xs
xsm
sm
md
lg

นรกที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

เผยแพร่:   โดย: นพ.ดร.ชิดพงษ์ ไชยวสุ

5 ปีในชีวิตความเป็นแพทย์ของผมที่สมบุกสมบันอยู่ชายแดนไทย-ลาว และไทย-กัมพูชาหลังออกจากหอคอยงาช้าง ร.พ.รามาธิบดี สมัยที่คุณหมออรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นคณบดีเมื่อปี 2521 ผมคิดว่าผมเป็นหมอคนหนึ่งในไม่กี่คนในประเทศไทยที่มีโอกาสใช้หนี้ประเทศไทยได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยที่สุด แม้จนทุกวันนี้ก็ไม่มีเงินบำนาญ ไม่มีเบี้ยเลี้ยงชายแดน ไม่มีเหรียญกล้าหาญ ไม่มีรางวัลเกียรติยศใดๆ ให้ลูกหลานหรือเพื่อนฝูงภูมิใจเหมือนพี่น้องทหารและตำรวจ สมาคมศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชยังไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยถึงผมเหมือนศิษย์หลายๆ คนที่ดำรงยศตำแหน่งอันสูงส่งในสภาผู้แทนราษฎรและคณะรัฐมนตรี แต่ผมกล้าที่จะบอกกับทุกคนว่าผมพร้อมที่จะชนกับใครก็ได้ที่จะมาทำให้ประเทศไทยที่ผมรักและหวงแหนต้องสูญเสียอธิปไตย ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต

ผมอยากเป็นนักบิน แต่พ่อต้องการให้ผมเป็นหมอ ผมก็ตามใจพ่อ แต่หัวใจผมก็ยังเป็นทหารอยู่ตลอดเวลา ผมจึงรักที่จะทำงานเยี่ยงทหาร ตลอดแนวชายแดนไทย-ลาว และไทย-กัมพูชา ผมใช้ชีวิตเหมือนและบางครั้งก็ลำบากกว่าทหารบางคน ฝ่ากับระเบิด ฝ่าดงมาเลเรีย เดินทางขึ้นล่องตั้งแต่บ้านกรวด ละหานทราย ตาพระยา เขาสอยดาว อรัญประเทศ ไปจนถึงบ่อไร่ จังหวัดตราด

บางครั้งต้องขับรถปิ๊กอัพ บางครั้งต้องนั่งรถแทรกเตอร์ลำเลียงข้าวสาร อาหาร ยาและเวชภัณฑ์ เข้าไปรักษาคนไข้ทั้งไทยและเขมรในป่าดงดิบ ไม่มีเสื้อเกราะ ไม่มีปืน มีแต่ยากันมาเลเรีย ไม่มีทหารหรือมือปืนคุ้มกัน มีแต่ชาวบ้านที่คอยห่วงใยและคุ้มครอง เคยนั่งกินเหล้ากับเพื่อนทหารหาญที่หน่วยเฉพาะกิจแถวละหานทราย ถามเพื่อนทหารว่าเมื่อตอนที่เขมรแตกทำไมเราไม่ขึ้นไปยึดเขาพระวิหาร ทำไมปล่อยให้เขมรแดงขึ้นไปครอบครอง เขาตอบว่าไม่ได้รับคำสั่ง ผมจึงเล่าให้ฟังว่า ผมได้รับมอบหมายให้บริหารคลังยาของ UNBRO ที่อรัญประเทศ

