xs
xsm
sm
md
lg

ซัดมทภ.2เก่งแต่ปาก ไร้น้ำยาปลดธงเขมร ‘สนธิ’อัดรัฐบาล’มาร์ค’สุดอำมหิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- “จำลอง” ให้ใจเย็นรอฉันทามติ 5 จวกมทภ.2 “พล.อ.ธวัชชัย” ศิโรราบจิ้งจอกฮุนเซน หลังออกมายืนยันวัดแก้วสร้างก่อน MOU43 หมดปัญญาปลดธงชาติกัมพูชา แถมแขวะพันธมิตรฯ พูดไปเรื่อยคิดสุดโต่ง ขณะที่กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ฝากความหวังกับ “กษิต” ที่จะช่วย 2 คนไทยรอดคุก “สนธิ”แฉ รัฐบาล “มาร์ค”อำมหิตสุด แถมโครตโกง

วานนี้ (3 ก.พ.) รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมพิธีวางพวงมาลา เนื่องในวันทหารผ่านศึก เพื่อระลึกและสดุดีวีรกรรมของทหารผ่านศึก ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้มีอดีตทหารผ่านศึกนายหนึ่ง ได้เข้ามาก้มกราบที่เท้าของพล.อ.ประวิตร ท่ามกลางความตกใจของนายทหารที่มาร่วมพิธี

โดยมีรายงานว่า อดีตทหารนายนั้นได้ขอให้พล.อ.ประวิตร สั่งการให้ทหารเข้ามาปกป้องอธิปไตยของไทยจากปัญหาชายแดนกัมพูชาในขณะนี้

**จำลองย้ำให้ใจเย็นรอฉันทามติ 5 ก.พ.

ส่วนการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์เป็นวันที่ 10 เป็นไปอย่างเรียบร้อย

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ แถลงข่าวถึงการยกระดับการชุมนุมของพันธมิตรฯว่า “อย่างเพิ่งคิดล้ำหน้าไป” เพราะต้องถามฉันทามติจากประชาชนก่อนในวันที่ 5 ก.พ.ว่าได้ให้เวลารัฐบาลมานานแล้วจนประเทศเสียหายครั้งแล้ว เราให้เวลามากว่า 2 ปี รัฐบาลไม่แก้ปัญหา ไม่ทำตามที่เราเสนอ และเกิดความผิดพลาดมาตลอด จนถึงกรณีของนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์
“3 วันนี้ หากยังไม่รับผิดชอบ ก็ต้องถามประชาชนว่าจะให้นายกฯอภิสิทธิ์รับผิดชอบอย่างไร ในฐานะที่เราเป็นเจ้าของแผ่นดินและภาษีอากรด้วย ส่วนการเคลื่อนไหวนั้นจะต้องฟังแกนนำก่อน การขอ
ฉันทามตินั้นจะไม่มีการชี้นำมวลชน แจะฟังเสียงประชาชนว่าต้องการอย่างไร และมีการชี้แจงทุกครั้ง ”
“ที่พูดไปนั้นเป็นการเตือนไม่ให้ไปฟังคนอื่น เพราะหากมีการปลุกระดมให้บุกทำเนียบ โดยที่จังหวะเวลายังไม่เหมาะสม เรื่องนี้เราต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ไม่ใช่ทำตามความสะใจ เพราะส่วนตัวเห็นว่าการชุมนุมปักหลักพักค้างอย่างยื้อเยื้อก็กดดันรัฐบาลได้มากแล้ว” พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวอีกว่า ในส่วนการเดินทางไปกัมพูชาของนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศนั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯไม่ได้คาดหวังใดๆ ไปมากี่ครั้งก็เคารพนบนอบเหมือนเป็นเมืองขึ้นเขา

**จวกมท.ภ..2ศิโรราบจิ้งจอกฮุนเซน

ส่วนกรณีที่ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ..2) ระบุว่าไม่สามารถทำให้กัมพูชานำธงชาติออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระได้ รวมทั้งไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอและการชุมนุมของพันธมิตรฯ ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาแย่ลง พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การที่เขามาชักธงในดินแดนไทย แล้วบอกว่าทำอะไรไม่ได้ แสดงว่า มทภ.2 ยอมศิโรราบต่อกัมพูชา อย่างนี้มาเป็นทหารได้อย่างไร แล้วที่บอกว่ากลัวกระทบความสัมพันธ์นั้น ทำไมถึงเป็นห่วงจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างนายฮุนเซนเหลือเกิน พล.ท.ธวัชชัยเป็นทหารไทย หรือทหารไทยหัวใจเขมร เวลาที่กัมพูชาทำแต่ละครั้งไม่ได้แสดงให้เห็นว่าห่วงความสัมพันธ์เลย วันนี้ (3 ก.พ.) เป็นวันทหารผ่านศึก หากทหารที่เคยผ่านศึกสงครามที่เสียชีวิตเสียแขนขารู้อย่างนี้คงเสียใจมาก

