"กษิต" เตรียมรายงานยูเอ็น 14 ก.พ. แฉเขมรเหิมเกริมรบไทย หวังยึดเขาพระวิหาร เพราะมีรัสเซีย อินเดีย ฝรั่งเศสหนุนหลัง เตรียมขอพี่เบิ้มอเมริกาเข้าช่วย ลั่นเจอ"ฮอร์นัมฮง" จะถามอยากเป็นมิตร หรือ ศัตรู อ้าง"บัวแก้ว"แดนสนธยา ทำอะไรไม่ได้อย่างใจ เพราะมีอิทธิพลมืดหนุนหลัง "มาร์ค" ฟ้องยูเอ็น เตรียมนำภาพถ่ายแฉเขมรใช้ปราสาทพระวิหารเป็นฐานรบ ส่งตรง "บันคีมูน" ด้าน"ประวิตร" ควง"ประยุทธ์" ลงพื้นที่ชายแดน "ฮุนเซน" ลั่นเป็นการก่อสงคราม ร้องยูเอ็นช่วยเจรจา
วานนี้ ( 9 ก.พ. ) ที่รัฐสภา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้บรรยายพิเศษในงานสัมมนา “ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน: เหตุการณ์ปกติจริงหรือ” ซึ่งจัดโดย กรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา โดยได้กล่าวถึงปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า เกิดจากประวัติศาสตร์ และอุดมการณ์ทางการเมือง เนื่องจากยังมีการปลูกฝังว่า เคยถูกไทยปกครองมากว่า 700 ปี ก่อนที่ประเทศฝรั่งเศสจะเข้ามาปกครอง พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการของกัมพูชาเพื่อต้องการปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ และให้คณะกรรมการมรดกโลกเข้ามาบริหาร ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาคิดว่า รัฐสภาของไทยดำเนินการล่าช้า จึงเปิดฉากโจมตีประเทศไทย ให้เกิดความรุนแรง โดยมีประเทศรัสเซีย อินเดีย และฝรั่งเศส ให้การสนับสนุน
นายกษิต กล่าวว่า วันที่ 14 ก.พ.นี้ ที่ กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ตนจะรายงานสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ต่อคณะมนตรีความมั่งคงสหประชาชาติ พร้อมทั้งหารือกับ นายฮอร์นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา โดยมีนายมาตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนมาร่วมด้วย
ถามเขมรจะเป็นมิตรหรือศัตรู
ทั้งนี้ การสนทนากับนายฮอร์นัม ฮง ตนจะถามว่า เราจะรักษาอาเซียน และรักษาความสัมพันธ์กันระหว่าง 2 ประเทศ โดยไทยมีทางต้องเลือกแนวทางสู้รบตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หรือจะต้องสู้รบฟาดฟันกันตลอดแนวชายแดน
"หากจะสู้รบกันก็ได้ และที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อย่ามาต่อกร กับกองทัพไทยเพราะหากยังเกเร ก็มีแต่เจ็บลูกเดียว"
นายกษิต ยืนยันว่า ประเทศลาว และเวียดนาม ไม่มีทางฮั้วกับประเทศกัมพูชา เพื่อมาสู้กับไทยแน่นอน เพราะทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว มีความสัมพันธ์อันดีในทุกๆ เรื่องกับไทย นอกจากนี้ ตนยังจะทวงสัญญากับสหรัฐอเมริกา ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกัน และมีสัญญาระหว่างกันมากมาย เพื่อช่วยแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ด้วย
"ยืนยันว่า เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ วันนี้มีเด็กเกเรอยู่ข้างบ้าน เราในฐานะผู้ใหญ่ จะทำอย่างไร เรายังมีมิตรจิต มิตรใจ ต่อชาวกัมพูชาอยู่เช่นเดิม ทั้งการทำทางรถไฟจากสระแก้วไปพนมเปญ รวมทั้งการอนุมัติกฎหมายให้คนกัมพูชาเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องทำวีซ่า" รมว.การต่างประเทศ กล่าว
แฉรัสเซีย-อินเดีย-ฝรั่งเศส ยืนข้างเขมร
นายกษิต กล่าวว่า สาเหตุหลักที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดฉากปะทะกับไทย เพราะต้องการปราสาทเขาพระวิหาร และดินแดนโดยรอบ และมีต่างชาติเข้ามาบริหารมรดกโลก เพราะเขาคิดว่ารัฐสภาไทยช้า ทำเรื่องไม่เสร็จ และยังคิดว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ฮั้วกับรัฐสภาไทย ทำให้เรื่องช้าไปอีก จึงเป็นวิธีที่ท่านผู้นำเปิดฉาก เพื่อทำให้สถานการณ์ เละเทะ และให้เขาสูญเสียมากมาย เพราะเชื่อว่าจะมีพี่เลี้ยงเข้ามาช่วยเหลือ อาทิ รัสเซีย อินเดีย ฝรั่งเศส เรื่องดังกล่าวนี้ ตนจะมีการรายงานต่อคณะมนตรีความมั่งคงสหประชาชาติ ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ด้วย
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้สอบถามนายกษิตว่า ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าการใช้อาวุธมาสู้รบกับไทย ได้รับความร่วมมือจากพี่เลี้ยงหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า อาวุธของจีน กัมพูชาได้รับมาฟรี ขณะที่บัลแกเรีย กัมพูชาเป็นผู้ซื้อ ส่วนทางรัสเซีย กำลังตรวจสอบ แต่ยอมรับเป็นเรื่องยาก เพราะความสัมพันธ์ไทยกับรัสเซียไม่ราบรื่น เพราะเขาต้องการขายอาวุธให้เราแต่ไทยไม่เคยซื้อ รัสเซียจึงไปเข้าหากัมพูชาแทน
"ประเทศรัสเซียมีความเห็นแก่ตัวมาก เมื่อเขาขายอาวุธให้เราไม่ได้ เขาก็ไม่ตอบสนอง คำว่าให้ทาน ไม่อยู่ในจิตใจ ทั้งที่เขาเป็นประเทศใหญ่ แต่ไม่ยอมให้อะไรเลย" นายกษิต กล่าว
ไม่กล้าประกาศพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นของไทย
นายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้สอบถามว่า ทำไมกระทรวงการต่างประเทศ จึงจ้างนักวิชาการที่ทำงานวิจัยเรื่องข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ที่มีแนวทางขัดแย้งกับรัฐบาล รวมทั้งอยากให้ไทยประกาศว่า พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของไทย
นายกษิต กล่าวว่า มีการจ้างนักวิชาการ 2 กลุ่ม มูลค่า 10 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง และไม่ทราบเรื่อง ทั้งนี้ยอมรับงานในกระทรวงการต่างประเทศ เป็นแดนสนธยา รัฐมนตรียังไม่ทราบเรื่อง ไม่บอกตน เวลามอบนโยบายพวกเขาก็ยอมรับ แต่เมื่อไปอยู่ข้างนอก เขาพูดอีกอย่าง เพราะกระทรวงแห่งนี้ ยังมีการครอบงำจากอดีตข้าราชการประจำ อดีตนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลในกระทรวง นำเรื่องไปบอกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้เกิดความสับสนพร้อมทั้งให้เรากระทืบกัมพูชา หากเป็นเช่นนั้น เราจะอยู่กันได้อย่างไร
ส่วนเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น ตนสามารถประกาศได้ว่าเป็นพื้นที่ของไทย แต่เราไม่ทำ เพราะเกรงว่าต่อไปจะเจอคำถามที่ 2 ให้ตน และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นำทหาร นำรถถังขึ้นไป รับรองจะทำให้ทั้ง 2 ประเทศ รบกันอีก การชี้แจงต่อสหประชาชาติ ก็ลำบาก หรือไม่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ อาจจะยกทัพไปที่นั้น
"มาร์ค"ฟ้องยูเอ็นเขมรใช้พระวิหารเป็นฐานรบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการพูดคุยทางโทรศัพท์ กับนายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ว่า ทางยูเอ็นได้แสดงความห่วงใยสถานการณ์ และขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายใช้ความอดกลั้นในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ซึ่งตนได้ยืนยันในส่วนของไทย ไม่มีความประสงค์ที่จะใช้ความรุนแรง หรือไปรุกรานใคร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการละเมิดอธิปไตย และมีการใช้อาวุธยิงเข้ามา เราจำเป็นต้องปกป้องตนเองด้วยการตอบโต้ เหมาะสมแก่เหตุ และยืนยันชัดเจนว่า การตอบโต้ของเรา จะระมัดระวัง และมุ่งไปยังเป้าหมายที่เป็นที่มาของการใช้อาวุธ ซึ่งเป็นเป้าหมายทางทหารทั้งสิ้น
พร้อมกันนี้ได้บอกว่า ขณะนี้เรามีพลเรือนจำนวนกว่าหมื่นคน ที่ต้องอพยพจากบริเวณดังกล่าว และได้รับความเสียหาย เลขาฯยูเอ็นถามว่ามีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวปราสาทพระวิหารหรือไม่ ตนได้ตอบไปว่า พร้อมที่จะส่งภาพถ่ายต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ปราสาทพระวิหาร ไปในเรื่องของการทหาร ไม่ว่าจะเป็นการมีอาวุธ หรือใช้กำลังจากที่นั้น ซึ่งเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของการที่จะให้สถานที่แห่งนี้ เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นมรดกโลก
ยืนยันแก้ปัญหาระดับทวิภาคี
"ผมยังได้เรียนถึงกรณีที่เคยบอกกับเลขาฯ ยูเอ็น ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า ความตึงเครียด จะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ตราบเท่าที่ยังมีแรงกดดันจากปัญหาของการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ของกัมพูชา เพราะทางกัมพูชา เองก็รู้สึกกดดันว่าจะต้องมาจัดการพื้นที่ตรงนี้ ในขณะซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยถือว่าเป็นของไทย ก็ย่อมจะเกิดปัญหา เลขาฯยูเอ็น ก็รับว่าจะไปติดตามเรื่องนี้กับทางยูเนสโก" นายอภิสิทธิ์กล่าว
พร้อมกันนี้ ยังได้เรียนไปว่าทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้เดินทางมาพบกับทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว และสนับสนุนให้เราสามารถที่จะเจรจากันในกลไกของทวิภาคี ซึ่งยังดี และใช้การอยู่ ขณะเดียวกันรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ ยังมีนัดหมายที่จะประชุมกัน ฉะนั้นหนทางของการที่จะแก้ปัญหาโดยการเจรจาทวิภาคี อย่างที่สหประชาชาติต้องการ ยังเป็นหนทางที่เปิดกว้างอยู่ ไม่ได้มีการปิดกั้นแต่อย่างใด ซึ่งเลขาฯยูเอ็น เพียงแต่บอกว่า ถ้ามีอะไรที่ทางสหประชาชาติจะช่วยสนับสนุน คลี่คลายสถานการณ์ได้ ก็ให้แจ้งไป
ดังนั้น โดยรวมคิดว่าได้อธิบายข้อเท็จจริงชัดเจน รวมทั้งได้พูดถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับที่มาของปัญหาคือ มรดกโลก ด้วย รวมถึงการยืนยันว่า เรายังมีกลไกอื่นๆ ที่จะดูแลทั้งในส่วนของทวิภาคี และจากการที่เพื่อนๆ ในอาเซียนให้การสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาระดับทวิภาคี เชื่อว่า เลขาฯยูเอ็น คงจะเข้าใจ และคงจะมีการติดต่อไปยังนายกฯกัมพูชา เหมือนกัน
ต้องหยุดแผนพัฒนามรดกโลก
ทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องนี้ นายกฯ กล่าวว่า ยูเนสโก ควรจะหยุดเรื่องการกดดันในการกำหนดตารางเวลาว่า ทางกัมพูชาจะต้องมีแผนบริหารจัดการพื้นที่ ในขณะที่พื้นที่ยังมีปัญหากันอยู่ ควรจะรอให้กระบวนการจัดทำหลักเขตแดนต่างๆ เสร็จสิ้นเรียบร้อย และมีความชัดเจนก่อน ค่อยมาดำเนินการ เพราะถ้าเขตแดนมีความชัดเจน ตนคิดว่า มันก็จะมีคำตอบในตัวของมันเองว่า จะเดินไปอย่างไร
