xs
xsm
sm
md
lg

แฉโกงปีละ2 แสนล้าน นักการเมือง-ขรก.-พ่อค้ารวมหัวงาบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (3 ก.พ.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรรมาภิบาล วุฒิสภา จัดการเสวนาเพื่อแถลงผลการดำเนินงานของ กมธ.ในรอบ 3 ปี (2551-2553) โดยมีส.ว. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตัวแทนจากสถาบันพระปกเกล้า และประชาชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 70 คน
ทั้งนี้ก่อนการเริ่มเสวนา ผู้จัดงานได้ทำเอกสารเผยแพร่กับผู้เข้าร่วม เรื่อง “และแล้วความจริงก็ปรากฏ” ซึ่งเป็นรายงานฉบับสังเขป การดำเนินงานในรอบ 3 ปีด้วย
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานอนุกมธ. กลั่นกรองเรื่องร้องเรียน กล่าวว่า ในรอบ 3 ปี มีเรื่องร้องเรียนมายังกมธ. 279 เรื่อง รับไว้พิจารณาทั้งหมด 189 เรื่อง แบ่งเป็น 6 กลุ่มปัญหา คือ 1. การจัดซื้อจัดจ้าง 2.ใช้งบประมาณไม่โปร่งใส 3.ใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม 4.เพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน 5. การออกเอกสารสิทธิ์บุกรุกที่ดิน และ6. การประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ แม้ทางกมธ.จะรับมาตรวจสอบ ก็ไม่สามารถบรรเทาปัญหาให้กับประชาชนได้ เพราะรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการแก้ไขให้เป็นรูปธรรมตามที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ประธานอนุกมธ.ส่งเสริมภาคประชาชนป้องกันการทุจริต และตรวจสอบภาครัฐ กล่าวว่า ต้นเหตุของการทุจริตในปัจจุบันเกิดจากนักการเมืองที่ซื้อเสียงเลือกตั้ง ร่วมมือกับข้าราชการ และนักธุรกิจ รวมหัวกันโกง ดังนั้นการต่อสู่กับกลุ่มดังกล่าว ต้องสร้างเครือข่าย 3 กลุ่ม คือ องค์กรภาครัฐ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ประชาชน และสื่อมวลชน ที่ผ่านมา กมธ.ได้ยุติการทุจริตหลายเรื่อง ด้วยการจัดเสวนาให้ประชาชนมาแสดงความเห็น และสื่อช่วยขยายผล และเกิดการตื่นตัวในภาคสังคม อาทิ โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน
อย่างไรก็ตาม ฝากให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน ช่วยตรวจสอบโครงการทำมอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-บางปะอิน ที่ใช้งบประมาณกว่า 6.9 หมื่นล้านบาท อย่างไม่โปร่งใส และประชาชนในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ได้รับความเดือดร้อน
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. ประธาน กมธ. กล่าวว่า ปัญหาการทุจริตด้านพลังงาน พบว่าเกิดจากการขาดธรรมาภิบาลในการคัดเลือกบุคคลที่เข้าไปกำหนดนโยบายด้านพลังงาน ในกระทรวงพลังงาน รวมถึงผลประโยชน์ทับซ้อน
ดังนั้น ต้องห้ามไม่ให้พนักงานรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายในหน่วยงานที่ต้องไปกำกับดูแล นอกจากนี้ กมธ.พยายามจะเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้เลิกอุ้มบริษัทพลังงาน โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมัน ด้วยการยกเลิกนโยบายที่มีมาตั้งแต่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ให้ต่างชาติเข้ามาตั้งโรงงานกลั่นน้ำมันในไทย เพื่อทดแทนการนำเข้า แต่ราคาขายให้เท่ากับการนำเข้าน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์ เพื่อให้รัฐไม่ต้องสูญเสียงบประมาณ 8 หมื่นล้านบาท ต่อปี และตนมองว่าหากทำได้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้กองทุนน้ำมัน อุ้มราคาน้ำมันอีกต่อไป และจัดหาก๊าซแอลพีจี ให้เพียงพอ แต่หากไม่เพียงพอ ขอให้นำเข้าตามราคาลอยตัวของตลาดโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ. และนายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีราชา เจริญพาณิชย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธี และธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า เห็นพ้องกับข้อเสนอ การจัดทำฐานข้อมูลทรัพย์สิน และผลการทำงานของนักการเมือง ซึ่งกมธ.ได้ร่วมมือกับศูนย์ติดตามประชาธิปไตย คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลักดันให้เกิดการจัดทำศูนย์ฐานข้อมูลนักการเมืองบนเวบไซต์ เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบ ซึ่งกมธ.จะนำข้อมูลเรื่องทรัพย์สินและการทำงานของตนเองไปเผยแพร่ เพื่อเป็นตัวอย่างให้นักการเมืองคนอื่นทำตาม หากใครไม่ยินดีเปิดเผยข้อมูล ประชาชนจะได้ไม่ต้องเลือกเพราะแสดงถึงความไม่โปร่งใส