**มทภ.2ยันวัดแก้วสร้างก่อน MOU43

โดบพล.ท.ธวัชชัย ให้สัมภาษณ์ที่ จ.นครราชสีมา ถึงแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำการประท้วงตามหลักการ MOU 43 (บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกไทย-กัมพูชา พ.ศ.2543) เมื่อมีการลงนามร่วมกันใน MOU 43 แล้วฝ่ายใดจะไปทำอะไรในพื้นที่ใกล้แนวชายแดนในระยะ 500 เมตรทั้ง 2 ฝั่งจากหลักสมมติจะทำไม่ได้

ส่วนใหญ่ฝ่ายไทยเราจะไม่ทำเพราะส่วนใหญ่เป็นป่าและเขตอุทยานฯหรือป่าสงวนแห่งชาติ แต่ฝั่งของกัมพูชา เมื่อจุดใดมีความเจริญก็พยายามก่อสร้างขึ้นมา เนื่องจากพื้นที่ทำกินเขามีน้อยเขาก็เข้ามาจัดสรรที่ทำกินหรือแบ่งขายกันเองบ้าง ซึ่งเราได้ทำการประท้วงไปแล้ว แต่ทั้งนี้จะไม่ให้เกินเส้นที่เราสมมติไว้ คือ 1 ต่อ 50,000 ใน L 7107 ที่เรายึดถืออยู่

ในส่วนของวัดแก้วสิขาคีรีสวาระนั้นได้มีการพูดคุยกันไปแล้วว่า ไม่ให้ทำอะไรเพิ่มเติมอีก ซึ่งความจริงแล้ววัดแก้วฯ ก่อสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2541 ถ้าจำไม่ผิด คือจะเป็นของใครก็ต่อเมื่อ เจบีซี (คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา) ตกลงกันเรื่องการปักปันดินแดนเสร็จสิ้นแล้วจึงจะรู้ว่าเป็นของใคร ในตอนนี้ก็เป็นของทั้ง 2 ฝ่าย เพียงแต่ว่าเขมรเขาอาจคิดว่าเป็นของเขาเลย

อันนี้เป็นแนวความคิด เราไปห้ามเขาไม่ได้ในส่วนนี้ แต่จะเป็นของใครแน่นอนมี 2 วิธี คือ จากการปักปันเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา แต่เรื่องนี้ความเป็นไปได้ โดยส่วนตัวเห็นว่ามันเริ่มนับ 1 ลำบาก เพราะว่ามันใช้แผนที่คนละฉบับ ส่วนไทยเรายึดหลักสันปันน้ำ แต่ฝ่ายเขายึดแผนที่ 1 ต่อ 200,000

**หนุนไทยขึ้นมรดกโลกคู่กับเขมร

ทั้งนี้ เรามีข้อเสนอโดยทางกระทรวงการต่างประเทศ และกรมศิลปากรจะเริ่มดำเนินการ โดยฝ่ายเราจะขอขึ้นทะเบียนสระตราว ภาพสลักนูนต่ำ และสถูปคู่ เป็นมรดกโลกเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปี เพราะมีเป็น 100 ประเทศที่อยากขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่มีโอกาสดีหรือไม่ก็ต้องดูอีกที ซึ่งเท่าที่ทราบปัจจุบันเขารับหลักการคร่าวๆ ไปแล้ว แต่หากมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปก็อาจทำให้เขาเปลี่ยนไปหรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ

เมื่อขึ้นทะเบียนมรดกโลกแล้วเราก็ทำแผนบริหารจัดการร่วมกัน มันจะทับในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) เหมือนกันแต่เมื่อทับกันแล้วฝ่ายเขาก็มีปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ส่วนฝ่ายเราก็มีส่วนประกอบที่เป็นสระตราว ภาพสลักนูนต่ำ และ สถูปคู่เป็นมรดกโลก

