xs
xsm
sm
md
lg

ปักธงชาติไทย ตอบโต้กัมพูชา ทัพภาค2ตรึงพื้นที่ชายแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศรีสะเกษ- ทหารไทยทัพภาค 2 กว่า 300 นายเสริมกำลังชายแดนเขาพระวิหาร เตรียมรับมือเขมรเปิดฉากโจมตี พร้อมชักธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาตรงบริเวณใกล้ “สถูปคู่” เขาพระวิหาร แสดงความเป็นเจ้าของเขตแดนไทยตอบโต้ ด้านคนเขียนตำนานการสร้าง “ปราสาทพระวิหาร” วอน รบ.ไทยเข้มแข็งเร่งผลักดันเขมรพ้นพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เขาพระวิหารโดยด่วนที่สุด จี้ ทหารทำสงครามศักดิ์สิทธิ์รักษาดินแดนไทยไว้ให้ลูกหลาน ขณะที่สื่อเขมร อ้างวัดแก้วฯ เป็นของเขมร อยู่ห่างเขตแดน 700 เมตร พร้อมตีข่าวเคลื่อนทัพสู้

วานนี้ (31 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้มีทหารไทยสังกัดกองกำลังสุรนารี (กกล.สุรนารี) กองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) พร้อมอาวุธปืนเต็มอัตรา มาตั้งด่านตรวจเข้มรถทุกชนิดและประชาชนที่ผ่านเข้า-ออกบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งในช่วงนี้ มีทหารไทยพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์เดินทางโดยรถยนต์ปิกอัพส่วนตัวและรถบรรทุกทหารผ่านเข้า-ออกอย่างคึกคักแทบตลอดเวลา โดยมีเป้าหมายอยู่ที่บริเวณชายแดนรอบเขาพระวิหาร

ล่าสุดตลอดคืนวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ทหารไทยประมาณ 300 นาย สังกัดกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 จาก จ.สุรินทร์ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.ยโสธร ได้เคลื่อนกำลังพลมาที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร โดยใช้ห้วงเวลากลางคืนเพื่อพรางตัวและเข้าไปประจำยังฐานปฏิบัติการตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งทหารไทยที่เคลื่อนกำลังพลมาในครั้งนี้เป็นทหารที่มาความชำนาญในเขตพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชาบริเวณเขาพระวิหารเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับการโจมตีจากฝ่ายกัมพูชาที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

ต่อมาเวลา 11.45 น.ที่บริเวณใกล้กับสถูปคู่ติดกับฐานตรวจการณ์ผามออีแดง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทหารพรานสังกัด หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้นำเอาธงชาติไทยชักขึ้นสู่ยอดเสาตรงบริเวณใกล้กับจุดสถูปคู่ เขาพระวิหาร เพื่อเป็นการตอบโต้ทางการกัมพูชากรณีนำธงชาติมาติดตั้งบริเวณประตูทางเข้าวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ ด้านทิศตะวันตกของปราสาทพระวิหาร ท่ามกลางบรรยากาศความตรึงเครียดของทหารไทยและกัมพูชาที่ตรึงกำลังอยู่รอบเขาพระวิหาร

แหล่งข่าวทางทหารเปิดเผยว่า ขณะนี้ธงชาติของกัมพูชาที่ติดไว้บริเวณทางเข้าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระก็ยังไม่ได้ถูกปลดลงมาแต่อย่างใด ซึ่งทหารกัมพูชาได้มีการเสริมกำลังบริเวณบนเขาพระวิหารเพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีอย่างเต็มที่ ทำให้บรรยากาศบริเวณเขาพระวิหารตรึงเครียดเป็นอย่างมาก
นายคณิต แสนสา อายุ 79 ปี เจ้าของโรงเรียนแสนสาวิทยา อยู่บ้านเลขที่ 085 ม.2 บ้านหนองหญ้าลาด ต.หนองหญ้าลาด อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นคนเขียนตำนานการสร้างปราสาทพระวิหาร กล่าวว่า เมื่อช่วงเดือน เม.ย.2502 ขณะนั้นตนเป็นครูสอนอยู่ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กรมศิลาปากร ได้มาขอให้พวกตนซึ่งเป็นข้าราชการครูขึ้นไปที่บริเวณปราสาทพระวิหารเพื่อร่วมกันบูรณะปราสาทพระวิหาร ซึ่งในช่วงนั้น ทางฝ่ายกัมพูชาเองก็ไม่รู้ว่ามีปราสาทพระวิหารอยู่ที่ชายแดนไทย -กัมพูชาด้าน จ.ศรีสะเกษ จนกระทั่งเป็นข่าวเผยแพร่ออกไป ทำให้ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาตรวจสอบและฟ้องศาลโลกจนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.2505 ศาลโลกจึงได้มีคำพิพากษาให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารแต่ไม่ใช่เขาพระวิหารทั้งลูก

