ASTVผู้จัดการรายวัน- พันธมิตรฯจี้เขมรปลดธงชาติลงจากวัดแก้วฯ ชูชัยชนะภาคปชช.ทำทหารไทยบีบเขมรทุบแผ่นหินประจานไทยบนพระวิหาร ชมแสนยานุภาพกองทัพยุติการละเมิดเอ็มโอยู แนะทหารกดดันแขมร์เลิกฉบับเก่าแล้วเขียนใหม่ฉบับ 2554 ล้างข้อบกพร่องเก่า จำลอง” ซัด “มาร์ค” ขู่สงครามหากเลิกเอ็มโอยูเรื่องโกหก “มาร์ค”เพิ่งคิดออก ไม่ยอม“ธงเขมร” ปักพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม.
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ปักหลักร่วมชุมนุมเป็นวันที่ 3 อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้า วานนี้ (27 ม.ค.) ได้มีการติดตั้งผ้าสเลนเพื่อบังแดดให้แก่ผู้ชุมนุม ตลอดแนวการชุมนุมตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานฯไปจนถึงแยกมิสกวัน
เวลา 10.00 น.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากการประเมินการชุมนุมใน 2 วันที่ผ่านมา ทางกลุ่มพึงพอใจทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพของผู้เข้าร่วมชุมนุม และเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา เราได้รับชัยชนะรายทางจากกรณีที่ทหารไทยได้ทำการกดดันทุบแผ่นหินที่กล่าวร้ายและประจานประเทศไทย บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ใกล้เคียงกับปราสาทเขาพระวิหาร เป็นชัยชนะของภาคประชาชนที่เป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องนี้ออกมา ซึ่งในช่วงแรกทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำต่างดูแคลนและเพิกเฉยต่อแผ่นหินดังกล่าว แต่หลังจากที่มีการเคลื่อนไหวโดยกลุ่มพันธมิตรฯเพียง 1 วัน ได้มีการกดดันจนกระทั่งแผ่นหินถูกทุบทิ้งไป
ทั้งนี้ จากชัยชนะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการกดดันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ MOU 2543 แต่อย่างใด แต่เกิดจากการสำแดงแสนยานุภาพทางการทหารที่อยู่นอกเหนือจาก MOU 2543 ไม่ว่าจะเป็นการสร้างป้ายที่ระบุว่า “ที่นี่ ประเทศไทย” และการที่ทหารไทยได้พกอาวุธประจำกายพร้อมที่จะปะทะ เพื่อหยุดยั้งการละเมิด MOU 2543 ของทางกัมพูชา แสดงให้เห็นว่าหนทางที่จะทำให้กัมพูชายุติการละเมิด MOU 2543 นั้นจำเป็นต้องใช้แสนยานุภาพทางการทหารนอกกติกามากกว่า MOU 2543 ทั้งยังพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการปะทะ และไม่มีสงคราม เหตุก็เพราะว่าไทยมีแสนยานุภาพทางการทหารสูงกว่ากัมพูชาอย่างเทียบไม่ได้ และจะทำให้ไทยสามารถกดดันให้เกิดการเจรจารอบใหม่โดยการยกเลิก MOU 2543 และทำข้อตกลงรอบใหม่ที่อาจใช้ชื่อว่า MOU 2554 ที่ลบล้างข้อบกพร่องใน MOU 2543 ทั้งหมด และทำให้เกิดความเป็นธรรมในการหาหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา
** จี้เขมรปลดธงลงจากวัดแก้วฯ
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า นอกเหนือจากแผ่นหินดังกล่าว ยังมีธงชาติกัมพูชาที่อยู่ในวัดแก้วสิกขาสวาระ โดยไม่มีธงชาติไทย เป็นการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชาเหนือดินแดนไทยอีกด้วย การดำเนินเฉพาะแผ่นหินที่เป็นข่าวนั้นไม่เพียงพอ รัฐบาลต้องเร่งผลักดันทั้งวัด ชุมชน และทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ แม้แต่ธงชาติกัมพูชาก็ต้องให้นำออกไปแล้วนำธงชาติไทยไปตั้ง เพราะพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ อยู่ใน 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทเขาพระวิหาร ถือเป็นพื้นที่ของไทย ไม่ใช้พื้นที่ของกัมพูชาหรือพื้นที่พิพาท รวมทั้งขอความคืบหน้าเกี่ยวกับ 2 คนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ในกัมพูชา
