นางเสาวนีย์ กมลบุตร รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ธนาคารทหารไทย (TMB) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวกลุ่มไอเอ็นจีจะถอนตัวจากการถือหุ้นธนาคาร หลังธนาคารไอซีบีซีจากประเทศจีนและธนาคารซีไอเอ็มบีจากประเทศมาเลเซียเจรจาซื้อหุ้นของธนาคารทหารไทยจากกระทรวงการคลังนั้น ยืนยันว่ากลุ่มไอเอ็นจีไม่มีแนวคิดจะถอนตัวจากการถือหุ้นธนาคารทหารไทยแต่อย่างใด และยังสนใจซื้อหุ้นเพิ่มจากกระทรวงการคลังด้วย ซึ่งในเรื่องดังกล่าวก็มีการเจรจากันมาต่อเนื่อง และยังไม่มีการเจรจากับนักลงทุนรายอื่นแต่อย่างใด
"ตอนนี้เราคุยกับไอเอ็นจีเพียงรายเดียว ไม่ได้คุยกับใครไม่ว่าจะทั้งจากสถาบันการเงินจากจีนหรือมาเลเซีย เพราะตามข้อตกลง ถ้าเราจะขาย เราจะตกลงให้ไอเอ็นจีก่อน" นางเสาวนีย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การหารือกับกลุ่มไอเอ็นจียังไม่ได้มีการเจรจาเรื่องราคา ขณะเดียวกันแม้กระทรวงการคลังจะมีนโยบายขายหุ้น TMB ซึ่งไม่ใช่ยุทธศาสตร์หลัก แต่ไม่ได้เร่งรีบ เนื่องจากผลการดำเนินงานของธนาคารดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันแม้ปีนี้ภาวะตลาดหุ้น อาจชะลอลงจากปีก่อน ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นมีการสวิงบ้าง
นางเสาวนีย์กล่าวอีกว่า แผนดำเนินธุรกิจของธนาคารในปี 54 ธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อในลักษณะเชิงรุก (Aggressive)ที่ 14% แม้ในปี 53 การปล่อยสินเชื่อพลาดจากเป้าหมาย เนื่องจากเป็นปีที่ธนาคารต้องเร่งสะสางหนี้เก่าที่เป็นหนี้เสีย รวมถึงต้องหาสินเชื่อใหม่เพิ่มด้วย ซึ่งในปีนี้จะเน้นการปล่อยสินเชื่อในธุรกิจเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก แต่ก็ยังเดินหน้าปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่เช่นกัน ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตั้งเป้าลดลงเหลือ 7% โดยแนวทางหนึ่งอาจมีการขาย NPL ออกไปบ้าง แต่คงเป็นจำนวนไม่มากเท่าปีก่อน
ด้านความชัดเจนในการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในปี 2553 นั้น แม้ว่าธนาคารจะมีผลกำไรในระดับที่น่าพอใจ แต่ยังไม่มีวาระดังกล่าวในการประชุมคณะกรรมการธนาคารปลายเดือนนี้
"ตอนนี้เราคุยกับไอเอ็นจีเพียงรายเดียว ไม่ได้คุยกับใครไม่ว่าจะทั้งจากสถาบันการเงินจากจีนหรือมาเลเซีย เพราะตามข้อตกลง ถ้าเราจะขาย เราจะตกลงให้ไอเอ็นจีก่อน" นางเสาวนีย์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การหารือกับกลุ่มไอเอ็นจียังไม่ได้มีการเจรจาเรื่องราคา ขณะเดียวกันแม้กระทรวงการคลังจะมีนโยบายขายหุ้น TMB ซึ่งไม่ใช่ยุทธศาสตร์หลัก แต่ไม่ได้เร่งรีบ เนื่องจากผลการดำเนินงานของธนาคารดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันแม้ปีนี้ภาวะตลาดหุ้น อาจชะลอลงจากปีก่อน ซึ่งอาจทำให้ราคาหุ้นมีการสวิงบ้าง
นางเสาวนีย์กล่าวอีกว่า แผนดำเนินธุรกิจของธนาคารในปี 54 ธนาคารตั้งเป้าขยายสินเชื่อในลักษณะเชิงรุก (Aggressive)ที่ 14% แม้ในปี 53 การปล่อยสินเชื่อพลาดจากเป้าหมาย เนื่องจากเป็นปีที่ธนาคารต้องเร่งสะสางหนี้เก่าที่เป็นหนี้เสีย รวมถึงต้องหาสินเชื่อใหม่เพิ่มด้วย ซึ่งในปีนี้จะเน้นการปล่อยสินเชื่อในธุรกิจเอสเอ็มอี และลูกค้ารายย่อยเป็นหลัก แต่ก็ยังเดินหน้าปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายใหญ่เช่นกัน ขณะที่สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ตั้งเป้าลดลงเหลือ 7% โดยแนวทางหนึ่งอาจมีการขาย NPL ออกไปบ้าง แต่คงเป็นจำนวนไม่มากเท่าปีก่อน
ด้านความชัดเจนในการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในปี 2553 นั้น แม้ว่าธนาคารจะมีผลกำไรในระดับที่น่าพอใจ แต่ยังไม่มีวาระดังกล่าวในการประชุมคณะกรรมการธนาคารปลายเดือนนี้