**โกงปีละ 2 แสนล้าน
ภายหลังจากเสวนา น.ส.รสนา ได้แถลงข่าวว่า ตั้งแต่ปี 2538 ถึงปัจจุบัน ประเทศไทยถูกจัดอันดับความโปร่งใส ต่ำมาก สูงสุดอยู่ที่ 3.8 ต่ำสุดอยู่ที่ 2.7 ซึ่งไม่ถึงครึ่ง ถือว่าสอบตก ซึ่งนักธุรกิจคำนวณมูลค่าการทุจริตที่ 2 แสนล้านบาท ต่อปี หลายคนยังบอกว่าบางโครงการยังมีการคอร์รัปชันสูงถึง 70 -100 %
ทั้งนี้ กมธ.เห็นว่า ทางที่จะแก้ไข ภาคประชาสังคมต้องเข้มแข็ง จึงขอเสนอแนวทางเริ่มต้นด้วยการทำแฟ้มประวัติผู้แทนปวงชนชาวไทย ที่ระบุรายละเอียดถึงสถิติการเข้าประชุม การลงมติ การอภิปราย เพื่อรายงานผลงานต่อประชาชนให้เกิดการตรวจสอบ นอกจากนี้ ต้องให้มีการแก้ไข ไม่ให้คดีทุจริต มีการหมดอายุความ
"กฎหมายที่มีมากมาย แต่ไม่สามารถนำมาใช้ในทางปฏิบัติได้ ดังนั้นการเสนอทำแฟ้มประวัตินักการเมือง เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ รวมถึงการเปิดเผยการทำงานขององค์กรอิสระที่มีหน้าที่ตรวจสอบ เช่น ป.ป.ช.ที่ควรเปิดเผยการทำคดีต่างๆ ด้วย" น.ส.รสนากล่าว

** ทุกรัฐบาลทุจริตทั้งครม.
พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา รองประธานกมธ. กล่าวว่า รูปแบบการทุจริตของรัฐบาลชุดนี้ กับรัฐบาลชุดก่อนๆไม่ต่างกัน แต่ด้วยความที่ไม่มีกฎหมายใดสามารถเอาผิดได้ ทำให้ผู้ทำทุจริตย่ามใจ และมักทำในลักษณะโครงการลม คือ ไม่มีโครงการ แต่มีการใช้งบประมาณ สิ่งเหล่านี้ต้องแก้ไขด้วยการใช้กฎหมาย แต่ที่ผ่านมาไม่มีนักการเมืองหรือรัฐบาลใดออกหลักประกันให้เกิดกฎหมายที่สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการต้านคอร์รัปชัน
ขณะที่นายไพบูลย์ กล่าวว่า จากการทำงานมา 3 ปี และเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีตพบว่า ทุกรัฐบาลมีการทุจริตไม่ต่างกัน รัฐบาลปัจจุบันก็เช่นกัน โดยบุคลากรที่กระทำเป็นกลุ่มเดียวกัน มีการทุจริตเกือบทั้งครม. โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทรวงมหาดไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น