โดยในวันที่ 1 ก.พ.จะมีการพิพากษาในชั้นศาล โดยเหลือเวลาอีก 6 วันเท่านั้น ที่รัฐบาลไทยต้องปฏิบัติต่อทั้ง 2 คนในฐานะที่เป็นคนไทย และถูกจับกุมโดยทหารกัมพูชาอย่างไม่มีความชอบธรรม หลักฐานและพยานมีมากมายที่บอกว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทย ซึ่งกัมพูชาอพยพมาอาศัยพึ่งร่มพระโพธิสมภาร ดังนั้นรัฐบาลต้องทำให้กัมพูชาปล่อยตัวโดยไม่ยอมรับอำนาจศาลกัมพูชา ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยไทยอย่างร้ายแรง โดยใช้อานุภาพทางการทหารและการเจรจาทางการทูตควบคู่กันไป ไม่ปล่อยให้ซ้ำรอยกรณี 5 คนไทยที่ถูกตัดสินให้มีความผิด เพราะจะเท่ากับว่ารัฐบาลไม่ปฏิเสธในการยอมรับการใช้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชาในพื้นที่ของไทย อย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็น
นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กองทัพประสานงานให้นธงชาติกัมพูชาออกจากบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ หลังจากที่สามารถประสานงานให้กัมพูชาทุบแผ่นหินได้ ว่า เป็นเรื่องที่ควรทำมานานแล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาร่างบันทึกการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ของสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าว และได้เข้าไปในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ แต่กลับไม่ทักท้วงเรื่องธงชาติที่ตั้งอยู่ในซุ้มประตูวัด ส่วนแผ่นหินนั้นเป็นเพียงสัญลักษณ์ส่วนเดียว เพราะที่จริงมีทั้งวัด ชุมนุม ชาวกัมพูชา และทหาร รวมถึงธงชาติ โดยเฉพาะในแผนบริหารมรดกโลกพื้นที่วัดแก้วสิกขาฯซึ่งเป็นแผ่นดินของไทยจะถูกปรับให้เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและลานจอดรถ เพราะฉะนั้นการที่ทหารไทยถอยออกจากวัดแก้ว เป็นการถอนตัวออกจากจุดยุทธศาสตร์ที่กัใมพูชาจะใช้เป็นพื้นที่ในการสร้างถนนขึ้นสู่ตัวปราสาท โดยไม่สนใจประเทศไทย ดังนั้นการถอนกำลังทหารของไทยถือว่ามีผลสำคัญอยู่มาก รวมทั้งธงกัมพูชาที่ต้องนำลงมาในทันที และทหารไทยต้องเข้าไปในพื้นที่และนำธงชาติไทยเข้าไปปักให้ได้
ในส่วนรูปแบบการชุมนุมในวันต่อๆไปของกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพกล่าวว่า จะมีการประเมินวันต่อวัน ซึ่งขณะนี้มีภาคประชาชนหลายภาคส่วนเคลื่อนไหวในประเด็นเขตแดนไทย-กัมพูชา นอกเหนือจากการไปยื่นฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังทราบมาว่ามีบางกลุ่มจะเดินไปยังพื้นที่ จ.สระแก้ว ที่ 7 คนไทยถูกจับกุม
เมื่อถามว่าการไปพื้นที่ จ.สระแก้ว ของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติจะสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งขึ้นอีกหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ทราบเพียงว่าจะมีการเดินทางไป เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพื้นที่
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวเสริมว่า ตนได้พูดมาตลอดว่านายกฯรัฐมนตรีอย่าใช้กำลังทหารเพียงแค่จัดวันเด็กและในการสวนสนามเท่านั้น แต่ต้องใช้แสนยานุภาพที่เหนือกว่ากัมพูชาเป็นอำนาจในการต่อรอง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องไปทำร้ายทำลายซึ่งกันและกัน เพียงแค่แสดงทุกวิถีทางว่าเราไม่ยอม และต้องทำความเข้าใจระหว่างคำว่าปะทะกับสงคราม ซึ่งการปะทะนั้นเป็นการรบกันเล็กน้อยตามตะเข็บชายแดน ในปัจจุบันก็มีเกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนสงครามนั้นเป็นการรบที่อาศัยแสนยานุภาพในการถล่มทลายกัน
“สิ่งที่รัฐบาลมาพูดกับประชาชนว่าหากยกเลิก MOU 2543 จะทำให้เกิดสงครามนั้นจึงเป็นคำพูดที่โกหก” พล.ต.จำลอง กล่าว
ส่วน นายประพันธ์ กล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวของหลายกลุ่มนั้น เนื่องจากเป็นความร้อนใจต่อการสูญเสียอำนาจอธิปไตย ในขณะที่รัฐบาลกลับไม่ทำอะไรเลย