สำหรับการต่อเติมวัดแก้วฯ หลังลงนาม MOU 43 นั้นฝ่ายกัมพูชาก็ไม่ได้สร้างอะไรมาก หลังคาวัดก็ยังเป็นสังกะสี เพียงแต่ปูพื้นกระเบื้อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่ขึ้นมาวัดเท่านั้นซึ่งเรื่องนี้เราได้ทำการทักท้วงไปแล้ว ส่วนเรื่องอื่นที่เป็นเรื่องเล็กน้อยเราก็ไม่อยากไปยุ่งมาก เช่นเดียวกับถนนที่สร้างขึ้นมาเขาพระวิหาร ที่เราเคยประท้วงไปเขาก็ไม่ได้ก่อสร้างเพิ่มเติม เพียงแต่ซ่อมแซมอันเก่าที่มีอยู่เท่านั้น

**อ้างธงอยู่บนฟ้าไม่ได้ปักบนดิน

พล.ท.ธวัชชัย กล่าวถึงกรณีการปักธงกัมพูชาเหนือวัดแก้วสิขาคีรีสวาระว่า ถ้าเป็นธงของทั้ง 2 ฝ่ายใครจะไปปักธงใครก็ไม่เป็นไรในส่วนนี้ เพราะปัจจุบันเขาไม่ได้ปักธงหน้าประตูวัด แต่ติดไว้บนซุ้มประตูวัด ถ้าไปปักบนพื้นดินก็จะมีเรื่องลามปามไปมากกว่านี้ ซึ่งเดิมทีมันก็เป็นธงเก่าๆ พอไทยเราพูดถึงเรื่องนี้มาก เขาเลยเปลี่ยนเป็นธงใหม่ เมื่อประสานเขา เขาก็เห็นว่าเรื่องธงเป็นเรื่องสำคัญของชาติ ฝ่ายไทยเราก็ไปปักบ้างบริเวณสถูปคู่ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่บนวัดแก้วฯเราไม่ได้ไปปัก เพราะไม่อยากไปปักให้มันมีปัญหา

ต่อข้อถามกรณีฝ่ายกัมพูชาระดมกำลังทหารพร้อมอาวุธหนักมาประชิดแนวชายแดนจำนวนมากนั้นข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พล.ท.ธวัชชัย กล่าวว่า จะมากอย่างไรคงไม่มากเท่ากับกำลังของฝ่ายไทยเรา ซึ่งกำลังพลเรามีอยู่มาก แต่เราไม่ได้ไปเคลื่อนไหวอะไร ส่วนใหญ่เราทำในเรื่องลับๆ

**แขวะพธม. พูดไปเรื่อยคิดสุดโต่ง

“ความสัมพันธ์ในระดับพื้นที่ยังดีอยู่ โดยเฉพาะผู้นำทหารได้มีการพูดคุยหารือกันตลอด แต่กระแสเราแรงเนื่องจากมีกลุ่มบางกลุ่มไปอยู่ข้างถนนแล้วก็พูดไปเรื่อย ก็ให้ไปคิดดูว่าถ้าอยู่บ้านเขาแล้วด่าเราทุกวันเราก็มีความโกรธเช่นกัน ทั้งที่เขารู้ว่ารัฐบาลเราไม่ได้เป็นคนทำ แต่ทำไมไม่ห้ามเขาก็ฝากถามมาเช่นกัน ซึ่งในส่วนของผมไม่สามารถไปตอบส่วนนั้นได้ แต่ยืนยันไปว่าพวกนั้นเขาอาจมีความคิดสุดโต่งในส่วนนี้”

**ซ้ำเติม “วีระ”เหตุโวยในศาลเขมร

ส่วนกรณีที่ศาลกัมพูชาตัดสินลงโทษจำคุก 2 คนไทยคือนายวีระ และน.ส.ราตรี พล.ท.ธวัชชัย กล่าวว่า จริงๆ แล้วคนไทยติดคุกในกัมพูชามีเยอะมาก ไม่ใช่เฉพาะ 2 คนนี้ที่มีปัญหาเท่านั้น แล้วทำไมคนอื่นไม่มีปัญหาในส่วนนี้ จริงๆ แล้วถ้าเราดูพฤติกรรมของคุณวีระ เมื่อขึ้นไปอยู่บนศาลต้องให้เกียรติในส่วนนั้นด้วย คิดว่าถ้าศาลไทยก็คงตัดสินเหมือนกัน เพราะท่านไปโวยวาย เสียงดัง คือมารยาทในศาลเท่าที่ทราบคือต้องรับฟังอย่างเดียว เพราะศาลเป็นสถาบันสูงสุดของแต่ละประเทศที่จะกำกับดูแลเรื่องกฎหมาย