และขณะเดียวกันทางสภากาชาดไทยก็ฝากให้ผมดูแลคลังยาของสภากาชาดไทยด้วย ในปี 2527 เขมรรบกันหนักมีคนบาดเจ็บมาก สำลี ผ้าก๊อตและผ้าพันแผลไม่พอ เจ้าหน้าที่ของ UNBRO สั่งให้คนของเขาเข้าไปเอาเวชภัณฑ์เหล่านั้นจากคลังของสภากาชาดไทย ผมสั่งไม่ยอมให้ เพราะเวชภัณฑ์เหล่านั้นสำรองไว้ใช้สำหรับทหารไทย เนื่องจากทหารไทยก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นเดียวกัน แพทย์ใหญ่ของ UNBRO จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่บุกเข้าไป โดยอ้างว่าเวชภัณฑ์เหล่านั้นซื้อด้วยเงินของสหประชาชาติเพื่อช่วยคนเขมร เขาต้องเอาไปช่วยคนเขมร ผมก็สั่งให้การ์ดของผมยิงทันทีถ้าใครแหลมเข้าไปเอาของจากคลังยาของสภากาชาดไทย เพราะนั่นเป็นสมบัติของสภากาชาดไทยสำรองไว้ช่วยชีวิตทหารไทย ในที่สุดเขาก็ถอยออกไป

วันต่อมาผมได้รับทราบจากผู้ใหญ่ว่าทาง UNBRO ตำหนิผมที่ไม่ให้ความร่วมมือ และไม่ฟังคำสั่งจากส่วนกลาง ผมก็ยอมรับว่าผมร่วมมือมากกว่านั้นไม่ได้แล้ว เพราะผมถือว่าประเทศไทยและชีวิตคนไทยต้องมาก่อน ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพท่านก็เข้าใจ
ตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ชายแดนนั้น ผมไม่เคยกลัวเสียงปืน เสียงระเบิด หรือมาเลเรีย แต่ที่ผมกลัวที่สุดคือคนโกง นรกจริงๆ ที่ชายแดนนั้นคือคนโกง คนที่คิดคดทรยศหักหลังกันอยู่ไม่รู้จบ แม้ท่ามกลางลูกเล็กเด็กแดงที่กำลังอดอยากอ่อนล้าและหิวโหย อาสาสมัครต่างชาติจากร้อยพ่อพันแม่เข้าไปโอ้โลมปฏิโลมคนเขมร เพียงเพื่อจะแย่งกันงาบงับงบประมาณจากสหประชาชาติที่ทุ่มลงมา ผู้นำเขมรเองก็วิ่งเลียแข้งเลียขาพวกอาสาสมัครและผู้แทนยูเอ็น เพื่อขอเสบียงอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ ตลอดจนสิทธิพิเศษที่จะได้ไปประเทศที่สาม ตกกลางคืนมันก็ลักลอบเอาของที่ได้ออกไปขายให้พ่อค้าเขมรและพ่อค้าไทยที่ลักลอบเข้าไปรับซื้อ เซ็งลี้กันจนร่ำรวย เจ้าหน้าที่ไทยบางคนก็รู้เห็น แต่จะมีส่วนด้วยแค่ไหนผมไม่รู้

วันดีคืนดีผู้นำเขมรในแต่ละค่ายก็ฆ่ากันเอง ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ทางการค้า เมื่อออกจากป่าเข้ามาในเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองตราด ตอนค่ำๆ จะไปนั่งกินข้าวต้มแถวตลาดก็ไม่กล้า เพราะเดี๋ยวเขาก็ยิงกันตายที่หน้าตลาดบ้าง ในร้านข้าวต้มบ้าง ไม่ใช่เขมรแดงหรือเขมรขาว แต่เป็นพ่อค้าไทยจากกรุงเทพฯและถิ่นอื่นๆ ฆ่ากันเพราะขัดผลประโยชน์เรื่องค้าพลอย เส้นทางที่ผมและทีมงานต้องฝ่าดงระเบิดเข้าไปรักษาคนไข้บริเวณค่ายสุขสันติ์ (ซกซาน) เราต้องเดินทางด้วยรถแทรกเตอร์เข้าไปทางบ่อพลอยแถวบ่อไร่จึงต้องระวังตัวแจเพราะกลัวจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อค้าพลอย ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