**“มาร์ค”ขึงขังฟ้องมรดกโลกถ้าไม่เอาธงลง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาธงชาติของกัมพูชาที่เป็นข่าวว่า ว่า ถ้ามีก็คงจะต้องเอาลง ยกตัวอย่าง กรณีพื้นที่ที่คนไทย 7 คนถูกจับกุม บริเวณนั้นก็เคยมีปัญหาเรื่องการชักธง ก็บอกไม่ได้ ซึ่งเป็นแนวที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว และยังไม่ทราบว่ามีเรื่องปักธงตรงไหนอย่างไร
เมื่อถามว่า ผลที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาจะนำไปใช้ประโยชน์ในเวทีมรดกโลกอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องรายงานให้ทางคณะกรรมการมรดกโลกเห็นว่า หากเดินหน้าบริหารจัดการพื้นที่ตรงนี้ มีแต่จะทำให้เกิดความตรึงเครียด ความขัดแย้ง ความรุนแรง ซึ่งตรงกันข้ามกับวัตถุประสงค์ของการมีอยู่ของคณะกรรมการมรดกโลก
**“เทือก” ดีใจ “คุณพ่อเขมร” ปลดป้าย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ต้องขอบคุณ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ที่พยายามพูดคุยกับผู้บังคับการกองกำลังของกัมพูชา จนทำให้มีการทุบป้ายที่สร้างความไม่สบายใจให้กับประชาชนตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี จะได้ไม่เป็นเงื่อนไขหรือประเด็นมาให้วิพากษ์วิจารณ์อีก
เมื่อถามถึงการตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดน นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่มีการเพิ่ม เพราะไม่ต้องการให้เกิดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน ปัญหาต่างๆ ต้องหาวิธีพูดคุย ใครกระหายอยากให้รบถือว่าคิดผิด เพราะสร้างแต่ความเสียหาย และไม่มีที่ใดทำกัน ทั้งนี้ กองทัพไทยมีศักยภาพเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ในการปกป้องอธิปไตยของไทย อย่าได้วิตกกังวลหรือหวั่นไหว ขอให้มั่นใจในกองทัพไทย
**ปัดชิงไหวพริบลากยาวประชุม “ยูเนสโก้”
เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าปัญหาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาจะลากยาวไปจนถึงการประชุมยูเนสโก้ ถือว่าเป็นการคอยชิงไหว ชิงพริบนายสุเทพ กล่าวว่า เราไม่ถือเป็นเรื่องการชิงไหวชิงพริบ เราพยายามพิจารณาว่าประเทศที่มีชายแดนติดต่อกันมีปัญหากระทบกระทั่งด้วยกันทั้งนั้น แต่ต้องหาทางคลี่คลาย ไม่มุ่งเอาแพ้ เอาชนะกัน
เมื่อถามว่า มีการต่อสายตรงระหว่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กับพล.อ.เตีย บัน รองนายกฯและรมว.กลาโหม กัมพูชา เพื่อเจรจาลดความขัดแย้งประเด็นปราสาทพระวิหาร นายสุเทพ กล่าวว่า เราพยายามใช้ทุกสายทางที่จะทำให้มีความเข้าใจที่ดีต่อกัน ต่างคนต่างช่วยทำ เมื่อถามด้วยว่า ทางการกัมพูชายืนยันกับรัฐบาลไทยหรือไม่ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปคาดคั้นแบบนั้น เมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไข
**เทือกพร้อมรับถูกยื่นถอดถอน
เมื่อถามว่า ทั้งนายสนธิ ลิ้มทองกุล และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันจะขุดเรื่องการทุจริตของรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา รัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย ถ้ามีประเด็นอะไรที่ยกมาพูดคุยแล้วทำให้ประชาชนสับสน รัฐบาลพร้อมที่จะหาหลักฐานมาชี้แจง เมื่อถามอีกว่า เบื้องต้นทางกลุ่มพันธมิตรฯ เตรียมฟ้องนายกฯและรัฐบาล ในข้อหาทำให้สูญเสียดินแดนและอธิปไตย นายสุเทพ กล่าวว่า เราปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกา ถ้ายื่นถอดถอนมาก็เข้ากฎ เกณฑ์ กติกา ตนพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาอยู่แล้ว ต่อข้อถามที่ว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะยึดหลักดาวกระจาย จะมีการร้องขอหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ค่อยๆดู อย่าไปถามดักหน้า พอเกิดเหตุแล้วมาเรียนให้ทราบ