เมื่อถามว่า ท่าทีของกรรมาการมรดกโลก ควรจะเกิดก่อนที่จะมีการประชุมในเดือนมิ.ย. หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้องนี่คือสิ่งที่เราจะเดินต่อ และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จะเดินทางไปในช่วงนี้ เพื่อช่วยอธิบายด้วย
เมื่อถามว่าหากกรรมการมรดกโลกไม่ฟัง และจะยังส่งเจ้าหน้าที่มาดูพื้นที่ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าเขาคงต้องฟัง เพราะถ้ามาแล้วยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นก็ไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลย
"ประวิตร"ควง"ประยุทธ์" ลงพื้นที่
เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เดินทางลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เพื่อฟังบรรยายการสรุป และติดตามสถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กองกำลังสุรนารี หลังจากนั้น ก็จะเดินทางไปรดน้ำศพ ส.อ.ธนากร พูลเพิ่ม นายทหารคนล่าสุด ที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะกับกัมพูชา และเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ จ.อุบลราชธานี ต่อจากนั้นจะเดินทางไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี หัวหน้าชุดกองร้อยทหารราบที่ 1623
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีกัมพูชามีการขนอาวุธลงมาจากเขาพระวิหารว่า เป็นเรื่องของเขา เราอยากให้พื้นที่ตามแนวชายแดนเรียบร้อยและเกิดความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินกับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ และทางผบ.ทบ. ก็ได้รับนโยบายและไปดำเนินการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามตนก็จะไปรับทราบสถานการณ์ โดยทาง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 จะรายงานให้ทราบถึงรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ตนได้รายงานสถานการณ์ต่างๆให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับทราบตลอดเวลา
ไม่อยากให้พันธมิตรฯไปแจกของ
เมื่อถามว่า กรณีที่มีรายงานข่าวว่าจะมีการจำกัดปริมาณการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปกัมพูชาให้น้อยลงเพื่อป้องกันฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้ในด้านทหาร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องในพื้นที่ และทางกระทรวงพลังงานก็จะดำเนินการในเรื่องนี้ ถ้าไม่มีอะไรมากมาย ก็คงจะดำเนินการไปตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งคงไม่ใช่นโยบายตอบโต้ เราไม่มีนโยบายในประเด็นนี้
เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเดินทางไปให้กำลังใจประชาชนและทหารที่ จ.ศรีษะเกษ กังวลว่าจะมีการเผชิญหน้ากันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อะไรที่ยังไม่ค่อยเรียบร้อย ก็ยังไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้บริเวณตามแนวชายแดนมีความเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เขาสามารถอยู่อาศัยและประกอบอาชีพได้ ถือเป็นเรื่องสำคัญ อะไรที่จะกระทบกระทั่งจนเกิดความไม่เรียบร้อย ตนก็เป็นห่วงใย ทั้งนั้นในพื้นที่เขาดูแลอยู่แล้ว ตนคงไม่ต้องลงไปดูในเรื่องรายละเอียด และในพื้นที่เขารู้ว่าจะต้องทำอะไรเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยอันนี้ถือเป็น เรื่องสำคัญ คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่เขาดำเนินการอยู่แล้ว
ส.ส.ศรีสะเกษจี้รัฐบาลปลดกษิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวานนี้ ได้มีการพิจารณาญัตติปากเปล่า เรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มารับฟังข้อเสนอ และชี้แจง
นายธเนศ อภิปรายว่าปัญหาไทย-กัมพูชาเริ่มตึงเครียดตั้งแต่ช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชา และทางไทยได้ตัดความสัมพันธ์ทุกด้าน ต่อมายังมีการชุมนุมทางการเมืองของไทย ที่เอาปัญหาภายในไปพาดพึงถึงปัญหาระหว่างประเทศ รัฐบาลต้องแก้ไข และรมว.ต่างประเทศ ยังได้เปลี่ยนสนามการค้า ให้เป็นสนามรบ ส่วนทางไทยได้ถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อน ทำให้เกิดปัญหามาก ชาวบ้านในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ เดือดร้อน เข้าไปหาของป่าไม่ได้ ขอให้รัฐบาลแก้ไขเรื่องนี้ และอยากให้ระดับหัวหน้ารัฐบาล 2 ประเทศได้เจรจากันเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ใช่ส่งนายกษิต ที่ทางกัมพูชาไม่อยากคุยด้วย ไปเจรจา
จากนั้นมี ส.ส.ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดที่มีเขตแดนติดกัมพูชา จากพรรคต่างๆ ผลัดกันลุกขึ้นอภิปราย โดยเรียกร้องให้รัฐบาลต้องเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นายสาธิต เทพวงศ์ศิริรัตน์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า หากนายกฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า รมว.ต่างประเทศ เป็นปัญหาส่วนหนึ่งขอให้พิจารณาเปลี่ยนได้ เพราะมีคนที่มีความสามารถอีกเยอะที่เป็นได้ จะได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