ต่อข้อถามที่ว่าหลายฝ่ายเป็นห่วงว่าเมื่อสถานการณ์ตึงเครียดมาก อาจทำให้มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชานั้น พล.ท.ธวัชชัยกล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ไกล สรุปว่าถ้าเขายิงก่อนก็มีปะทะแน่ แต่ถ้าเขาไม่ยิงเราก็กำกับดูแลอยู่แล้ว คือเมื่อมีการยิงมาเราก็ต้องป้องกันตัวในส่วนนี้

**“ปานเทพ” ซัด กต.ไร้ประสิทธิภาพ

ก่อนหน้านั้นช่วงเช้า นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวถึงแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 ของกระทรวงต่างประเทศกัมพูชา ที่ตอบโต้รัฐบาลไทย และยืนยันว่า จะไม่รื้อถอนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยอ้าง MOU 2543 ว่า ขณนี้ยังไม่พบว่ามีการตอบโต้จากกระทรวงการต่างประเทศของไทย ทำให้มีความเคลือบแคลงสงสัยว่า กระทรวงการต่างประเทศของไทย ไม่มีความสามารถในการตอบโต้ หรือ ล่าช้า หรือไม่สนใจแถลงการณ์ดังกล่าวหรือไม่ เห็นว่า แถลงการณ์ดังกล่าว มีความหมายมาก เพราะเป็นการประจานความล้มเหลวของ MOU 2543 อย่างชัดเจน เนื่องจากคำพิพากษาของศาลโลก เมื่อปี 2505 ตัดสินกรรมสิทธิ์ เฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น ทำให้กัมพูชาไม่สามารถใช้คำบรรยายคำฟ้องที่ระบุถึงแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ในเวทีใดได้อีก

“หากรัฐบาลไทยไม่สามารถโต้แย้งได้ โดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ รัฐบาลก็ควรรับผิดชอบกับความผิดพลาดของ MOU 2543 ในครั้งนี้” นายปานเทพ กล่าว

**จวก “มาร์ค” ดื้อด้านเถียงข้างๆคูๆ

พล.ต.จำลอง กล่าวเสริมว่า มีเพียงนายกฯอภิสิทธิ์ คนเดียว ที่ออกมาเถียงข้างๆ คูๆ ว่าไม่ยอมรับ แต่กลับไม่ยกเลิก MOU 2543 เมื่อกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ทำแถลงการณ์ฉบับที่ 2 และที่นายกฯอภิสิทธิ์ ย้อนถามกลุ่มพันธมิตรฯ ถึงวิธีการนำตัว 2 คนไทยกลับจากกัมพูชา พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราบอกวิธีมานานแล้ว กลับไม่ทำ แล้ววันนี้มาถามหาอะไร โดยกลุ่มพันธมิตรฯ เคยบอกก่อนเกิดเหตุ 7 คนไทยไว้ตั้งแต่ 6 พ.ย.52 ว่า หากรัฐบาลปล่อยไว้เช่นนี้ จะทำให้ไทยเสียดินแดน ดังนั้นจึงต้องยกเลิกสัญญาต่างๆ ที่ทำไว้กับกัมพูชา ซึ่งทำให้ไทยเสียเปรียบทั้งหมด รวมไปถึงข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ ของเราก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ในกรณี คนไทยเราได้ประชุม และเสนอว่า ให้ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่า ไม่ยอมรับการตัดสินของศาลกัมพูชา เนื่องจากมาจับคนไทยในดินแดนไทย พร้อมทั้งให้ส่งตัว 7 คนไทยกลับมาอย่างไม่มีเงื่อนไข รัฐบาลก็เพิกเฉย การที่นายกฯอภิสิทธิ์ ถามหามาตรการเช่นนี้ แสดงว่า ไม่มีปัญญาเป็นนายกฯ แล้ว

**กดดันรื้อวัดแก้วฯเหตุรุกตั้งแต่ปี 41

พล.ต.จำลอง กล่าวถึงข่าวที่รัฐบาลพยายามประสานงานให้มีการรื้อถอนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระในส่วนที่ต่อเติมหลังจากมี MOU 2543 ว่า เหตุใดรัฐบาลไทยถึงต้องเกรงใจกัมพูชาขนาดนั้น มัวแต่ยึด MOU 2543 ทั้งที่การสร้างวัดแก้วฯ เมื่อปี 2541 ถือเป็นการรุกล้ำดินแดนไทยแล้วชัดเจน ต้องให้มีการรื้ออกไปทั้งวัด ที่สำคัญธงกัมพูชา ก็ยังไม่ได้เอาลงจากพื้นที่วัดแก้วฯ ส่วนธงชาติไทย ที่ไปปักไว้บริเวณสถูปคู่นั้น ต้องไปปักที่วัดแก้วฯ เหตุใดจึงไปปักที่อื่น รัฐบาลหวังเพียงให้เห็นว่า พยายามทำบ้างแล้วเท่านั้น