**เผาไทยสะเออะต้องแก้ระดับผู้นำ
นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยและในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยอยากให้รัฐบาลทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างเป็นทางการระดับผู้นำ เพื่อให้เกิดแนวทางที่ชัดเจนในการเจรจาแก้ไขปัญหากรณีพระวิหารและอีกหลายเรื่อง แต่ไม่เห็นด้วยที่กระทรวงการต่างประเทศจะออกสมุดปกขาวจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์สองประเทศแย่ลงไป ควรคำนึงถึงความละเอียดอ่อนในการดำเนินการมากกว่านี้เพราะสถานการณ์ไปไกลเกินกว่าจะมาคิดออกสมุดปกขาว
ส่วนที่กัมพูชามีการปักธงชาติกัมพูชาบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาราซึ่งเป็นพื้นที่ ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างสองประเทศในปัญหาพื้นที่ทับซ้อน4.6 ตร.กม.นั้น นายต่อพงษ์ ตอบว่าส่วนตัวไม่เห็นด้วยเพราะเป็นพื้นที่ข้อพิพาท แต่หากเป็นพื้นที่ที่บนพระวิหาร ก็ทำได้ เพราะเป็นพื้นที่ของกัมพูชา
**"จำลอง"เชื่อรบ.ไม่กล้ามาคุย เหตุเหลวตลอด
เวลา 10.00 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯกล่าวถึงกระแสข่าวที่ทางรัฐบาลพยายามประสานงานเพื่อพูดคุยกับแกนนำพันธมิตรฯว่า ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมา ซึ่งคาดว่านายกฯอภิสิทธิ์คงไม่ติดต่อมา เพราะเคยพยายามมาแล้วหลายครั้ง ในความเป็นจริงถึงตอนนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงของการเจรจา แต่เป็นช่วงที่รัฐบาลต้องปฏิบัติแล้ว แต่หากฝ่ายรัฐบาลยืนยันว่ามีช่องทางเจรจาก็ให้ติดต่อมา แต่เราไม่สามารถตัดสินใจกันเองได้ ต้องมีการประชุมและถามความเห็นของพี่น้องพันธมิตรฯที่เข้าร่วมชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากรัฐบาลเริ่มดำเนินการผลักดันกัมพูชาออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ประเทศไทยซึ่งเป็น 1 ใน 3 ข้อเสนอ กลุ่มพันธมิตรฯจะยุติการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.จำลอง ตอบปฏิเสธว่า ไม่มีทาง เพราะเป้าหมายของเราไม่ใช่ข้อเดียว ต้องทำทั้ง 3 ข้อควบคู่กันไป ที่สามารถทำได้นานแล้ว อย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์หรือนายสุเทพออกมาตอบโต้ว่าไม่สามารถทำได้นั้น ก็มีข้อเท็จจริงและข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่าสามารถทำได้
พล.ต.จำลอง ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เตรียมเสนอรัฐบาลให้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯว่า ขอบอกว่าพวกเราไม่กลัว หากกลัวก็คงไม่ออกมา เพราะเราได้ประกาศชุมนุมตั้งแต่ก่อนการประกาศเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯเสียอีก เนื่องจากสถานการณ์ถึงที่สุดแล้วที่ประชาชนต้องออกมาสู้เพื่อปกป้องแผ่นดิน และหนทางที่รัฐธรรมนูญให้สิทธิไว้คือ การชุมนุมโดยปราศจากเพื่อกดดันให้รัฐบาลทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของประเทศ
“หากตำรวจจะมาจับพวกเราก็มาได้เลย เพราะจับไปก็มีเวลาได้ออก แต่ถ้าไม่ทำอะไร ก็ต้องเสียดินแดน ซึ่งเสียแล้วเสียเลย ฝากไปถึง พล.ต.อ.วิเชียรว่าในฐานะตำรวจที่อยู่ในราชการ นอกจากมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประชาชนแล้ว ยังมีหน้าที่ในการร่วมปกป้องดินแดนอีกด้วย แต่กลับออกมาพูดข่มขู่ประชาชน” พล.ต.จำลอง กล่าว
**ทูตมะกันหวังประท้วงตามแนวสันติ
เมื่อเวลา 15.30 น. นางเคนนีย์ คริสตี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยแลกเปลี่ยนทางการเมืองเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยว่า ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนั้น พูดคุยกันแต่เรื่องสุขภาพเท่านั้น เมื่อถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการชุมนุมในขณะนี้หรือไม่ นางเคนนีย์ กล่าวว่า การประท้วงอย่างสันติเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าพวกเราอาศัยอยู่ในโลกประชาธิปไตย การประท้วงอย่างสันติก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย
**ศาลให้ประกัน"ไชยวัฒน์-สมบูรณ์"
เมื่อเวลา 15. 30 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติผู้ต้องหาคดี ร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 2 ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 800,000 บาท ซึ่งศาลพิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้อหาทั้ง 2 โดยตีราคาประกัน สำหรับนายไชยวัฒน์ มูลค่า 600,000 บาท และ นายสมบูรณ์ มูลค่า 200,000 บาท
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) ปักหลักร่วมชุมนุมเป็นวันที่ 3 อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเช้า วานนี้ (27 ม.ค.) ได้มีการติดตั้งผ้าสเลนเพื่อบังแดดให้แก่ผู้ชุมนุม ตลอดแนวการชุมนุมตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานฯไปจนถึงแยกมิสกวัน
เวลา 10.00 น.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากการประเมินการชุมนุมใน 2 วันที่ผ่านมา ทางกลุ่มพึงพอใจทั้งในแง่ของปริมาณและคุณภาพของผู้เข้าร่วมชุมนุม และเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา เราได้รับชัยชนะรายทางจากกรณีที่ทหารไทยได้ทำการกดดันทุบแผ่นหินที่กล่าวร้ายและประจานประเทศไทย บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ใกล้เคียงกับปราสาทเขาพระวิหาร เป็นชัยชนะของภาคประชาชนที่เป็นผู้เปิดประเด็นเรื่องนี้ออกมา ซึ่งในช่วงแรกทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำต่างดูแคลนและเพิกเฉยต่อแผ่นหินดังกล่าว แต่หลังจากที่มีการเคลื่อนไหวโดยกลุ่มพันธมิตรฯเพียง 1 วัน ได้มีการกดดันจนกระทั่งแผ่นหินถูกทุบทิ้งไป
ทั้งนี้ จากชัยชนะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าการกดดันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ MOU 2543 แต่อย่างใด แต่เกิดจากการสำแดงแสนยานุภาพทางการทหารที่อยู่นอกเหนือจาก MOU 2543 ไม่ว่าจะเป็นการสร้างป้ายที่ระบุว่า “ที่นี่ ประเทศไทย” และการที่ทหารไทยได้พกอาวุธประจำกายพร้อมที่จะปะทะ เพื่อหยุดยั้งการละเมิด MOU 2543 ของทางกัมพูชา แสดงให้เห็นว่าหนทางที่จะทำให้กัมพูชายุติการละเมิด MOU 2543 นั้นจำเป็นต้องใช้แสนยานุภาพทางการทหารนอกกติกามากกว่า MOU 2543 ทั้งยังพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการปะทะ และไม่มีสงคราม เหตุก็เพราะว่าไทยมีแสนยานุภาพทางการทหารสูงกว่ากัมพูชาอย่างเทียบไม่ได้ และจะทำให้ไทยสามารถกดดันให้เกิดการเจรจารอบใหม่โดยการยกเลิก MOU 2543 และทำข้อตกลงรอบใหม่ที่อาจใช้ชื่อว่า MOU 2554 ที่ลบล้างข้อบกพร่องใน MOU 2543 ทั้งหมด และทำให้เกิดความเป็นธรรมในการหาหลักเขตแดนไทย-กัมพูชา
** จี้เขมรปลดธงลงจากวัดแก้วฯ
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า นอกเหนือจากแผ่นหินดังกล่าว ยังมีธงชาติกัมพูชาที่อยู่ในวัดแก้วสิกขาสวาระ โดยไม่มีธงชาติไทย เป็นการสำแดงอธิปไตยของกัมพูชาเหนือดินแดนไทยอีกด้วย การดำเนินเฉพาะแผ่นหินที่เป็นข่าวนั้นไม่เพียงพอ รัฐบาลต้องเร่งผลักดันทั้งวัด ชุมชน และทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ แม้แต่ธงชาติกัมพูชาก็ต้องให้นำออกไปแล้วนำธงชาติไทยไปตั้ง เพราะพื้นที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ อยู่ใน 4.6 ตร.กม.รอบปราสาทเขาพระวิหาร ถือเป็นพื้นที่ของไทย ไม่ใช้พื้นที่ของกัมพูชาหรือพื้นที่พิพาท รวมทั้งขอความคืบหน้าเกี่ยวกับ 2 คนไทยที่ถูกคุมขังอยู่ในกัมพูชา
โดยในวันที่ 1 ก.พ.จะมีการพิพากษาในชั้นศาล โดยเหลือเวลาอีก 6 วันเท่านั้น ที่รัฐบาลไทยต้องปฏิบัติต่อทั้ง 2 คนในฐานะที่เป็นคนไทย และถูกจับกุมโดยทหารกัมพูชาอย่างไม่มีความชอบธรรม หลักฐานและพยานมีมากมายที่บอกว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของไทย ซึ่งกัมพูชาอพยพมาอาศัยพึ่งร่มพระโพธิสมภาร ดังนั้นรัฐบาลต้องทำให้กัมพูชาปล่อยตัวโดยไม่ยอมรับอำนาจศาลกัมพูชา ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยไทยอย่างร้ายแรง โดยใช้อานุภาพทางการทหารและการเจรจาทางการทูตควบคู่กันไป ไม่ปล่อยให้ซ้ำรอยกรณี 5 คนไทยที่ถูกตัดสินให้มีความผิด เพราะจะเท่ากับว่ารัฐบาลไม่ปฏิเสธในการยอมรับการใช้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชาในพื้นที่ของไทย อย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็น