เหลิมโยงปัญหามาจากรัฐบาลต้านแม้ว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาไทย-กัมพูชา เกิดจาก 1. นายกฯกัมพูชาตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษา เป็นเรื่องของกัมพูชาที่ไทยไม่ควรไปยุ่ง แต่ไทยกลับไปต่อว่ากัมพูชารุนแรง
2. นายกษิต เป็นตัวปัญหา หากยังเป็นรมว.ต่างประเทศ ไม่มีทางให้สัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไปสู่จุดที่ดีขึ้น หากใช้นายสุเทพ ไปเจรจาจะดีกว่า ดังนั้นนายกฯ ต้องกักบริเวณนายกษิต อย่าให้ไปกัมพูชา และอย่าให้สัมภาษณ์
3. กรณีวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ เมื่อปี 41 ฝ่ายทหารขอให้ประท้วง แต่รัฐบาลไทยขณะนั้นคือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ประท้วง พอปี 43 เอ็มโอยู เกิดขึ้น จึงมีปัญหา ประท้วงไม่ได้แล้ว
4. กรณี 7 คนไทยโดนจับทั้งที่เจ้าหน้าที่ไทยก็เตือนแล้วว่า อย่าเข้าไป 1 ในจำนวนนั้นมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปด้วย แถมบอกว่า เรื่องนี้นายกฯรู้คนเดียว แล้วฝ่ายกัมพูชาจะคิดอย่างไร นี่คือความผิดพลาด
จวกไทยรบแบบเล่นปาหี่
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การสู้รบของไทย-กัมพูชา เหมือนปาหี่ทางการเมือง เนื่องจากเราไม่ยอมปิดพรมแดน คือยังเปิดช่องทางส่งกำลังบำรุงให้กับกัมพูชา ทั้งที่ความจริงแล้วเราต้องปิด เพื่อตัดช่องทางส่งกำลังบำรุงต่างๆโดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งเป็นยุทธปัจจัยที่ใช้ในการสู้รบ แต่นี่เราไม่ทำ มิหนำซ้ำกระทรวงพลังงาน ยังออกมาพูดว่า หากปิดพรมแดนและไม่ส่งน้ำมันไป ไทยก็จะศูนย์เสียรายได้ประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งถ้าเอามาเปรียบเทียบกันแล้วหากเรายังส่งน้ำมันให้เขา เพื่อให้เขาไปเติมอาวุธยุทโธปกรณ์มายิงเรา ทำให้ทหารบาดเจ็บ ล้มตาย ประชนได้รับความเดือดร้อน มันจะเสียหายมากกว่าเงินจำนวนแค่ 3 ล้าน
เมื่อถามว่าการที่สมเด็จฮุนเซ็นได้เรียกร้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชา ชาติ (ยูเอ็นเอชซี) เพื่อให้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพยูเอ็นเข้ามาช่วยเหลือนั้นจะส่งผลกระทบกับ ประเทศไทยหรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า มีผลอย่างแน่นอนเพราะกัมพูชาเก่งเรื่องต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมากัมพูชาก็เคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศฝรั่งเศสมาก่อน ซึ่งคณะกรรมการบางคนในยูเอ็นก็เป็นคนฝรั่งเศส และจะทำให้กัมพูชาได้เปรียบใน ส่วนนี้ เราก็จะเสียเปรียบเขา โดยเฉพาะนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของเรา ก็ทำงานไม่ได้เรื่อง เปรียบเหมือนคนวิกลจริต ปัญหาอะไรที่ใหญ่ๆ กลับไม่ทำ ทำแต่ปัญหาเล็กๆ และทุกครั้งที่มีการปะทะกัน เราก็จะต้องเป็นฝ่ายขอร้องเขาตลอด
ยุ "ประยุทธ์" ปฏิวัติ
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาว่า ว่า รัฐบาลต้องให้อำนาจกองทัพในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยที่รัฐบาลไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งอาจจะหมายความถึงการประกาศกฎอัยการศึก เพราะตามอำนาจ ผบ.ทบ. มีอำนาจที่จะประกาศกฎอัยการศึก และคุมอำนาจทั้งหมด ให้การเมืองลงมาอยู่ด้านล่าง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เกิดความไม่สงบ นอกจากนี้ยังมองว่าการปฏิวัติ ก็น่าจะเป็นอีกทางหนึ่ง ที่จะทำให้สถานการณ์ บ้านเมืองตอนนี้คลี่คลาย และสงบลง
ทหารเขมรยอมรับตายมากกว่าที่รบ.แถลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าวโดยอ้างทหารกัมพูชา 3 คนให้สัมภาษณ์ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตของฝ่ายกัมพูชาจากการปะทะกับฝ่ายไทยนั้น น่าจะสูงกว่าที่รัฐบาลเขมรระบุเอาไว้มาก ทหารเหล่านี้เปิดเผยโดยขอไม่ให้ระบุชื่อ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ที่จะให้ข่าว
“จำนวนคนตายและคนเจ็บมีมากกว่านั้นเยอะ ถ้าประชาชนได้รับรู้ก็จะต้องตื่นตระหนกทีเดียว” หนึ่งในทหารกัมพูชาเหล่านี้กล่าว พร้อมกับบอกต่อไปว่า รองผู้บังคับบัญชาของเขาก็ถูกสังหารในระหว่างเกิดการปะทะกันในวันอาทิตย์(6) เมื่อกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายไทยนัดหนึ่งตกลงมาในบริเวณใกล้ๆ กับหน่วยทหารของเขา อย่างไรก็ตาม คำพูดของทหารกัมพูชาเหล่านี้ ยังไม่สามารถหาคำยืนยันรับรองจากรัฐบาลกัมพูชาได้
ฮุนเซนบอกเลขาฯUNว่าไม่ใช่แค่'ปะทะกันด้วยอาวุธ'แต่เป็น'สงคราม'
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา กล่าววานนี้(9)ว่า ระหว่างที่เขาพูดคุยโทรศัพท์กับ บันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อคืนวันอังคาร(8) เขาได้เรียกร้องให้ใช้กลไกของยูเอ็นแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็น “สงคราม”
“ผมบอกกับบันคีมุนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาเหล่านี้ไม่ใช่การปะทะกันด้วยอาวุธนะ มันคือสงคราม” ฮุนเซนระบุในระหว่างกล่าวปราศรัยที่กรุงพนมเปญ เขาบอกว่า “สงครามนี้จำต้องได้รับการแก้ไขคลี่คลายโดยผ่านกลไกของสหประชาชาติ”
ฮุนเซนกล่าวว่า กัมพูชาไม่สนใจที่จะพบปะเจรจาแบบทวิภาคีกับฝ่ายไทยอีกต่อไปแล้ว “แต่เราจะยังคงทำการเจรจาอย่างสันติ” โดยที่มีฝ่ายที่สามเข้ามาร่วมวงด้วย เขาบอก
วานนี้ ( 9 ก.พ. ) ที่รัฐสภา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้บรรยายพิเศษในงานสัมมนา “ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน: เหตุการณ์ปกติจริงหรือ” ซึ่งจัดโดย กรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา โดยได้กล่าวถึงปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า เกิดจากประวัติศาสตร์ และอุดมการณ์ทางการเมือง เนื่องจากยังมีการปลูกฝังว่า เคยถูกไทยปกครองมากว่า 700 ปี ก่อนที่ประเทศฝรั่งเศสจะเข้ามาปกครอง พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการของกัมพูชาเพื่อต้องการปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ และให้คณะกรรมการมรดกโลกเข้ามาบริหาร ซึ่งรัฐบาลกัมพูชาคิดว่า รัฐสภาของไทยดำเนินการล่าช้า จึงเปิดฉากโจมตีประเทศไทย ให้เกิดความรุนแรง โดยมีประเทศรัสเซีย อินเดีย และฝรั่งเศส ให้การสนับสนุน
นายกษิต กล่าวว่า วันที่ 14 ก.พ.นี้ ที่ กรุงนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ตนจะรายงานสถานการณ์ข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ต่อคณะมนตรีความมั่งคงสหประชาชาติ พร้อมทั้งหารือกับ นายฮอร์นัม ฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา โดยมีนายมาตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนมาร่วมด้วย
ถามเขมรจะเป็นมิตรหรือศัตรู
ทั้งนี้ การสนทนากับนายฮอร์นัม ฮง ตนจะถามว่า เราจะรักษาอาเซียน และรักษาความสัมพันธ์กันระหว่าง 2 ประเทศ โดยไทยมีทางต้องเลือกแนวทางสู้รบตามความเหมาะสมของสถานการณ์ หรือจะต้องสู้รบฟาดฟันกันตลอดแนวชายแดน
"หากจะสู้รบกันก็ได้ และที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อย่ามาต่อกร กับกองทัพไทยเพราะหากยังเกเร ก็มีแต่เจ็บลูกเดียว"
นายกษิต ยืนยันว่า ประเทศลาว และเวียดนาม ไม่มีทางฮั้วกับประเทศกัมพูชา เพื่อมาสู้กับไทยแน่นอน เพราะทั้ง 2 ประเทศดังกล่าว มีความสัมพันธ์อันดีในทุกๆ เรื่องกับไทย นอกจากนี้ ตนยังจะทวงสัญญากับสหรัฐอเมริกา ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกัน และมีสัญญาระหว่างกันมากมาย เพื่อช่วยแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ด้วย
"ยืนยันว่า เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ วันนี้มีเด็กเกเรอยู่ข้างบ้าน เราในฐานะผู้ใหญ่ จะทำอย่างไร เรายังมีมิตรจิต มิตรใจ ต่อชาวกัมพูชาอยู่เช่นเดิม ทั้งการทำทางรถไฟจากสระแก้วไปพนมเปญ รวมทั้งการอนุมัติกฎหมายให้คนกัมพูชาเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องทำวีซ่า" รมว.การต่างประเทศ กล่าว
แฉรัสเซีย-อินเดีย-ฝรั่งเศส ยืนข้างเขมร
นายกษิต กล่าวว่า สาเหตุหลักที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เปิดฉากปะทะกับไทย เพราะต้องการปราสาทเขาพระวิหาร และดินแดนโดยรอบ และมีต่างชาติเข้ามาบริหารมรดกโลก เพราะเขาคิดว่ารัฐสภาไทยช้า ทำเรื่องไม่เสร็จ และยังคิดว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ฮั้วกับรัฐสภาไทย ทำให้เรื่องช้าไปอีก จึงเป็นวิธีที่ท่านผู้นำเปิดฉาก เพื่อทำให้สถานการณ์ เละเทะ และให้เขาสูญเสียมากมาย เพราะเชื่อว่าจะมีพี่เลี้ยงเข้ามาช่วยเหลือ อาทิ รัสเซีย อินเดีย ฝรั่งเศส เรื่องดังกล่าวนี้ ตนจะมีการรายงานต่อคณะมนตรีความมั่งคงสหประชาชาติ ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ด้วย
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้สอบถามนายกษิตว่า ได้ตรวจสอบหรือไม่ว่าการใช้อาวุธมาสู้รบกับไทย ได้รับความร่วมมือจากพี่เลี้ยงหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า อาวุธของจีน กัมพูชาได้รับมาฟรี ขณะที่บัลแกเรีย กัมพูชาเป็นผู้ซื้อ ส่วนทางรัสเซีย กำลังตรวจสอบ แต่ยอมรับเป็นเรื่องยาก เพราะความสัมพันธ์ไทยกับรัสเซียไม่ราบรื่น เพราะเขาต้องการขายอาวุธให้เราแต่ไทยไม่เคยซื้อ รัสเซียจึงไปเข้าหากัมพูชาแทน
"ประเทศรัสเซียมีความเห็นแก่ตัวมาก เมื่อเขาขายอาวุธให้เราไม่ได้ เขาก็ไม่ตอบสนอง คำว่าให้ทาน ไม่อยู่ในจิตใจ ทั้งที่เขาเป็นประเทศใหญ่ แต่ไม่ยอมให้อะไรเลย" นายกษิต กล่าว
ไม่กล้าประกาศพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นของไทย
นายคำนูญ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้สอบถามว่า ทำไมกระทรวงการต่างประเทศ จึงจ้างนักวิชาการที่ทำงานวิจัยเรื่องข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ที่มีแนวทางขัดแย้งกับรัฐบาล รวมทั้งอยากให้ไทยประกาศว่า พื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของไทย
นายกษิต กล่าวว่า มีการจ้างนักวิชาการ 2 กลุ่ม มูลค่า 10 ล้านบาท แต่เป็นเรื่องก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่ง และไม่ทราบเรื่อง ทั้งนี้ยอมรับงานในกระทรวงการต่างประเทศ เป็นแดนสนธยา รัฐมนตรียังไม่ทราบเรื่อง ไม่บอกตน เวลามอบนโยบายพวกเขาก็ยอมรับ แต่เมื่อไปอยู่ข้างนอก เขาพูดอีกอย่าง เพราะกระทรวงแห่งนี้ ยังมีการครอบงำจากอดีตข้าราชการประจำ อดีตนักการเมือง ผู้มีอิทธิพลในกระทรวง นำเรื่องไปบอกผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้เกิดความสับสนพร้อมทั้งให้เรากระทืบกัมพูชา หากเป็นเช่นนั้น เราจะอยู่กันได้อย่างไร
ส่วนเรื่องพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรนั้น ตนสามารถประกาศได้ว่าเป็นพื้นที่ของไทย แต่เราไม่ทำ เพราะเกรงว่าต่อไปจะเจอคำถามที่ 2 ให้ตน และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นำทหาร นำรถถังขึ้นไป รับรองจะทำให้ทั้ง 2 ประเทศ รบกันอีก การชี้แจงต่อสหประชาชาติ ก็ลำบาก หรือไม่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ อาจจะยกทัพไปที่นั้น
"มาร์ค"ฟ้องยูเอ็นเขมรใช้พระวิหารเป็นฐานรบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการพูดคุยทางโทรศัพท์ กับนายบันคีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ว่า ทางยูเอ็นได้แสดงความห่วงใยสถานการณ์ และขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายใช้ความอดกลั้นในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ซึ่งตนได้ยืนยันในส่วนของไทย ไม่มีความประสงค์ที่จะใช้ความรุนแรง หรือไปรุกรานใคร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากมีการละเมิดอธิปไตย และมีการใช้อาวุธยิงเข้ามา เราจำเป็นต้องปกป้องตนเองด้วยการตอบโต้ เหมาะสมแก่เหตุ และยืนยันชัดเจนว่า การตอบโต้ของเรา จะระมัดระวัง และมุ่งไปยังเป้าหมายที่เป็นที่มาของการใช้อาวุธ ซึ่งเป็นเป้าหมายทางทหารทั้งสิ้น
พร้อมกันนี้ได้บอกว่า ขณะนี้เรามีพลเรือนจำนวนกว่าหมื่นคน ที่ต้องอพยพจากบริเวณดังกล่าว และได้รับความเสียหาย เลขาฯยูเอ็นถามว่ามีความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวปราสาทพระวิหารหรือไม่ ตนได้ตอบไปว่า พร้อมที่จะส่งภาพถ่ายต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ปราสาทพระวิหาร ไปในเรื่องของการทหาร ไม่ว่าจะเป็นการมีอาวุธ หรือใช้กำลังจากที่นั้น ซึ่งเป็นการขัดกับเจตนารมณ์ของการที่จะให้สถานที่แห่งนี้ เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นมรดกโลก
ยืนยันแก้ปัญหาระดับทวิภาคี
"ผมยังได้เรียนถึงกรณีที่เคยบอกกับเลขาฯ ยูเอ็น ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า ความตึงเครียด จะเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ตราบเท่าที่ยังมีแรงกดดันจากปัญหาของการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ของกัมพูชา เพราะทางกัมพูชา เองก็รู้สึกกดดันว่าจะต้องมาจัดการพื้นที่ตรงนี้ ในขณะซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยถือว่าเป็นของไทย ก็ย่อมจะเกิดปัญหา เลขาฯยูเอ็น ก็รับว่าจะไปติดตามเรื่องนี้กับทางยูเนสโก" นายอภิสิทธิ์กล่าว
พร้อมกันนี้ ยังได้เรียนไปว่าทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ของอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้เดินทางมาพบกับทั้ง 2 ฝ่ายแล้ว และสนับสนุนให้เราสามารถที่จะเจรจากันในกลไกของทวิภาคี ซึ่งยังดี และใช้การอยู่ ขณะเดียวกันรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศ ยังมีนัดหมายที่จะประชุมกัน ฉะนั้นหนทางของการที่จะแก้ปัญหาโดยการเจรจาทวิภาคี อย่างที่สหประชาชาติต้องการ ยังเป็นหนทางที่เปิดกว้างอยู่ ไม่ได้มีการปิดกั้นแต่อย่างใด ซึ่งเลขาฯยูเอ็น เพียงแต่บอกว่า ถ้ามีอะไรที่ทางสหประชาชาติจะช่วยสนับสนุน คลี่คลายสถานการณ์ได้ ก็ให้แจ้งไป
ดังนั้น โดยรวมคิดว่าได้อธิบายข้อเท็จจริงชัดเจน รวมทั้งได้พูดถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับที่มาของปัญหาคือ มรดกโลก ด้วย รวมถึงการยืนยันว่า เรายังมีกลไกอื่นๆ ที่จะดูแลทั้งในส่วนของทวิภาคี และจากการที่เพื่อนๆ ในอาเซียนให้การสนับสนุนในการแก้ไขปัญหาระดับทวิภาคี เชื่อว่า เลขาฯยูเอ็น คงจะเข้าใจ และคงจะมีการติดต่อไปยังนายกฯกัมพูชา เหมือนกัน
ต้องหยุดแผนพัฒนามรดกโลก
ทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องนี้ นายกฯ กล่าวว่า ยูเนสโก ควรจะหยุดเรื่องการกดดันในการกำหนดตารางเวลาว่า ทางกัมพูชาจะต้องมีแผนบริหารจัดการพื้นที่ ในขณะที่พื้นที่ยังมีปัญหากันอยู่ ควรจะรอให้กระบวนการจัดทำหลักเขตแดนต่างๆ เสร็จสิ้นเรียบร้อย และมีความชัดเจนก่อน ค่อยมาดำเนินการ เพราะถ้าเขตแดนมีความชัดเจน ตนคิดว่า มันก็จะมีคำตอบในตัวของมันเองว่า จะเดินไปอย่างไร
เมื่อถามว่า ท่าทีของกรรมาการมรดกโลก ควรจะเกิดก่อนที่จะมีการประชุมในเดือนมิ.ย. หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถูกต้องนี่คือสิ่งที่เราจะเดินต่อ และนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม จะเดินทางไปในช่วงนี้ เพื่อช่วยอธิบายด้วย
