xs
xsm
sm
md
lg

“เอสเอ็มอีแบงก์” อวดผลงานทะลุเป้า ยอดโตสร้างประวัติศาสตร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ (กลาง)  นายโสฬส สาครวิศว (ขวา) และนายธนิต โสรัตน์
เอสเอ็มอีแบงก์โชว์ผลประกอบการโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สินทรัพย์รวมกว่า 88,000 ล้านบาท เพิ่ม 39% จำนวนปล่อยกู้ขยายกว่า 300% ด้าน NPL เหลือแค่ 20% กำไรทะลุ 100 ล้านบาท เตรียมเสริมแกร่งเอสเอ็มอีรับเปิดเสรีอาเซียน

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ประธานกรรมการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของเอสเอ็มอีแบงก์ในปี 2553 ที่ผ่านมาว่า ผลประกอบการ ณวันที่ 31 ธันวาคม 2553 มีสินทรัพย์รวม 88,620 ล้านบาท เติบโต 39% จากปี 2552 มีรายได้รวม 3,634 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 42% หรือเพิ่มขึ้น 1,075 ล้านบาท สินเชื่อคงค้าง เติบโต 43% หรือเท่ากับ 81,287 ล้านบาท ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPL) เหลือเพียง 20% หรือเท่ากับ 16,510 ล้านบาท และส่งผลให้ธนาคารมีกำไรสุทธิ 128.48 ล้านบาท

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเอสเอ็มอีแบงก์ได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในด้านต่างๆ คิดเป็น 71.24% หรือเท่ากับ 41,908 ล้านบาท ของยอดอนุมัติสินเชื่อรวมของธนาคารปี 2553 เท่ากับ 58,826 ล้านบาท โดยแบ่งสินเชื่อนโยบายภาครัฐเป็น 3 กลุ่มหลักคือ 1.กลุ่มบรรเทาเยียวยาผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบภาวะวิกฤตในด้านต่างๆ ยอดอนุมัติ 21,320 ล้านบาท จำนวน 27,960 ราย 2.กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ตามยุทธศาสตร์ภาครัฐ ยอดอนุมัติ 19,975 ล้านบาท จำนวน 2,194 ราย และ 3.กลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ยังไม่เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ ยอดอนุมัติ 613 ล้านบาท จำนวน 3,688 ล้านบาท ในขณะที่ภาพรวมในปี 2553 ธนาคารได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ทุกภาคส่วนทั่วประเทศ โดยมีสัดส่วนปล่อยกู้ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลใกล้เคียงกัน คือ 49% และ 51% ตามลำดับ มีผู้ได้รับอนุมัติสินเชื่อรวม จำนวน 38,530 ราย เพิ่มสูงถึง 338.38% จากปีก่อน

ประธานกรรมการธนาคาร กล่าวอีกว่า นอกจากผลงานด้านการสนับสนุนเงินทุนให้ผู้ประกอบการในปี 2553 แล้ว ภารกิจหลักด้านการพัฒนาผู้ประกอบการธนาคารยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง โดยมีกิจกรรมเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการก่อนยื่นขอกู้ เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน และจัดกิจกรรมเติมเต็มความเข้มแข็งให้ลูกค้าหลังได้รับสินเชื่อจากธนาคาร โดยเติมเต็มองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมในการบริหารจัดการธุรกิจให้เข้มแข็ง สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องและอยู่รอดอย่างยั่งยืน โดยเน้นภารกิจ 3 ด้านหลัก คือ การพัฒนายกระดับมาตรฐานสินค้า การบริหารจัดการธุรกิจ และการเพิ่มโอกาสทางการตลาด ตลอดจนร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี ไทย – ญี่ปุ่น (ส.ส.ท.) นำผู้เชี่ยวชาญเยี่ยมชมสถานประกอบการของลูกค้า ศึกษาสภาพที่แท้จริงและให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนากิจการ และความร่วมมือกับศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า มีการจัดอบรมหลักสูตรบริหารสินค้าคงคลัง บัญชีต้นทุน 1 วันทำเป็น การออกแบบโลโก้ เป็นต้น

นายโสฬส สาครวิศว กรรมการผู้จัดการเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเห็นได้ชัดว่าผลการดำเนินงานของธนาคารฯ เติบโตทุกด้าน พร้อมตั้งเป้ากำไรผลประกอบการปี 2554 คาดสูงสุด 200 ล้านบาทและมีสินเชื่อสำรองกว่า100,000ล้านบาท และเตรียมเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs พร้อมรับมือการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 นี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ โดยเฉพาะประเทศในแถบอาเซียน ได้แก่ การสร้างมาตรฐานสินค้าตามหลักสากล การส่งเสริมผลิตภัณฑ์ตามแนวเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และการบริหารจัดการ และเพิ่มโอกาสทางการตลาด

ด้านนายธนิต โสรัตน์ กรรมการคณะกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า ในปี 2553 ที่ผ่านมา มีการปล่อยสินเชื่อสูงสุด โดยกระจายไปหลายกลุ่มสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าปลีก และบริการ ประมาณ 32,586 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 84% ภาคอุตสาหกรรม 4,800 ราย หรือ 12% โดยในปี 2554 จะเริ่มปล่อยสินเชื่อในภาคเกษตรเพิ่มขึ้น ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจด้านการขนส่งสินค้า และการส่งออกสินค้าเกษตร ผัก และผลไม้ ในขณะที่ธุรกิจไทยที่ลงทุนในกัมพูชาได้รับผลกระทบโดยตรงคือธุรกิจด้านโรงแรม โดยเฉพาะในเมืองเสียมเรียบ
กำลังโหลดความคิดเห็น