**ตีแผ่ โคตรโกง ใครเอี่ยวน้ำมันปาล์ม

นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า เนื้อหาของการปราศรัยบนเวที จะมีการยกระดับเนื้อหาจากการปกป้องอธิปไตยของชาติ และเพิ่มเติมเต็มถึงการทุจริต คอร์รัปชันของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่มีพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้องในทุกเรื่อง เพื่อชี้ให้เห็นว่า ในวันนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะได้ละทิ้งอุดมการณ์ความเป็นพรรคที่เลวน้อยไปจนหมดสิ้น อย่างการทุจริตน้ำมันปาล์ม ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการทุจริตที่น่าละอาย และอำมหิตที่สุดในการหากินบนความทุกข์ยากเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จนทำให้เกิดความขาดแคลน และสร้างราคาขึ้นมาให้กลุ่มของตัวเองได้ผลประโยชน์

“สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดเผยออกไปนั้นเป็นความจริง จนสื่อได้นำเสนอตีแผ่ข้อมูลการหาประโยชน์จากการกักตุนน้ำมันปาล์ม โดยกลุ่มนักการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะคนที่ทำตัวเป็นวอลล์เปเปอร์” นายประพันธ์ กล่าว

**ไม่หวัง“กษิต”ช่วย “วีระ-ราตรี”

อีกด้านหนึ่งในการช่วยเหลือ 2 คนไทยในกัมพูชา นายณฐพร โตประยูร ที่ปรึกษากฎหมายกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ กล่าวว่า ศาลกัมพูชาละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เพราะตามกฎของสหประชาชาติแล้ว การขัดแย้งกันเรื่องดินแดน ไม่มีศาลหนึ่งศาลใดตัดสินได้
ส่วนกรณีที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เตรียมเดินทางไปกัมพูชาในวันนี้ เพื่อช่วยเหลือนั้น นายณฐพรกล่าวว่า พวกตนไม่หวังแล้ว เพราะหากรัฐบาลจะช่วยก็ต้องช่วยตั้งแต่แรก ซึ่งขณะนี้ พวกตนหวังการให้ความช่วยเหลือจากองค์ระหว่างประเทศ

** กสม.แถลงชี้รัฐไม่ดูแลสิทธิคนไทย

ขณะที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)ได้ออกแถลงการณ์ระบุว่ามีข้อห่วงกังวลและความเห็นกรณีนี้

1. เห็นว่า ความไม่ชัดเจนของแนวเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชามีผลกระทบต่อสิทธิของประชาชนของทั้ง2ประเทศ หากมีการกระทบกระทั่งในพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิเหนือดินแดนที่เป็นเขตโต้แย้ง การแก้ไขปัญหาควรดำเนินไปตามหลักสันติวิธีและอย่างเป็นมิตรในเจตนารมณ์ของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และไม่ควรใช้กระบวนการทางศาลของประเทศใดประเทศหนึ่งในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทับซ้อน เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าว เขตอำนาจของศาลยังไม่มีความชัดเจน

2.ในขณะที่กระบวนการทางศาลยังดำเนินต่อไป ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกัมพูชาดูแลคนไทยที่ยังอยู่ในระหว่างถูกดำเนินคดี ให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมตามพันธกรณีในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองที่ทั้งสองประเทศเป็นภาคี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม และได้รับสิทธิในการเตรียมเอกสารข้อมูลที่จำเป็นในการต่อสู้คดีตามที่ร้องขอ สิทธิที่จะสามารถเลือกทนายความในการต่อสู้คดีตามความประสงค์ และการจัดหาล่ามที่สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ประชาคมโลกกำลังติดตามกระบวนการพิจารณาคดีทางศาลดังกล่าวว่าเป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศ หรือไม่

3. ระหว่างที่การเจรจาเขตแดนยังไม่บรรลุผล ขอให้รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาหารือเพื่อกำหนดมาตรการในการดูแลพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายอ้างสิทธิเหนือดินแดน และเคารพข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในทำนองนี้และเพื่อให้ประชาชนไทยและกัมพูชาดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข

**นายกฯ ยันไม่ถอนตัวมรดกโลก

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าจะเป็นประโยชน์ในเวทีประชุมคณะกรรมการมรดกโลกหรือไม่ว่า ความจริงต้องดูความพอดี สิ่งที่จะช่วยเรามากในเรื่องมรดกโลกก็คือการสะท้อนให้เห็นว่าพื้นที่ที่จะมีการเข้ามาบริหารจัดการนั้นเป็นพื้นที่ที่มีปัญหา และคณะกรรมการมรดกโลกต้องการที่จะเห็นว่าเรามีกลไกในการแก้ไขปัญหาในลักษณะของ 2 ฝ่ายแบบสันติ ฉะนั้นนี่จะเป็นประโยชน์ที่สุดที่เป็นแนวทางที่รัฐบาลกำลังเดินอยู่

เมื่อถามย้ำว่าจะเป็นประโยชน์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลานี้ตอบยาก เพราะประเด็นของการที่จะหยิบยกขึ้นมาก็เคลื่อนไปพอสมควร ฉะนั้นก็ไม่ทราบ แต่อย่างที่เรียนคือในเรื่องมรดกโลกนั้นการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ถอนตัวขณะนี้ ตนมองว่าไม่เป็นประโยชน์

“มันจะเป็นประโยชน์ได้อย่างไร ในเมื่อเราจะต้องไปคัดค้านกัมพูชา ถอนตัวมาก็ไม่มีคนคัดค้าน ไม่มีคนไปทำความเข้าใจกับประเทศอื่นๆ แทนที่จะช่วยให้โลกเข้าใจเรามากขึ้น ก็กลายเป็นฟังความจากฝ่ายกัมพูชาข้างเดียว ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะมาเรียกร้องให้โลกฟังกัมพูชาข้างเดียวทำไม” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

** ชี้“พธม.”ยกระดับในกรอบรธน.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมว่า การซ้อมก็ไม่ได้มีความหมายอะไร ก็เป็นการซ้อมปกติ ซึ่งคงไม่ใช่การขู่อะไร เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นฝ่ายพูดก่อนว่าจะบุกเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล และเราก็ไม่ต้องการให้มีการกระทำที่เป็นเรื่องของการบุกรุกสถานที่ราชการ เพราะไม่ได้เป็นประโยชน์กับใคร

เมื่อถามว่าบนเวทีการชุมนุมได้ระบุว่ารัฐจะเข้าสลายการชุมนุมอยู่ตลอดเวลา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก แต่ก็เห็นบางคนมาต่อว่าจะไปตัดสัญญาณหรือไปอะไร แต่ไม่มีแน่นอน และรัฐบาลไม่ทำอยู่แล้ว
“ตำรวจพยายามทำก็อาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงจุดประเด็นว่าจะมีการไปสลาย ความจริงเราเพียงแต่ต้องการให้เขาเปิดการจราจรบางส่วนเท่านั้นเอง”นายกฯ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการประกาศยกระดับการชุมนุมในวันที่ 5 ก.พ.นั้นตนยังไม่ทราบว่าแนวทางจะเป็นอย่างไร หากจะยกระดับมาสู่การขับไล่ตนนั้นก็ไม่ทราบว่าจะเป็นอย่างไร และเรื่องวิธีการชุมนุมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ขอให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ

** กมธ.เจบีซีเล็งแก้ไขเขมรล้ำแดนไทย

ที่รัฐสภา นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมกรรมาธิการว่าในวันที่ 8 ก.พ. จะเชิญ นายอัษฎา ชัยนาม ประธานเจบีซี และพลโทธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 หรือตัวแทนเข้าชี้แจงในประเด็นข้อถกเถียงเรื่องการปักธงชาติกัมพูชา หน้าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และพื้นที่ที่ทหารกัมพูชารุกคืบเข้ามาแต่ทางการไทยกลับถอย

ด้านนายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ความเห็นส่วนตัวเชื่อว่าจะได้ข้อสรุปที่ตกผลึกพอสมควรเกี่ยวกับประเด็นเอ็มโอยู 2543 ที่ขณะนี้กลายเป็นความเห็นที่ไม่ตรงกันระหว่างรัฐบาลและกลุ่มพันธมิตรซึ่งเมื่อพิจารณาสาระของเอ็มโอยู 43 ตามข้อ 5 ที่ห้ามหน่วยของ 2 ประเทศกระทำการใดๆ ที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน แต่ที่ผ่านมาทางการของกัมพูชาได้ฝ่าฝืนข้อบังคับ