เมื่อถามว่าหากกรรมการมรดกโลกไม่ฟัง และจะยังส่งเจ้าหน้าที่มาดูพื้นที่ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าเขาคงต้องฟัง เพราะถ้ามาแล้วยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นก็ไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลย
"ประวิตร"ควง"ประยุทธ์" ลงพื้นที่
เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เดินทางลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เพื่อฟังบรรยายการสรุป และติดตามสถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กองกำลังสุรนารี หลังจากนั้น ก็จะเดินทางไปรดน้ำศพ ส.อ.ธนากร พูลเพิ่ม นายทหารคนล่าสุด ที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะกับกัมพูชา และเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่ จ.อุบลราชธานี ต่อจากนั้นจะเดินทางไปร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ ร.อ.วุธชรินทร์ ชาติคำดี หัวหน้าชุดกองร้อยทหารราบที่ 1623
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีกัมพูชามีการขนอาวุธลงมาจากเขาพระวิหารว่า เป็นเรื่องของเขา เราอยากให้พื้นที่ตามแนวชายแดนเรียบร้อยและเกิดความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินกับประชาชนทั้ง 2 ประเทศ และทางผบ.ทบ. ก็ได้รับนโยบายและไปดำเนินการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามตนก็จะไปรับทราบสถานการณ์ โดยทาง พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 จะรายงานให้ทราบถึงรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้ตนได้รายงานสถานการณ์ต่างๆให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รับทราบตลอดเวลา
ไม่อยากให้พันธมิตรฯไปแจกของ
เมื่อถามว่า กรณีที่มีรายงานข่าวว่าจะมีการจำกัดปริมาณการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปกัมพูชาให้น้อยลงเพื่อป้องกันฝ่ายตรงข้ามนำไปใช้ในด้านทหาร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องในพื้นที่ และทางกระทรวงพลังงานก็จะดำเนินการในเรื่องนี้ ถ้าไม่มีอะไรมากมาย ก็คงจะดำเนินการไปตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งคงไม่ใช่นโยบายตอบโต้ เราไม่มีนโยบายในประเด็นนี้
เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะเดินทางไปให้กำลังใจประชาชนและทหารที่ จ.ศรีษะเกษ กังวลว่าจะมีการเผชิญหน้ากันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อะไรที่ยังไม่ค่อยเรียบร้อย ก็ยังไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้บริเวณตามแนวชายแดนมีความเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เขาสามารถอยู่อาศัยและประกอบอาชีพได้ ถือเป็นเรื่องสำคัญ อะไรที่จะกระทบกระทั่งจนเกิดความไม่เรียบร้อย ตนก็เป็นห่วงใย ทั้งนั้นในพื้นที่เขาดูแลอยู่แล้ว ตนคงไม่ต้องลงไปดูในเรื่องรายละเอียด และในพื้นที่เขารู้ว่าจะต้องทำอะไรเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยอันนี้ถือเป็น เรื่องสำคัญ คงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่เขาดำเนินการอยู่แล้ว
ส.ส.ศรีสะเกษจี้รัฐบาลปลดกษิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฏร เมื่อวานนี้ ได้มีการพิจารณาญัตติปากเปล่า เรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่นายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ มารับฟังข้อเสนอ และชี้แจง
นายธเนศ อภิปรายว่าปัญหาไทย-กัมพูชาเริ่มตึงเครียดตั้งแต่ช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชา และทางไทยได้ตัดความสัมพันธ์ทุกด้าน ต่อมายังมีการชุมนุมทางการเมืองของไทย ที่เอาปัญหาภายในไปพาดพึงถึงปัญหาระหว่างประเทศ รัฐบาลต้องแก้ไข และรมว.ต่างประเทศ ยังได้เปลี่ยนสนามการค้า ให้เป็นสนามรบ ส่วนทางไทยได้ถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อน ทำให้เกิดปัญหามาก ชาวบ้านในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ เดือดร้อน เข้าไปหาของป่าไม่ได้ ขอให้รัฐบาลแก้ไขเรื่องนี้ และอยากให้ระดับหัวหน้ารัฐบาล 2 ประเทศได้เจรจากันเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ใช่ส่งนายกษิต ที่ทางกัมพูชาไม่อยากคุยด้วย ไปเจรจา
จากนั้นมี ส.ส.ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัดที่มีเขตแดนติดกัมพูชา จากพรรคต่างๆ ผลัดกันลุกขึ้นอภิปราย โดยเรียกร้องให้รัฐบาลต้องเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหานี้ นายสาธิต เทพวงศ์ศิริรัตน์ ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า หากนายกฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า รมว.ต่างประเทศ เป็นปัญหาส่วนหนึ่งขอให้พิจารณาเปลี่ยนได้ เพราะมีคนที่มีความสามารถอีกเยอะที่เป็นได้ จะได้ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
เหลิมโยงปัญหามาจากรัฐบาลต้านแม้ว
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ปัญหาไทย-กัมพูชา เกิดจาก 1. นายกฯกัมพูชาตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษา เป็นเรื่องของกัมพูชาที่ไทยไม่ควรไปยุ่ง แต่ไทยกลับไปต่อว่ากัมพูชารุนแรง
