xs
xsm
sm
md
lg

งามหน้าMOU43 เขมรชี้ไทยรับรอง มาร์คปัดรื้อวัดแก้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - มาร์คหน้าแหก! เขมรยก MOU 43 ตอกหน้า ปัดเอาธงลงจากวัดแก้ว พร้อมตอกฝาโรงปชป. ไทยเสียดินแดนแน่นอน หลังรัฐบาลไทยบันทึกข้อตกลง ยอมรับแผนที่ที่รวมประสาทเขาพระวิหารไปแล้ว ด้าน "มาร์ค"ยังแถ ไม่เคยพูดรื้อวัดแก้ว ขณะที่ผบ.ทบ.ยันใช้กำลังเป็นทางเลือกสุดท้าย

** 'มาร์ค'แหล!ไม่พูดรื้อวัดแก้ว

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมครม. ไม่มีการหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนความคืบหน้าในการช่วยเหลือ นายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่อยู่ระหว่างการตัดสินของศาลกัมพูชานั้น ตอนนี้ยังไม่ทราบความคืบหน้า แต่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ได้รายงานเรื่องบริเวณพระวิหารว่าได้มีการชักธงไทยขึ้น และมีการตรึงกำลังกันอยู่

ทั้งนี้ ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องการรื้อถอนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ แต่เป็นการพูดถึงก่อนหน้านี้ ที่ทางกัมพูชาชักธงขึ้น ซึ่งเราเห็นว่าทางกัมพูชาควรจะเอาธงลง โดยระหว่างนี้ เราก็เอาธงของเราขึ้นไปก่อน
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้เหมือนกับต่างฝ่ายต่างเผชิญหน้ากันหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า ครับ หมายถึงว่า มันก็ตรึงกำลังกันอยู่ แต่เรายืนยันว่าจริงๆ แล้วเรื่องนี้ถ้าทุกฝ่ายเคารพข้อตกลงปัญหาก็จะหมดไป ฉะนั้นเห็นว่าถ้าทุกอย่างกลับไปสู่กระบวนของการใช้เอ็มโอยูเข้ามาแก้ไข ปัญหาก็จะลดลง ตรงนั้นน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด

เมื่อถามว่า ระหว่างนี้ผู้นำของสองประเทศคุยกันไม่ได้เลยใช่ไหม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาอย่างนั้น แต่ได้มีการติดต่อประสานงาน โดยทำอย่างไรไม่ให้เกิดความตึงเครียดหรือกระทบกับสิทธิของแต่ละฝ่าย

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้นายกฯ เคยบอกว่าอยากให้มีการพูดคุยกันระหว่างสองประเทศก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกในเดือนมิ.ย.นี้ และก่อนหน้านี้ได้มีการนัดหารือกับนายซกอาน รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้เชิญไว้ ซึ่งเขาก็รับหลักการอยู่ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เมื่อถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบส่วนนี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยัง คิดว่าตรงนี้เป็นสถานการณ์เฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น เหมือนกับเรื่องป้าย ถือเป็นสถานการณ์เฉพาะหน้า ก็ต้องคลี่คลายกันไป

**ผบ.ทบ.ยันใช้กำลังเป็นทางเลือกสุดท้าย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ขณะนี้ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ได้ มีการจัดเตรียมกำลัง ยุทโธปกรณ์ให้พร้อมในการรักษาพื้นที่ตามแนวชายแดนให้ปลอดภัย ประเด็นสำคัญที่มีปัญหาอยู่ในปัจจุบันจะต้องหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการพูดคุย กันในระดับ เจบีซี ซึ่งขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการอยู่ เพื่อจัดให้มีการประชุมเจบีซีให้ได้ การใช้กำลังเป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่เราจะปฏิบัติ เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องหาทางพูดคุย เจรจาให้รู้เรื่อง ขณะนี้เรายังไม่มีการเสียดินแดนอะไรทั้งสิ้น กำลังทหารเรามีการเตรียมพร้อมตลอดแนวชายแดน ส่วนฝ่ายกัมพูชาได้มีการเตรียมความพร้อมเช่นกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายไม่มีเจตนาจะรุกล้ำเข้าเขตแดนซึ่งกันและกัน

** "เทือก"เชื่อชายแดนไม่ตึงเครียด

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า การเสนอข่าวกัมพูชาขณะนี้ มีลักษณะถูกปลุกเร้า และทำให้น่าตื่นเต้น ทำให้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองภายในประเทศมากเกินไป พื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร และพื้นที่ใกล้เคียงประมาณ 4.6 ตร.กม. ทั้งไทย และกัมพูชาต่างอ้างสิทธิว่าเป็นของตัวเอง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์สิทธิ์ได้ และเป็นที่มาของการทำเอ็มโอยู 2543 ที่กำหนดว่า ต้องไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าไปดำเนินการ จนกว่าจะได้ข้อยุติ เมื่อมีการทำผิดเอ็มโอยู ก็ต้องมีการประท้วงกันตามกติการะหว่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติของประเทศที่มีชายแดนติดกัน ทางกระทรวงการต่างประเทศ จึงต้องทำหนังสือประท้วง

ส่วนที่ในแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ให้มีการรื้อถอนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ บางส่วนที่ล้ำแดนเข้ามานั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เวลายื่นคำประท้วง เราก็ต้องดำเนินการตามกฎเกณฑ์ และกติกาที่ต้องบอกว่ามีอะไรบ้างที่ผิดไปจากข้อตกลงกันไว้