นายคณิต กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ชาวกัมพูชาจะอยู่บริเวณปราสาทโคปุระชั้น 2 แต่ต่อมาคนไทย และคนศรีสะเกษบางคน ใจดีเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้องไปทำการสร้างห้องแถวสังกะสีที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารขายให้กับชาวกัมพูชา

ดังนั้น ชาวกัมพูชาจึงได้พากันเคลื่อนย้ายลงมาอยู่ที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารหรือ เชิงบันไดขึ้นปราสาทพระวิหารและสร้างบ้านเรือน ร้านค้า รวมทั้งสร้างวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระขึ้นมา พร้อมทั้งปักธงชาติกัมพูชาเพื่อเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของดินแดนดังกล่าว ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.)รอบเขาพระวิหาร

"ผมเห็นว่ารัฐบาลไทยควรแสดงความเข้มแข็งโดยการผลักดันชาวกัมพูชาให้ออกไปจากเขตแดน 4.6 ตร.กม.โดยด่วนที่สุด ซึ่งหากว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ยินยอมออกไปก็ควรสั่งการให้ทหารไทยใช้กำลังอาวุธเข้าผลักดันออกไป ซึ่งทหารไทยควรที่จะกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อรักษาดินแดนไทยไว้ให้ลูกหลานและไม่ต้องกลัวว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะมาประณามไทย เพราะทหารไทยทำสงครามแค่ผลักดันให้ชาวกัมพูชาออกไปจากเขตพื้นที่ที่ยังไม่มีการปักปันเขตแดน 4.6 ตร.กม.เท่านั้น ไม่ใช่เป็นการทำสงครามรุกรานเพื่อยึดกรุงพนมเปญของประเทศกัมพูชาแต่อย่างใด"

**สื่อเขมรลั่น"วัดแก้วฯ"อยู่ในเขตเขมร

สำนักข่าวดึมอัมปึล ซึ่งมีความใกล้ชิดกับรัฐบาลกัมพูชา เผยแพร่บทความ เพื่อตอกย้ำการมีอธิปไตยเหนือพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร รวมถึงวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยยึดเส้นเขตแดนตามแผนที่อัตราส่วน 1 : 200,000 โดยอ้างถึงสนธิสัญญา 1904, 1907 และ เอ็มโอยู 2543 ว่าล้วนมีพันธะผูกพันไทยกับกัมพูชา โดยระบุว่า หากนักการเมืองไทยจะเคารพต่อการทำสัญญาระหว่างประเทศ ความสัมพันธ์ก็จะเป็นไปโดยดี โดยสงบสันติ แต่นักการเมืองไทยบางคน รวมถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นชาตินิยมแบบดั้งเดิม หรือชาตินิยมอย่างมาก พฤติกรรมเช่นนี้ นำมาซึ่งความขัดแย้ง และการปะทะกันทางทหารของสองประเทศ

โดยไทยได้ส่งทหารเข้าไปรุกรานกัมพูชาเมื่อวันที่ 15 ก.ค. 2551 บริเวณพื้นที่รอบๆปราสาทพระวิหาร และในเดือนเม.ย. 2552 ทหารไทยได้โจมตีชุมชน และตลาดชาวกัมพูชาจนเกิดความเสียหาย
ข้อความบางตอนยังระบุว่า "....ไม่มีพื้นที่ทับซ้อน ในบริเวณใกล้เคียงปราสาทพระวิหาร ตามแผนที่ระวางดงรัก ซึ่งเป็นแผนที่ในภาคผนวก 1 ในคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 1962 (พ.ศ.2505) ซึ่งกัมพูชา จะทำอะไรก็ได้ในพื้นที่บริเวณนี้ ที่เป็นอาณาเขตของกัมพูชา ตามเส้นเขตแดนที่ปรากฏบนแผนที่ระวางดงรัก หรือแผนที่ภาคผนวก 1 "