นายปานเทพ กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กองทัพประสานงานให้นธงชาติกัมพูชาออกจากบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ หลังจากที่สามารถประสานงานให้กัมพูชาทุบแผ่นหินได้ ว่า เป็นเรื่องที่ควรทำมานานแล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาร่างบันทึกการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ของสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางไปสำรวจพื้นที่ดังกล่าว และได้เข้าไปในวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ แต่กลับไม่ทักท้วงเรื่องธงชาติที่ตั้งอยู่ในซุ้มประตูวัด ส่วนแผ่นหินนั้นเป็นเพียงสัญลักษณ์ส่วนเดียว เพราะที่จริงมีทั้งวัด ชุมนุม ชาวกัมพูชา และทหาร รวมถึงธงชาติ โดยเฉพาะในแผนบริหารมรดกโลกพื้นที่วัดแก้วสิกขาฯซึ่งเป็นแผ่นดินของไทยจะถูกปรับให้เป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวและลานจอดรถ เพราะฉะนั้นการที่ทหารไทยถอยออกจากวัดแก้ว เป็นการถอนตัวออกจากจุดยุทธศาสตร์ที่กัใมพูชาจะใช้เป็นพื้นที่ในการสร้างถนนขึ้นสู่ตัวปราสาท โดยไม่สนใจประเทศไทย ดังนั้นการถอนกำลังทหารของไทยถือว่ามีผลสำคัญอยู่มาก รวมทั้งธงกัมพูชาที่ต้องนำลงมาในทันที และทหารไทยต้องเข้าไปในพื้นที่และนำธงชาติไทยเข้าไปปักให้ได้
ในส่วนรูปแบบการชุมนุมในวันต่อๆไปของกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพกล่าวว่า จะมีการประเมินวันต่อวัน ซึ่งขณะนี้มีภาคประชาชนหลายภาคส่วนเคลื่อนไหวในประเด็นเขตแดนไทย-กัมพูชา นอกเหนือจากการไปยื่นฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังทราบมาว่ามีบางกลุ่มจะเดินไปยังพื้นที่ จ.สระแก้ว ที่ 7 คนไทยถูกจับกุม
เมื่อถามว่าการไปพื้นที่ จ.สระแก้ว ของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติจะสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งขึ้นอีกหรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า ทราบเพียงว่าจะมีการเดินทางไป เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพื้นที่
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวเสริมว่า ตนได้พูดมาตลอดว่านายกฯรัฐมนตรีอย่าใช้กำลังทหารเพียงแค่จัดวันเด็กและในการสวนสนามเท่านั้น แต่ต้องใช้แสนยานุภาพที่เหนือกว่ากัมพูชาเป็นอำนาจในการต่อรอง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าต้องไปทำร้ายทำลายซึ่งกันและกัน เพียงแค่แสดงทุกวิถีทางว่าเราไม่ยอม และต้องทำความเข้าใจระหว่างคำว่าปะทะกับสงคราม ซึ่งการปะทะนั้นเป็นการรบกันเล็กน้อยตามตะเข็บชายแดน ในปัจจุบันก็มีเกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนสงครามนั้นเป็นการรบที่อาศัยแสนยานุภาพในการถล่มทลายกัน
“สิ่งที่รัฐบาลมาพูดกับประชาชนว่าหากยกเลิก MOU 2543 จะทำให้เกิดสงครามนั้นจึงเป็นคำพูดที่โกหก” พล.ต.จำลอง กล่าว
ส่วน นายประพันธ์ กล่าวว่า การออกมาเคลื่อนไหวของหลายกลุ่มนั้น เนื่องจากเป็นความร้อนใจต่อการสูญเสียอำนาจอธิปไตย ในขณะที่รัฐบาลกลับไม่ทำอะไรเลย
