อุตสาหกรรมกรุงเก่า จับมืออุตสาหกรรม 4 จังหวัด เปิดตัวเปิดโครงการส่งเสริมและพัฒนาการบริหารจัดการน้ำในโรงงานอุตสาหกรรมกลุ่มภาคกลางตอนบน หวังสร้างจิตสำนึกรักษ์น้ำแก่ผู้ประกอบการ SMEs
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงโครงการส่งเสริมและพัฒนาการบริหารจัดการจัดการน้ำในโรงงานอุตสาหกรรม ในกลุ่มภาคกลางตอนบน 1 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และ สระบุรี ว่า ปัญหาการปล่อยน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรม ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งโครงการนี้เน้นสร้างจิตสำนึกให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการในโรงงานขนาดใหญ่ และภาคอุตสาหกรรมระดับ SMEsลดความเสี่ยงต่อการสร้างปัญหามลพิษ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังสร้างความรู้ความเข้าใจด้านหลักเทคโนโลยีที่เหมาะสม ในการบริหารจัดการน้ำทิ้งในสถานประกอบการ ที่จะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยลดต้นทุน และยังสามารถบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ได้อย่างเป็นระบบได้ในอนาคต
ด้านนายประยูร ติ่งทอง อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ลุ่มน้ำเจ้าพระยาถือเป็นสายเลือดสำคัญของพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งปัจจุบันได้รับผลกระทบจากน้ำเสียจาก 3 ส่วนคือ ภาคชุมชน ซึ่งมีปริมาณน้ำเสียมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเกษตรและปศุสัตว์ และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีประมาณ 17% ดังนั้นโครงการดังกล่าวจึงแบ่งส่วนการทำงานออกเป็น 4 โครงการย่อย ได้แก่ โครงการบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรม โครงการบริหารจัดการน้ำภาคชุมชน โครงการบริหารจัดการน้ำภาคปศุสัตว์ และการดูแลทั้งลำน้ำ โดยมุ่งเน้นในการปรับปรุงและพัฒนาน้ำใน 3 ด้าน ได้แก่ การประหยัดน้ำ บำบัดน้ำตามหลักวิชาการ และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ สำหรับการดำเนินการตามโครงการ จะเป็นโครงการต่อเนื่องระยะ 3 ปี ซึ่งจะเป็นการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ และการเข้าไปตรวจความบกพร่องเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ โดยใช้เงินทุนให้น้อยที่สุดหรือไม่ใช้เงินทุน โดยจะนำหลักการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐานมาใช้ทดแทน เช่น การใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน หรือการลดปริมาณกากของเสียอุตสาหกรรม โดยเป้าหมายของโครงการในเฟสแรกใน 4 จังหวัด ตั้งไว้ที่จังหวัดละ 50 โรงงาน โดยเน้นไปที่การสร้างจิตสำนึกและใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่อุตสาหกรรมขนาดกลางขึ้นไป ก่อนจะขยายสู่อุตสาหกรรมขนาดเล็กในเฟสต่อไป ทั้งนี้การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใน 4 จังหวัดภาคกลางตอนบนมีมูลค่าการลงทุนกว่า 1.1 ล้านล้านบาท มีโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 8,200 โรงงาน
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงโครงการส่งเสริมและพัฒนาการบริหารจัดการจัดการน้ำในโรงงานอุตสาหกรรม ในกลุ่มภาคกลางตอนบน 1 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และ สระบุรี ว่า ปัญหาการปล่อยน้ำเสียในโรงงานอุตสาหกรรม ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ถือเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ซึ่งโครงการนี้เน้นสร้างจิตสำนึกให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการในโรงงานขนาดใหญ่ และภาคอุตสาหกรรมระดับ SMEsลดความเสี่ยงต่อการสร้างปัญหามลพิษ และสิ่งแวดล้อม รวมถึงยังสร้างความรู้ความเข้าใจด้านหลักเทคโนโลยีที่เหมาะสม ในการบริหารจัดการน้ำทิ้งในสถานประกอบการ ที่จะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ช่วยลดต้นทุน และยังสามารถบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ได้อย่างเป็นระบบได้ในอนาคต
ด้านนายประยูร ติ่งทอง อุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ลุ่มน้ำเจ้าพระยาถือเป็นสายเลือดสำคัญของพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งปัจจุบันได้รับผลกระทบจากน้ำเสียจาก 3 ส่วนคือ ภาคชุมชน ซึ่งมีปริมาณน้ำเสียมากที่สุด รองลงมาคือ ภาคเกษตรและปศุสัตว์ และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีประมาณ 17% ดังนั้นโครงการดังกล่าวจึงแบ่งส่วนการทำงานออกเป็น 4 โครงการย่อย ได้แก่ โครงการบริหารจัดการน้ำในภาคอุตสาหกรรม โครงการบริหารจัดการน้ำภาคชุมชน โครงการบริหารจัดการน้ำภาคปศุสัตว์ และการดูแลทั้งลำน้ำ โดยมุ่งเน้นในการปรับปรุงและพัฒนาน้ำใน 3 ด้าน ได้แก่ การประหยัดน้ำ บำบัดน้ำตามหลักวิชาการ และการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ สำหรับการดำเนินการตามโครงการ จะเป็นโครงการต่อเนื่องระยะ 3 ปี ซึ่งจะเป็นการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ และการเข้าไปตรวจความบกพร่องเพื่อปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ โดยใช้เงินทุนให้น้อยที่สุดหรือไม่ใช้เงินทุน โดยจะนำหลักการบริหารจัดการที่ได้มาตรฐานมาใช้ทดแทน เช่น การใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน หรือการลดปริมาณกากของเสียอุตสาหกรรม โดยเป้าหมายของโครงการในเฟสแรกใน 4 จังหวัด ตั้งไว้ที่จังหวัดละ 50 โรงงาน โดยเน้นไปที่การสร้างจิตสำนึกและใช้กฎหมายเท่าที่จำเป็น ซึ่งมีเป้าหมายอยู่ที่อุตสาหกรรมขนาดกลางขึ้นไป ก่อนจะขยายสู่อุตสาหกรรมขนาดเล็กในเฟสต่อไป ทั้งนี้การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใน 4 จังหวัดภาคกลางตอนบนมีมูลค่าการลงทุนกว่า 1.1 ล้านล้านบาท มีโรงงานอุตสาหกรรมประมาณ 8,200 โรงงาน