"มีการกล่าวถ้อยคำพล่อยๆ โดยนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ ที่รายงานโดยหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น ฉบับวันที่ 28 มกราคม ระบุว่า "ถ้ามีธง (ที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ) ก็ต้องเอาลง" นายอภิสิทธิ์ ต้องถอนคำพูดที่ไม่สามารถยอมรับได้นี้ เพราะว่าวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ตั้งอยู่ 300 เมตรทางตะวันตกของปราสาทพระวิหาร และอยู่ ลึกเข้ามาในเขตดินแดนของกัมพูชา 700 เมตร"

"มันกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติระหว่างความสัมพันธ์กัมพูชา และไทย เมื่อประเทศไทยตกอยู่ในภาวะการเผชิญหน้า การทะเลาะกันภายในระหว่าง รัฐบาล เสื้อเหลือง เครือข่ายคนไทยฯ สันติอโศก หรือเสื้อแดง เพียงสิ่งเดียวที่เขาคิดออกคือ จับเอากัมพูชาเป็นตัวประกัน"

"นายอภิสิทธิ์กำลังทำเหมือนเดิม เมื่อเขากล่าวถ้อยคำ ดูถูก และไม่เหมาะสม ไม่เพียงแค่การแสดงท่าทียั่วยุที่ชัดเจน แต่แสดงถึง ความก้าวร้าว ต่อกัมพูชา ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต"

**สื่อเขมรตีข่าวเคลื่อนทัพสู่ชายแดน

รายงานจากหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ ของกัมพูชา ในวันที่ 31 ม.ค. ยืนยันข่าวลือว่า เจ้าหน้าที่ของทางการกัมพูชา มีคำสั่งตั้งค่ายทหารกองหนุน พร้อมลำเลียงรถถังและปืนใหญ่ เพื่อไปปักหลักตามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ใกล้กับปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อตอบโต้กรณีนายกรัฐมนตรีของไทย เรียกร้องให้ปลดธงชาติกัมพูชาที่ปักไว้บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ แต่ถูกปฏิเสธ จึงวางแผนซ้อมรบทหารบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

นาย Srey Doek ผู้บัญชาการกองทัพกัมพูชา ภาคที่ 3 ซึ่งคุมสถานการณ์อยู่ในพื้นที่กล่าวว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ม.ค.ได้รับคำสั่งให้ลำเลียงรถถัง และปืนใหญ่เพื่อประชิดยังชายแดนกัมพูชา เพื่อตอบโต้การวางแผนซ้อมรบของทางการไทย

"คนไทยกำลังซ้อม และพวกเราจะทำบ้าง นั้นเป็นคำตอบว่า ทำไมเราถึงนำรถถังและยุทโธปกรณ์ต่างๆ มายังชายแดน กองทัพของเราพร้อมแล้ว" นาย Srey Doek กล่าว

ด้านนายเขียว กัณหริด รมว.กระทรวงสารสนเทศกัมพูชา กล่าวว่า สถานการณ์อาจปะทุได้ภายในช่วงบ่าย หรือวันที่ 1 ก.พ. หากชาวไทยพยายามคุกคามการก่อสร้างถนน ซึ่งนำไปสู่ปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเคยจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลก

"จุดยืนของเราคือ รักษาพื้นที่ไม่ให้กองทัพไทยรุกล้ำเขตแดนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากทางการกัมพูชา" นายเขียว กัณหริด กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวเขมรในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ต่างจับจ้องดูทีวีช่อง 5 ของกัมพูชา ซึ่งได้เสนอข่าวการเคลื่อนกำลังทหาร พร้อมขบวนรถถัง และรถหุ้มเกราะ เคลื่อนกำลังออกจากฐานทัพ จ.กัมปงชะนัง ของกัมพูชา แล้ววิ่งผ่านเมืองต่างๆ มุ่งหน้าสู่ชายแดน จ.พระวิหาร โดยผู้รายงานข่าวบรรยายว่า ขณะที่กองทัพกัมพูชา นำขบวนรถถัง และรถเกราะวิ่งผ่านเมืองต่างๆได้มีประชาชนชาวเขมรออกมายืนโบกมือ และส่งเสียงไชโยโห่ร้อง เป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทหารกัมพูชา และสร้างความฮึกเหิม ให้กับชาวกัมพูชาเป็นอย่างมาก

ทั้งนี้ สื่อกัมพูชา ยังรายงานอีกว่าทหารกัมพูชาทุกคน จะปกป้องแผ่นดินกัมพูชาไม่ให้ทหารไทยเข้ามาบุกรุก หรือรุกรานอย่างเด็ดขาด
กำลังโหลดความคิดเห็น