**“มาร์ค”ขึงขังฟ้องมรดกโลกถ้าไม่เอาธงลง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาธงชาติของกัมพูชาที่เป็นข่าวว่า ว่า ถ้ามีก็คงจะต้องเอาลง ยกตัวอย่าง กรณีพื้นที่ที่คนไทย 7 คนถูกจับกุม บริเวณนั้นก็เคยมีปัญหาเรื่องการชักธง ก็บอกไม่ได้ ซึ่งเป็นแนวที่ต้องปฏิบัติอยู่แล้ว และยังไม่ทราบว่ามีเรื่องปักธงตรงไหนอย่างไร
เมื่อถามว่า ผลที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาจะนำไปใช้ประโยชน์ในเวทีมรดกโลกอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องรายงานให้ทางคณะกรรมการมรดกโลกเห็นว่า หากเดินหน้าบริหารจัดการพื้นที่ตรงนี้ มีแต่จะทำให้เกิดความตรึงเครียด ความขัดแย้ง ความรุนแรง ซึ่งตรงกันข้ามกับวัตถุประสงค์ของการมีอยู่ของคณะกรรมการมรดกโลก
**“เทือก” ดีใจ “คุณพ่อเขมร” ปลดป้าย
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ต้องขอบคุณ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ที่พยายามพูดคุยกับผู้บังคับการกองกำลังของกัมพูชา จนทำให้มีการทุบป้ายที่สร้างความไม่สบายใจให้กับประชาชนตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี จะได้ไม่เป็นเงื่อนไขหรือประเด็นมาให้วิพากษ์วิจารณ์อีก
เมื่อถามถึงการตรึงกำลังทหารบริเวณชายแดน นายสุเทพกล่าวว่า ยังไม่มีการเพิ่ม เพราะไม่ต้องการให้เกิดความตึงเครียดในพื้นที่ชายแดน ปัญหาต่างๆ ต้องหาวิธีพูดคุย ใครกระหายอยากให้รบถือว่าคิดผิด เพราะสร้างแต่ความเสียหาย และไม่มีที่ใดทำกัน ทั้งนี้ กองทัพไทยมีศักยภาพเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ในการปกป้องอธิปไตยของไทย อย่าได้วิตกกังวลหรือหวั่นไหว ขอให้มั่นใจในกองทัพไทย
**ปัดชิงไหวพริบลากยาวประชุม “ยูเนสโก้”
เมื่อถามว่า ประเมินหรือไม่ว่าปัญหาเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชาจะลากยาวไปจนถึงการประชุมยูเนสโก้ ถือว่าเป็นการคอยชิงไหว ชิงพริบนายสุเทพ กล่าวว่า เราไม่ถือเป็นเรื่องการชิงไหวชิงพริบ เราพยายามพิจารณาว่าประเทศที่มีชายแดนติดต่อกันมีปัญหากระทบกระทั่งด้วยกันทั้งนั้น แต่ต้องหาทางคลี่คลาย ไม่มุ่งเอาแพ้ เอาชนะกัน
เมื่อถามว่า มีการต่อสายตรงระหว่างพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กับพล.อ.เตีย บัน รองนายกฯและรมว.กลาโหม กัมพูชา เพื่อเจรจาลดความขัดแย้งประเด็นปราสาทพระวิหาร นายสุเทพ กล่าวว่า เราพยายามใช้ทุกสายทางที่จะทำให้มีความเข้าใจที่ดีต่อกัน ต่างคนต่างช่วยทำ เมื่อถามด้วยว่า ทางการกัมพูชายืนยันกับรัฐบาลไทยหรือไม่ว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปคาดคั้นแบบนั้น เมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไข
**เทือกพร้อมรับถูกยื่นถอดถอน
เมื่อถามว่า ทั้งนายสนธิ ลิ้มทองกุล และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ยืนยันจะขุดเรื่องการทุจริตของรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา รัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย ถ้ามีประเด็นอะไรที่ยกมาพูดคุยแล้วทำให้ประชาชนสับสน รัฐบาลพร้อมที่จะหาหลักฐานมาชี้แจง เมื่อถามอีกว่า เบื้องต้นทางกลุ่มพันธมิตรฯ เตรียมฟ้องนายกฯและรัฐบาล ในข้อหาทำให้สูญเสียดินแดนและอธิปไตย นายสุเทพ กล่าวว่า เราปฏิบัติตามกฎเกณฑ์กติกา ถ้ายื่นถอดถอนมาก็เข้ากฎ เกณฑ์ กติกา ตนพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาอยู่แล้ว ต่อข้อถามที่ว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะยึดหลักดาวกระจาย จะมีการร้องขอหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ค่อยๆดู อย่าไปถามดักหน้า พอเกิดเหตุแล้วมาเรียนให้ทราบ
**เผาไทยสะเออะต้องแก้ระดับผู้นำ
นายต่อพงษ์ ไชยสาสน์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทยและในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยอยากให้รัฐบาลทั้งสองได้พูดคุยกันอย่างเป็นทางการระดับผู้นำ เพื่อให้เกิดแนวทางที่ชัดเจนในการเจรจาแก้ไขปัญหากรณีพระวิหารและอีกหลายเรื่อง แต่ไม่เห็นด้วยที่กระทรวงการต่างประเทศจะออกสมุดปกขาวจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์สองประเทศแย่ลงไป ควรคำนึงถึงความละเอียดอ่อนในการดำเนินการมากกว่านี้เพราะสถานการณ์ไปไกลเกินกว่าจะมาคิดออกสมุดปกขาว