**“คำนูณ” สวนประเด็นเจบีซีตกผลึกยาก

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ฐานะกมธ.เจบีซี เปิดเผยว่า ที่รัฐบาลพยายามเรียกร้องให้มีการเจรจา เพราะจุดยืนของรัฐบาลและกลุ่มผู้ชุมนุมตรงกันที่ว่าต้องการรักษาอธิปไตย คงไม่ใช่ เพราะก่อนหน้าที่จะนำเอ็นโอยู 43 เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 53 ภาคประชาชนรวมถึงตนได้หารือกับรัฐบาลแล้ว หากรัฐบาลนำข้อห่วงใยของประชาชนมาปัดฝุ่นใหม่เชื่อว่าจะเป็นผลดี แม้สถานการณ์ตอนนี้พัฒนาไปไกลจากเดิมมาก

“ก่อนหน้านี้ภาคประชาชนได้แสดงความเห็นไปแล้ว เช่น เสนอกรอบการเจรจาแก้ไขในเอ็มโอยู 43 ด้วยการยืนยันว่ารัฐบาลไทยไม่รับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน แห่งเทือกเขาพนมดงรักไม่ว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นในเวทีใด รัฐบาลยืนยันจะใช้วิธีแก้ปัญหาภายหลังที่พบว่ากัมพูชาฝ่าฝืนเอ็มโอยู ข้อ 5 เรื่องการเปลี่ยนแปลงดินแดนไทย เพราะการที่รัฐบาลไม่ออกมาตอบโต้ใดๆ อาจทำให้เวทีโลกรับรู้ว่าประเทศไทยยอมรับกับการกระทำของกัมพูชา ” นายคำนูณ กล่าว

**“กษิต”ถก“ฮอร์ นัม ฮง”วันนี้

นายกษิต ภิรมย์ มว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (เจซี) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 7 ที่เสียมราฐ ในระหว่างวันที่ 3-4 ก.พ.นี้ ว่า จะเดินทางไปทางรถยนต์จะแวะไปหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพาที่รักษาความสงบตามแนวชายแดน รวมถึงลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทาง ซึ่งเป็นถนนที่ไทยให้ความช่วยเหลือกัมพูชา ในการก่อสร้างถนนเชื่อมภูมิภาคในอาเซียน นอกจากนี้ ยังสำรวจเส้นทางความเป็นไปได้ ในการสานต่อการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างจังหวัดสระแก้วกับกัมพูชา

ทั้งนี้ นายกษิต จะหารือนอกรอบกับนายฮอร์ นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ เกี่ยวกับปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตร.กม. อาทิ การรื้อถอนสิ่งก่อสร้างเพิ่มเติมของวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่ได้เป็นประเด็นถกเถียงที่สุ่มเสียงต่อความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา รวมทั้งใช้โอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์ของสองประเทศมากขึ้น

เวลาประมาณ 19.00 น. นายกษิต ส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์ @kasitpirom ว่า ตอนนี้ ผมเดินทางถึงเสียมราฐแล้ว ได้รับรายงานการประชุมคณะกรรมการร่วมฯระดับเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยดี และพรุ่งนี้ (4 ก.พ.)ครึ่งวันเช้าผมจะประชุมร่วมกับรมต.ต่างประเทศกัมพูชาและในตอนบ่ายจะเดินทางไปพบคุณวีระ คุณราตรีเพื่อจะหารือถึงการช่วยเหลือในการต่อสู้คดี

**เจซีไทย-เขมรครั้งที่ 7 เริ่มแล้ว

ที่จ.เสียมราฐ นายธีรกุล นิยม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี(เจซี)ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 7 ร่วมกับนายอึง เซียน รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้หรือไม่ว่า เป็นความเข้าใจร่วมกันว่าเป็นธรรมดาของประเทศเพื่อนบ้านที่จะมีปัญหากันบ้างเป็นครั้งคราว แต่เราจะไม่ยอมให้ปัญหาใดปัญหาหนึ่งมาหยุดยั้งความร่วมมือด้านอื่นๆ อะไรที่เราทำกันได้ ร่วมมือกันได้เราก็จะผลักดันต่อไป อย่าให้โอกาสของสองประเทศต้องเสียไปเพราะเรื่องๆเดียว

