉพาะในส่วนของกระทรวงคมนาคม จะยังให้ความช่วยเหลือกัมพูชาไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ทำให้อยากจะนำบันทึกความเข้าใจ (MOU) และบันทึกความตกลง (TOR) ที่รัฐบาลไทยเคยช่วยเหลือรัฐบาลกัมพูชามาให้ดูกันอีกรอบ ที่รัฐบาลไทยหลายสมัยเอาความสัมพันธ์มาผูกติดกับผลประโยชน์ในหลายโครงการ เท่าที่นับได้ ประกอบด้วย

พรรคชาติไทย มี“บรรหาร ศิลปอาชา” เป็นนายกรัฐมนตรี มีความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วม ว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี ( ลงนามเมื่อ 1 ม.ค.37 ) ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ( ลงนามเมื่อ 29 มี.ค.38 ) ความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการชายแดน ( ลงนามเมื่อ 29 ก.ย. 38 )

พรรคความหวังใหม่ มี “พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ” เป็นนายกรัฐมนตรี มีความตกลงว่าด้วยการค้า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และวิชาการ ( ลงนามเมื่อ 20 มิ.ย.39 ) ความตกลงทางวัฒนธรรม ( ลงนามเมื่อ 21 มิ.ย.40 )

พรรคประชาธิปัตย์ ยุค “ชวน หลีกภัย” เป็นนายกรัฐมนตรี มีบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการปราบปรามการค้ายาเสพติด สารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท และสารตั้งต้น (ลงนามเมื่อ 6 พ.ค.41 ) สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ( ลงนามเมื่อ 6 พ.ค.41 ) ความตกลงว่าด้วยการต่อต้านการลักลอบขนส่งทรัพย์สินทางวัฒนธรรมข้ามแดน และการส่งคืนทรัพย์สินทางวัฒนธรรม ( ลงนามเมื่อ 14 มิ.ย.43 ) และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ( ลงนามเมื่อ 14 มิ.ย.43 )

พรรคไทยรักไทย ที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี มีบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อน ( ลงนามเมื่อ 18 มิ.ย.44 ) ความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางทูต ( ลงนามเมื่อ 13 พ.ย.44 ) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาถนนหมายเลข 48 ( เกาะกง-สแรอัมเบิล ) และ ถนนหมายเลข 67 ( สะงำ-อันลองเวง-เสียมราฐ ) ( ลงนามเมื่อ 31 พ.ค.46 )

บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการขจัดการค้าเด็กและหญิง และการช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ ( ลงนามเมื่อ 31 พ.ค.46 ) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ( ลงนามเมื่อ 31 พ.ค.46 ) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการจ้างแรงงาน ( ลงนามเมื่อ 31 พ.ค.46 ) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา ( ลงนามเมื่อ 31 พ.ค.46 ) พิธีสารยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางราชการ ( ลงนามเมื่อ 8 ก.พ.49 ) บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสารสนเทศและกิจการวิทยุกระจายเสียง และกิจการวิทยุโทรทัศน์ไทย-กัมพูชา ( ลงนามเมื่อ 8 ก.พ.49 )

ขณะเดียวกันก็ยังมีกรอบความร่วมมือกันอีก 4 กรอบ คือ ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี - เจ้าพระยา - แม่โขง ( ACMECS ) กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ( GMS ) กรอบความร่วมมือสามเหลี่ยมมรกต มติครม.ไทย - กัมพูชา ( ระหว่างวันที่ 31 พ.ค. - 1 มิ.ย.46 ) ที่เมืองเสียมราฐ และอุบลราชธานี ( ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นคืนความสัมพันธ์ไทย - กัมพูชา ให้กลับคืนสู่ภาวะปกติอย่างสมบูรณ์แบบ ภายหลังการเกิดเหตุการณ์ไม่สงบในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 29 ม.ค.46 ) กรอบความร่วมมือตามมติที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย - กัมพูชา ครั้งที่ 5 ที่ กรุงพนมเปญ ( ระหว่างวันที่ 7 - 8 ก.พ.49 )

ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ยังให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่กัมพูชา 3 โครงการ คือโครงการสร้างถนนสาย อลองเวย์ - เสียมเรียบ ( 1,200 ล้านบาท ) โครงการสร้างถนนสาย เกาะกง - สะแลอัมเปิล ( 867 ล้านบาท ) ซึ่งกัมพูชาได้เบิกเงินกู้ใน 2 โครงการนี้ไปหมดแล้ว อยู่ระหว่างการชำระดอกเบี้ยปีละ 10 ล้านบาท และจะเริ่มชำระคืนเงินต้นปีละ 60 ล้านบาทในอีก 8 ปีข้างหน้า โครงการสร้างถนนสายช่องจอม - โอเสม็ด ( 1,400 ล้านบาท ) เพิ่งมีการลงนามในสัญญาไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และยังไม่มีการเบิกจ่ายเงินกู้

เป็นโครงการที่ “โสภณ ซารัมย์” ย้ำว่า เลิกไมได้

นอกจากนี้ สำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ ของกระทรวงต่างประเทศ ยังมีทุนการศึกษา เป็นทุนแบบให้เปล่าแก่นักเรียนกัมพูชาจำนวน 110 ทุน ใช้งบประมาณปีละ 30 ล้านบาท

ล่าสุด “โครงการสร้างถนนสายอลองเวย์ - เสียมเรียบ” หรือ ถนนหมายเลข 67 (R1) “สุเทพ เทือกสุบรรณ” รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความง่อนแง่น เดินทางไปเปิดเมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ณ วงเวียน Rungvongmoo โดยมี “ฮุนเซน”ให้การต้อนรับ

ทั้งหมดนี้ เป็นความร่วมมือในรูปแบบผลประโยชน์ที่รัฐบาลไทยมีร่วมกับกัมพูชาทั้งสิ้น