2. นายกษิต เป็นตัวปัญหา หากยังเป็นรมว.ต่างประเทศ ไม่มีทางให้สัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไปสู่จุดที่ดีขึ้น หากใช้นายสุเทพ ไปเจรจาจะดีกว่า ดังนั้นนายกฯ ต้องกักบริเวณนายกษิต อย่าให้ไปกัมพูชา และอย่าให้สัมภาษณ์
3. กรณีวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ เมื่อปี 41 ฝ่ายทหารขอให้ประท้วง แต่รัฐบาลไทยขณะนั้นคือ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ประท้วง พอปี 43 เอ็มโอยู เกิดขึ้น จึงมีปัญหา ประท้วงไม่ได้แล้ว
4. กรณี 7 คนไทยโดนจับทั้งที่เจ้าหน้าที่ไทยก็เตือนแล้วว่า อย่าเข้าไป 1 ในจำนวนนั้นมีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์เข้าไปด้วย แถมบอกว่า เรื่องนี้นายกฯรู้คนเดียว แล้วฝ่ายกัมพูชาจะคิดอย่างไร นี่คือความผิดพลาด
จวกไทยรบแบบเล่นปาหี่
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การสู้รบของไทย-กัมพูชา เหมือนปาหี่ทางการเมือง เนื่องจากเราไม่ยอมปิดพรมแดน คือยังเปิดช่องทางส่งกำลังบำรุงให้กับกัมพูชา ทั้งที่ความจริงแล้วเราต้องปิด เพื่อตัดช่องทางส่งกำลังบำรุงต่างๆโดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งเป็นยุทธปัจจัยที่ใช้ในการสู้รบ แต่นี่เราไม่ทำ มิหนำซ้ำกระทรวงพลังงาน ยังออกมาพูดว่า หากปิดพรมแดนและไม่ส่งน้ำมันไป ไทยก็จะศูนย์เสียรายได้ประมาณ 3 ล้านบาท ซึ่งถ้าเอามาเปรียบเทียบกันแล้วหากเรายังส่งน้ำมันให้เขา เพื่อให้เขาไปเติมอาวุธยุทโธปกรณ์มายิงเรา ทำให้ทหารบาดเจ็บ ล้มตาย ประชนได้รับความเดือดร้อน มันจะเสียหายมากกว่าเงินจำนวนแค่ 3 ล้าน
เมื่อถามว่าการที่สมเด็จฮุนเซ็นได้เรียกร้องต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชา ชาติ (ยูเอ็นเอชซี) เพื่อให้ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพยูเอ็นเข้ามาช่วยเหลือนั้นจะส่งผลกระทบกับ ประเทศไทยหรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า มีผลอย่างแน่นอนเพราะกัมพูชาเก่งเรื่องต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมากัมพูชาก็เคยเป็นเมืองขึ้นของประเทศฝรั่งเศสมาก่อน ซึ่งคณะกรรมการบางคนในยูเอ็นก็เป็นคนฝรั่งเศส และจะทำให้กัมพูชาได้เปรียบใน ส่วนนี้ เราก็จะเสียเปรียบเขา โดยเฉพาะนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศของเรา ก็ทำงานไม่ได้เรื่อง เปรียบเหมือนคนวิกลจริต ปัญหาอะไรที่ใหญ่ๆ กลับไม่ทำ ทำแต่ปัญหาเล็กๆ และทุกครั้งที่มีการปะทะกัน เราก็จะต้องเป็นฝ่ายขอร้องเขาตลอด
ยุ "ประยุทธ์" ปฏิวัติ
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวถึงแนวทางแก้ปัญหาว่า ว่า รัฐบาลต้องให้อำนาจกองทัพในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยที่รัฐบาลไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งอาจจะหมายความถึงการประกาศกฎอัยการศึก เพราะตามอำนาจ ผบ.ทบ. มีอำนาจที่จะประกาศกฎอัยการศึก และคุมอำนาจทั้งหมด ให้การเมืองลงมาอยู่ด้านล่าง เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เกิดความไม่สงบ นอกจากนี้ยังมองว่าการปฏิวัติ ก็น่าจะเป็นอีกทางหนึ่ง ที่จะทำให้สถานการณ์ บ้านเมืองตอนนี้คลี่คลาย และสงบลง
ทหารเขมรยอมรับตายมากกว่าที่รบ.แถลง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าวโดยอ้างทหารกัมพูชา 3 คนให้สัมภาษณ์ระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตของฝ่ายกัมพูชาจากการปะทะกับฝ่ายไทยนั้น น่าจะสูงกว่าที่รัฐบาลเขมรระบุเอาไว้มาก ทหารเหล่านี้เปิดเผยโดยขอไม่ให้ระบุชื่อ เนื่องจากพวกเขาไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ที่จะให้ข่าว
“จำนวนคนตายและคนเจ็บมีมากกว่านั้นเยอะ ถ้าประชาชนได้รับรู้ก็จะต้องตื่นตระหนกทีเดียว” หนึ่งในทหารกัมพูชาเหล่านี้กล่าว พร้อมกับบอกต่อไปว่า รองผู้บังคับบัญชาของเขาก็ถูกสังหารในระหว่างเกิดการปะทะกันในวันอาทิตย์(6) เมื่อกระสุนปืนใหญ่ของฝ่ายไทยนัดหนึ่งตกลงมาในบริเวณใกล้ๆ กับหน่วยทหารของเขา อย่างไรก็ตาม คำพูดของทหารกัมพูชาเหล่านี้ ยังไม่สามารถหาคำยืนยันรับรองจากรัฐบาลกัมพูชาได้
ฮุนเซนบอกเลขาฯUNว่าไม่ใช่แค่'ปะทะกันด้วยอาวุธ'แต่เป็น'สงคราม'
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา กล่าววานนี้(9)ว่า ระหว่างที่เขาพูดคุยโทรศัพท์กับ บันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ เมื่อคืนวันอังคาร(8) เขาได้เรียกร้องให้ใช้กลไกของยูเอ็นแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็น “สงคราม”
“ผมบอกกับบันคีมุนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมาเหล่านี้ไม่ใช่การปะทะกันด้วยอาวุธนะ มันคือสงคราม” ฮุนเซนระบุในระหว่างกล่าวปราศรัยที่กรุงพนมเปญ เขาบอกว่า “สงครามนี้จำต้องได้รับการแก้ไขคลี่คลายโดยผ่านกลไกของสหประชาชาติ”
ฮุนเซนกล่าวว่า กัมพูชาไม่สนใจที่จะพบปะเจรจาแบบทวิภาคีกับฝ่ายไทยอีกต่อไปแล้ว “แต่เราจะยังคงทำการเจรจาอย่างสันติ” โดยที่มีฝ่ายที่สามเข้ามาร่วมวงด้วย เขาบอก