ค่ายผู้อพยพเขมรบริเวณหนองจาน หนองเสม็ด และไซต์ 2 เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เต็มไปด้วยอำนาจทับซ้อน (แต่พื้นที่ไม่ทับซ้อน เพราะเป็นแผ่นดินไทย) กองกำลังเขมร 3 ฝ่ายคือ เขมรแดงของพลพต เขมรเสรีของซอนซาน และฟุนซินเปคของเจ้านโรดมสีหนุ ต่างก็ชิงไหวชิงพริบกัน ช่วงชิงโอกาสที่จะกลับไปโค่นล้มรัฐบาลเฮงสัมรินที่เวียดนามหนุนหลังอยู่ มีการสนับสนุนด้านอาวุธและงบประมาณจากจีนและสหรัฐอเมริกาผ่านมาทางประเทศไทย ผู้หลักผู้ใหญ่ของไทยสมัยนั้นก็เอาอกเอาใจเขมรกันใหญ่ เพราะหวังใช้กองกำลังทหารเขมรเหล่านั้นเป็นกันชนป้องกันเวียดนามบุกไทย

ผู้นำเขมรเดินทางเข้าออกกันอย่างเสรีเพื่อพบปะและวางแผน ผมไม่รู้ว่าแผนเป็นอย่างไร อาวุธยุทโธปกรณ์ทันสมัยแค่ไหน และงบประมาณมากน้อยเพียงใด รู้แต่เพียงว่าเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2522 ค่ายผู้อพยพรวมทั้งโรงพยาบาลในค่ายหนองจานถูกเผาโดยคำสั่งของนายวัน ซาเรน ซึ่งอยู่ในค่ายหมากมุ่นใกล้ๆ กันนั้นเอง ด้วยขัดใจที่ทางยูเอ็นเปลี่ยนนโยบายการส่งข้าวให้กัมพูชาใหม่ ทำให้เขาเสียผลประโยชน์จากการค้าข้าวที่รับจากค่ายผู้อพยพออกมาขายจนร่ำรวย

หลังจากนั้นค่ายหนองจานก็ถูกสร้างใหม่ ใหญ่กว่าเดิม ผู้ชายในค่ายส่วนมากก็เป็นกองกำลังติดอาวุธที่เตรียมเข้าไปยึดอำนาจในกัมพูชา ค่ายนี้เป็นฐานกำลังของเขมรเสรี ควบคุมโดยนายเจีย ชุด ภายใต้การบัญชาการของนายพลเดียน เดล มีศูนย์บัญชาการอยู่ที่ค่ายอัมปึล เรื่องนี้ทางเวียดนามรู้ดี ดังนั้นเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2526 จึงส่งกองกำลังจะเข้าโจมตีค่ายหนองจาน ทหารเขมรเสรีได้ออกไปต่อสู้ ทหารเวียดนามยิงปืนใหญ่เข้ามาในเขตไทย ถูกค่ายหนองจาน หมู่บ้านและวัดของคนไทยบริเวณนั้นเสียหาย มีคนไทยได้รับบาดเจ็บหลายคน วันที่ 18 พฤศจิกายน 2527 หนองจานถูกโจมตีอีก คราวนี้หนักกว่าเดิม สิ่งปลูกสร้างเสียหายจนใช้การไม่ได้ ในที่สุดต้องปิดค่ายและอพยพคนประมาณ 30,000 คนไปอยู่ค่ายใหม่แถวอ่างศิลา ต่อมาตอนต้นปี 2528 กองบัญชาการของเขมรเสรีที่อัมปึลก็ถูกสลายโดยทหารเวียดนาม

จะเห็นได้ว่าการที่ประเทศไทยเปิดเขตแดนให้เขมรอพยพเข้ามาอาศัยนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงฉากหนึ่งของมนุษยธรรม แต่มันเป็นการ “ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน” โดยแท้ ประชาชนคนไทยตลอดแนวชายแดนไม่เป็นอันทำมาหากิน พลอยบ้านแตกสาแหรกขาดไปด้วย แต่เมื่อบ้านเมืองเขาสงบเขากลับใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงจะยึดพื้นที่ของเราที่เคยให้เขาอาศัยซุกหัวนอนอีก โดยที่นักการเมืองและการทหารของไทยไม่แยแสที่แม้แต่จะคิดปกป้องแผ่นดินไทย

