แนวโน้มเศรษฐกิจปี 54 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แนะ SMEs ใช้ความรู้ให้มากขึ้น ชี้เงินเฟ้อ ค่าครองชีพ ส่งผลกระทบ SMEs หวั่นรับภาระต้นทุนไม่ไหว อีกทั้งแหล่งเงินทุนยังเข้าถึงได้ยาก ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหมดโอกาสเติบโต
นายพิเชียร อำนาจวรประเสิร์ฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจปี 2554 นี้ จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมา 8% GDP 3% ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้การเงิน การคลัง ปีนี้ยากกว่าปีที่แล้ว SMEs ต้องใช้ความรู้ให้มากขึ้น เนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น 3% ดอกเบี้ยจึงสูงขึ้น 2.25% ค่าครองชีพสูงขึ้น กระทบกลุ่มคนระดับกลางไปจนถึงรากหญ้า ประชาชนต้องทำงานให้มากขึ้น
ทั้งนี้จากสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ภาระต้นทุน SMEs กระทบกระเทือนอย่างมาก ห่วงว่าจะรับภาระด้านราคาต้นทุนไม่ไหว การขึ้นค่าดอกเบี้ยก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยง่ายและเร็วจนเกินไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการแน่นอน
สำหรับแหล่งเงินทุนเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs ยังเข้าถึงน้อย เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังคงไม่เชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ SMEs การขอกู้จากธนาคารจึงมีความยุ่งยากมากขึ้น ธนาคารพาณิชย์ควรให้การสนับสนุน ผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้มีโอกาสในการเติบโตในอนาคต รวมถึงช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบที่มีเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งธนาคารของรัฐควรให้การสนับสนุนมากกว่านี้ และเอสเอ็มอีแบงค์ควรให้การสนับสนุนในการค้ำประกันสินเชื่อSMEs เพื่อเอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งลงทุนได้ดีขึ้น ส่วนปัญหาด้านความรู้ยังคงเป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ในขณะที่การสร้างเครือข่ายทางการตลาดก็เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ หากประกอบธุรกิจไม่สำเร็จก็จะกลายเป็นหนี้เสียมากกว่ารายได้ ก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตได้
นายพิเชียร อำนาจวรประเสิร์ฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ทิศทางเศรษฐกิจปี 2554 นี้ จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปีที่ผ่านมา 8% GDP 3% ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้การเงิน การคลัง ปีนี้ยากกว่าปีที่แล้ว SMEs ต้องใช้ความรู้ให้มากขึ้น เนื่องจากเงินเฟ้อที่สูงขึ้น 3% ดอกเบี้ยจึงสูงขึ้น 2.25% ค่าครองชีพสูงขึ้น กระทบกลุ่มคนระดับกลางไปจนถึงรากหญ้า ประชาชนต้องทำงานให้มากขึ้น
ทั้งนี้จากสภาพแวดล้อมต่างๆ ที่ทำให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ภาระต้นทุน SMEs กระทบกระเทือนอย่างมาก ห่วงว่าจะรับภาระด้านราคาต้นทุนไม่ไหว การขึ้นค่าดอกเบี้ยก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งการขึ้นดอกเบี้ยง่ายและเร็วจนเกินไปย่อมไม่เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการแน่นอน
สำหรับแหล่งเงินทุนเพื่อผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม SMEs ยังเข้าถึงน้อย เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ยังคงไม่เชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจ SMEs การขอกู้จากธนาคารจึงมีความยุ่งยากมากขึ้น ธนาคารพาณิชย์ควรให้การสนับสนุน ผู้ประกอบการ SMEs เพื่อให้มีโอกาสในการเติบโตในอนาคต รวมถึงช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบที่มีเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งธนาคารของรัฐควรให้การสนับสนุนมากกว่านี้ และเอสเอ็มอีแบงค์ควรให้การสนับสนุนในการค้ำประกันสินเชื่อSMEs เพื่อเอื้ออำนวยต่อผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งลงทุนได้ดีขึ้น ส่วนปัญหาด้านความรู้ยังคงเป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ในขณะที่การสร้างเครือข่ายทางการตลาดก็เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ หากประกอบธุรกิจไม่สำเร็จก็จะกลายเป็นหนี้เสียมากกว่ารายได้ ก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตได้