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาเมื่อไทยประท้วงไป ทางกัมพูชามักจะเพิกเฉยไม่ตอบรับ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ที่เราเป็นเพื่อนบ้านกับหลายประเทศรอบประเทศเรานี้ ก็ประท้วงกันมาเป็นประจำ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ปกติสำหรับประเทศเพื่อนบ้าน อย่างไทยกับพม่า ก็ประท้วงกันเป็นสิบ ยี่สิบครั้ง ถ้าดูตามแผนที่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เป็นเรื่องใหญ่สำหรับความรู้สึก

" คิดว่าการแก้ไขปัญหา คืออาศัยความมีเหตุมีผล และให้ตัวแทนของสองประเทศมาพูดจากัน โดยไม่จำเป็นต้องมีคนกลาง ขณะนี้ถือว่าสถานการณ์ยังไม่ถือว่าตึงเครียด "

***เขมรสวนกลับไม่เอาธงลง
ยันวัดแก้วฯของกัมพูชา
 

นสพ.กัมพูชาใหม่ (กัมปุเจียทะเม็ย) ได้เผยแพร่ข่าวแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กรณีการตอบโต้ข้อเรียกร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ที่ให้ปลดธงชาติกัมพูชาออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยรัฐบาลกัมพูชาได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเยื่อใย และยืนยันว่าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระเป็นดินแดนของกัมพูชา

แถลงการณ์ ดังกล่าวระบุว่า เมื่อวันที่ 28 ม.ค.54 กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ขอยืนยันถึงจุดยืนของกัมพูชา ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2447 ฝรั่งเศสและสยาม ได้ลงนามในอนุสัญญาจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อกำหนดขันธสีมา เขตแดนระหว่างอินโดจีนและสยาม ในช่วงเวลาระหว่างปี 2448-2451 คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม ได้จัดทำแผนที่รวม 11 แผ่น ทั้งนี้ มีแผนที่กำหนดขันธสีมาเขตแดนในพื้นที่ 6 แห่ง ซึ่งมีพื้นที่ปราสาทพระวิหารรวมอยู่ด้วย

เมื่อปี 2497 ทหารไทยได้เข้ารุกรานดินแดนกัมพูชา และเข้าครอบครองปราสาทพระวิหาร วันที่ 6 ตุลาคม 2502 กัมพูชายื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก กรณีรุกรานดินแดนกัมพูชา โดยยึดตามแผนที่ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการฝรั่งเศส-สยาม เป็นสำคัญ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้พิพากษา เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ดังต่อไปนี้

"ปราสาทพระวิหารอยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชา ประเทศไทยมีภารกิจถอนกำลังทหาร ตำรวจ กองกำลังรักษาชายแดน หรือผู้ดูแลอื่นๆ ที่ทางการไทยได้ส่งมาประจำการในพื้นที่ปราสาทพระวิหาร หรือในพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ที่ตั้งอยู่ในดินแดนของกัมพูชา"

กระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศในนามรัฐบาลกัมพูชา ได้ยืนยันว่า มาตรา 1 (C) ในบันทึกข้อตกลงระหว่างรัฐบาลกัมพูชากับรัฐบาลไทยว่าด้วยการวัดและกำหนดเขตแดนทางบก ซึ่งลงนามเมื่อ 14 มิถุนายน 2543 ได้ยอมรับซึ่งแผนที่ตามที่ได้นำเรียนในข้างต้นว่าเป็นมูลฐานกฎหมาย สำหรับภารกิจรังวัด และกำหนดเขตแดนระหว่างราชอาณาจักรกัมพูชากับราชอาณาจักรไทย
อ้างตามแผนที่ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการฝรั่งเศส-สยาม วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระที่ประชาชนกัมพูชาได้สร้างขึ้นเมื่อปี 2541 มีที่ตั้งอยู่ในดินแดนกัมพูชา อย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้การประดับธงชาติแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาภายในวัดนี้ ถือเป็นการชอบธรรมตามกฎหมาย

รัฐบาลกัมพูชาระบุว่า แถลงการณ์เช่นนี้ เป็นของนายกรัฐมนตรีไทย และเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการซ้อมรบของกองทัพไทยตามแนวชายแดนติดกับกัมพูชา ถือเป็นการยุยงสร้างสถานการณ์เพื่อกระทำการรุกรานต่อต้านกัมพูชาในอนาคตอย่างชัดเจน

"ประเทศกัมพูชาขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมด้วยกฎหมาย เพื่อปกป้องซึ่งบูรณภาพแห่งดินแดน และอำนาจอธิปไตยของตัวเอง" ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2554 ที่เรียกร้องให้กัมพูชา ปลดธงชาติออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ของกัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ขอยืนยันว่า แถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีไทยนั้นไม่สามารถยอมรับได้ และราชอาณาจักรกัมพูชาขอปฏิเสธอย่างแข็งขัน ซึ่งข้อเรียกร้องอันดูถูกนี้ นสพ.ฉบับเดียวกันระบุ

**MOU 43 ระบุชัดห้ามมีสิ่งก่อสร้าง

นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสาเหตุที่ได้เรียกร้องให้มีการรื้อถอนวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ 4.6 ตร.กม.ใกล้ปราสาทพระวิหาร ว่า ในบันทึกความเข้าใจ ระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก ข้อ 5 ระบุว่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้การสำรวจตลอดแนวเขตแดนทางบกร่วมกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล หน่วยงานของรัฐบาลกับเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเหล่านั้น จะงดเว้นการดำเนินการใดๆ ที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เว้นแต่จะเป็นการดำเนินการของคณะอนุกรรมาธิการเทคนิคร่วมเพื่อประโยชน์ในการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดน โดยสาเหตุนี้ทางกระทรวงจึงเห็นว่าไม่สมควรมีสิ่งก่อสร้างใดๆ ในพื้นที่ของดินแดนไทยที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ และเป็นพื้นที่ที่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา (เจบีซี) จะต้องเจรจาปักปันเขตแดนกันต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น