หลังจากเวียดนามถอนทหารออกไปแล้ว เขมร 3 ฝ่ายตกลงจูบปากกันครองอำนาจ เขมรอพยพตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ถูกส่งกลับประเทศ พื้นที่ชายแดนแถบนั้นก็ได้ถูกเปลี่ยนจากสนามรบเป็นสนามการค้า นรกที่ชายแดนเปลี่ยนจากเสียงปืนและเสียงระเบิดเป็นเสียงรถวิ่งกันขวักไขว่ อรัญประเทศกลายเป็นตลาดเสรีที่การค้าขายระหว่างไทยและเขมรเป็นไปอย่างคึกคัก เช่นเดียวกันกับด่านชายแดนอื่นๆ ตลอดรอยต่อของทั้งสองประเทศ

เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ของไทยก็เพลิดเพลินกับพัฒนาการทางเศรษฐกิจนอกระบบบริเวณนั้นกันถ้วนหน้า ของเถื่อน ของหนีภาษี บ่อนการพนัน ของโจรโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ กระแสไหลเวียนของเงินสดเดือนละเป็นหมื่นๆ ล้านบาท หาได้มีใครสักคนเฉลียวใจไม่ว่า รอยแค้นของหลานเหลนพญาละแวกที่เสมือน here เข้ามาอาศัยในรางหญ้าของม้าอารีเมื่อตอนบ้านแตกนั้น จะวางแผนชั่วรุกคืบเอาดินแดนของไทยไปครอบครองอีก มันเอานรกที่ชายแดนและผลประโยชน์ในการลงทุนในประเทศมันมาเป็นปฏิกูลเลี้ยงอสุรกายนักการเมืองและโจรไทย เพื่อหลอกกินเขาพระวิหารและพื้นที่ชายแดนไทยรวมทั้งทรัพยากรทางทะเลอีก

ปฏิกูลกองนี้ใหญ่หลวงนัก มันจึงทำให้คนไทยทั้งที่เคยดีและที่ชั่วมาแต่กำเนิด พากันรุมเขมือบโดยไม่มีคำว่า “ชาติ” หลงเหลืออยู่ในสมองอีกเลย ใครขวางหน้ามันก็ล่อเข้าคุกเขมร ใครตักเตือนมันก็แว้งกัดเอา โหดเหี้ยมอำมหิตไร้คุณธรรมอย่างสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าเวรกรรมที่มันสร้างสมไว้นี้หรือเปล่าที่ทำให้บุพการีของพวกมันบางคนต้องรับทุกข์ทรมานอยู่ขณะนี้ พี่น้องเอ๋ย คำสาปที่เขาพระวิหารนั้นมีจริง ปราสาทศักดิ์สิทธิ์นี้ถูกสร้างขึ้นบนดินแดนแห่ง “ที่ราบสูงโคราช” เพื่อประโยชน์สุขและความร่มเย็นของลูกหลานชาวที่ราบสูงโคราชแห่งราชอาณาจักรไทยเท่านั้น

ใครก็ตามที่บังอาจสมคบกันยกสถานที่แห่งนี้ให้คนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนเขมรต่ำเข้ามาครอบครอง มันผู้นั้นจะพบแต่ความวิบัติฉิบหายทั้งวงศ์ตระกูลไปทุกชาติ รวมทั้งไอ้พวกฝรั่งตาน้ำข้าวในศาลโลกที่ตัดสินคดีความเขาพระวิหารนั้นด้วย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องอัญเชิญพระวิหารอันศักดิ์สิทธิ์กลับคืนมาสู่ “ที่ราบสูงโคราช” ของเราและปิดขุมนรกตรงขอบเขมรต่ำเสียที
กำลังโหลดความคิดเห็น