**โฆษกเขมรติงรบ.ไทยไม่มีสิทธิ์ตำหนิศาล

นายไพ ซีพาน โฆษกคณะรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวถึงกรณีที่แกนนำรัฐบาลไทยหลายคนออกมาตำหนิคำพิพากษาของศาลกัมพูชาในคดี 7 คนไทย โดยตำหนิรัฐบาลไทยว่าไม่มีสิทธิ์ละเมิดกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา

ส่วนการวางกำลังตามแนวชายแดนนั้น นายไพ ระบุว่า เป็นความจำเป็น เพราะกองทัพไทยส่งสัญญาณมาก่อน และหวังว่า ไทยจะไม่ใช้กำลังทหารกดดันในเรื่องคดี พร้อมเห็นว่า การประชุมเจซีระหว่างไทยและกัมพูชา ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีในการแก้ปัญหาระหว่างกัน.

*** สนธิอัดรัฐบาลมาร์คอำมหิต

เมื่อเวลา 21.45 น.วันที่ 3 ก.พ. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า ตนเป็นนักหนังสือพิมพ์มา 40 กว่าปี จนอายุ 63 ปีแล้ว ได้ผ่านมาหลายรัฐบาล ยังไม่เห็นรัฐบาลไหนที่โหดเหี้ยมอำมหิตเท่ารัฐบาลนี้ เพราะไม่มองคนไทยเป็นคนด้วยกัน มองแค่เป็นฐานเสียงที่เขาจะหลอกลวงเท่านั้น

นายสนธิ กล่าวต่อว่า รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ยังอำมหิตเรื่องการคอร์รัปชั่น การทำมาหากินจากการขึ้นราคาน้ำมันปาล์ม ซึ่งทำให้นักการเมืองที่ลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มเข้ามาขายได้ผลประโยชน์มาแบ่งกัน

อำมหิตต่อมา เรื่อง 7 คนไทยที่ถูกเขมรจับกุม เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ถ้าเรามีนายกฯ ที่รักชาติรักคนไทย จะต้องเรียกรัฐมนตรีกลาโหม รัฐมนตรีต่างประเทศมา แล้วให้เรียกทูตเขมรมาพบแล้วให้แจ้งนายฮุนเซนให้ปล่อยคนไทยภายใน 24 ชั่วโมง เพราะคนไทยอยู่บนดินแดนที่เป็นของไทย

นายสนธิกล่าวต่อว่า เรื่องราคาน้ำมันปาล์ม เทอร์มินัล 3 สนามบินสุวรรภณ รถไฟฟ้าสีต่างๆ ที่มีข้อครหาเรื่องคอร์รัปชั่นนั้นเป็นความจริง มีการแบ่งสรรปันส่วนกันกับพรรครภูมิใจไทยมาให้ประชาธฺปัตย์ พรรคภูมิใจไทยจึงอยู่ยงคงกระพันในรัฐบาลชุดนี้ ทุกโครงการมีส่วนแบ่งทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นจะย้ายดอนเมืองไปสุวรรณภูมิทำไม นายกฯ ก็ทำเป็นคัดค้านโดยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ พอคนลืมก็ปล่อยผ่าน ให้ทำมาหารับประทานต่อไป

นายสนธิกล่าวว่า นอกจากทุจริตแล้วยังไม่เป็นธรรมาภิบาล นายอภิสิทธิ์เคยพูดสักคำหรือไม่ กรณีที่นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือเจ้าของบริษัทซิโน-ไทย แม้ว่าอาจจะโอนหุ้นออกไปแล้วแต่คนบริหารคือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ลูกชาย บริษัทชิโน-โทยเมื่อก่อนแทบจะล้มละลาย แต่ขณะนี้นี้ร่ำรวยมหาศาล แทบทุกโครงการเป็นของบริษัทนี้ทั้งนั้น โดยมารยาท ถ้านายอภิสิทธิมีธรรมาธิบาล ต้องพูดกับนายชวรัตน์หรือกระทรวงมหาดไทยว่า อย่าให้ชิโน-ไทยประมูลได้ เพราะมันดูอัปลักษณ์ พ่อเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ลูกเป็นเจ้าของบริษัทที่ได้โครงการไป หมด ล่าสุดนายอนุทินเพิ่งซื้อคเรื่องบินส่วตัว นายอนุทินคือตัววุ่นวายที่วิ่งเต้นทางการเมือง และเป็นผู้บริหารซิโน-ไทยไปด้วย อย่างนี้ทำไมนายอภิสิทธิ์ไม่พูดบ้าง แล้วมาบอกว่าตัวเองโปร่งใส และชอบถามว่า “ผมได้อะไร”
กำลังโหลดความคิดเห็น