ส่วนที่กัมพูชามีการปักธงชาติกัมพูชาบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาราซึ่งเป็นพื้นที่ ที่เป็นข้อพิพาทระหว่างสองประเทศในปัญหาพื้นที่ทับซ้อน4.6 ตร.กม.นั้น นายต่อพงษ์ ตอบว่าส่วนตัวไม่เห็นด้วยเพราะเป็นพื้นที่ข้อพิพาท แต่หากเป็นพื้นที่ที่บนพระวิหาร ก็ทำได้ เพราะเป็นพื้นที่ของกัมพูชา
**"จำลอง"เชื่อรบ.ไม่กล้ามาคุย เหตุเหลวตลอด
เวลา 10.00 น.พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯกล่าวถึงกระแสข่าวที่ทางรัฐบาลพยายามประสานงานเพื่อพูดคุยกับแกนนำพันธมิตรฯว่า ขณะนี้ยังไม่มีการติดต่อมา ซึ่งคาดว่านายกฯอภิสิทธิ์คงไม่ติดต่อมา เพราะเคยพยายามมาแล้วหลายครั้ง ในความเป็นจริงถึงตอนนี้ไม่ได้อยู่ในช่วงของการเจรจา แต่เป็นช่วงที่รัฐบาลต้องปฏิบัติแล้ว แต่หากฝ่ายรัฐบาลยืนยันว่ามีช่องทางเจรจาก็ให้ติดต่อมา แต่เราไม่สามารถตัดสินใจกันเองได้ ต้องมีการประชุมและถามความเห็นของพี่น้องพันธมิตรฯที่เข้าร่วมชุมนุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากรัฐบาลเริ่มดำเนินการผลักดันกัมพูชาออกจากพื้นที่ 4.6 ตร.กม. ประเทศไทยซึ่งเป็น 1 ใน 3 ข้อเสนอ กลุ่มพันธมิตรฯจะยุติการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.จำลอง ตอบปฏิเสธว่า ไม่มีทาง เพราะเป้าหมายของเราไม่ใช่ข้อเดียว ต้องทำทั้ง 3 ข้อควบคู่กันไป ที่สามารถทำได้นานแล้ว อย่างที่นายกฯอภิสิทธิ์หรือนายสุเทพออกมาตอบโต้ว่าไม่สามารถทำได้นั้น ก็มีข้อเท็จจริงและข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่าสามารถทำได้
พล.ต.จำลอง ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เตรียมเสนอรัฐบาลให้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯว่า ขอบอกว่าพวกเราไม่กลัว หากกลัวก็คงไม่ออกมา เพราะเราได้ประกาศชุมนุมตั้งแต่ก่อนการประกาศเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯเสียอีก เนื่องจากสถานการณ์ถึงที่สุดแล้วที่ประชาชนต้องออกมาสู้เพื่อปกป้องแผ่นดิน และหนทางที่รัฐธรรมนูญให้สิทธิไว้คือ การชุมนุมโดยปราศจากเพื่อกดดันให้รัฐบาลทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของประเทศ
“หากตำรวจจะมาจับพวกเราก็มาได้เลย เพราะจับไปก็มีเวลาได้ออก แต่ถ้าไม่ทำอะไร ก็ต้องเสียดินแดน ซึ่งเสียแล้วเสียเลย ฝากไปถึง พล.ต.อ.วิเชียรว่าในฐานะตำรวจที่อยู่ในราชการ นอกจากมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของประชาชนแล้ว ยังมีหน้าที่ในการร่วมปกป้องดินแดนอีกด้วย แต่กลับออกมาพูดข่มขู่ประชาชน” พล.ต.จำลอง กล่าว
**ทูตมะกันหวังประท้วงตามแนวสันติ
เมื่อเวลา 15.30 น. นางเคนนีย์ คริสตี้ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการพูดคุยแลกเปลี่ยนทางการเมืองเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทยว่า ไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนั้น พูดคุยกันแต่เรื่องสุขภาพเท่านั้น เมื่อถามว่าเป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการชุมนุมในขณะนี้หรือไม่ นางเคนนีย์ กล่าวว่า การประท้วงอย่างสันติเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าพวกเราอาศัยอยู่ในโลกประชาธิปไตย การประท้วงอย่างสันติก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตย
**ศาลให้ประกัน"ไชยวัฒน์-สมบูรณ์"
เมื่อเวลา 15. 30 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติผู้ต้องหาคดี ร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง โดยทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 2 ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด คนละ 800,000 บาท ซึ่งศาลพิเคราะห์คำร้องและหลักทรัพย์แล้ว อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ผู้ต้อหาทั้ง 2 โดยตีราคาประกัน สำหรับนายไชยวัฒน์ มูลค่า 600,000 บาท และ นายสมบูรณ์ มูลค่า 200,000 บาท