“ลุงจำลอง” สวน “มาร์ค” กล่าวหาพันธมิตรฯ ปูดข้อมูลเท็จ ยันมีข้อพิสูจน์ไทยเสียดินแดนให้เขมรแล้ว แนะรัฐทำตาม 3 ข้อ ได้คืนแน่ ย้ำ MOU 43 ทำไทยเสียเปรียบ ไม่ยืนยันเคลื่อนทัพไปไหน ซัด “อภิสิทธิ์” ไม่รับผิดชอบทำ 7 คนไทยติดคุก จวกพวกชอบแถ เมินเจรจารัฐ ยันไม่รับคำตัดสินศาลแขมร์ ฉะรัฐซื้อเวลา ท้า “เทือก” กล้ายืนริมแดนหรือไม่ ซัดกองทัพของบซื้ออาวุธไม่จำเป็น
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุหลักฐานที่กลุ่มพันธมิตรฯ นำมากล่าวอ้างถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชานั้นเป็นข้อมูลเท็จว่า ประชาชนคนฟังย่อมรู้ดีอยู่ว่าข้อมูลของใครแท้จริง ของใครเถียงข้างๆ คูๆ โดยข้อมูลที่พันธมิตรฯ ให้ไปนั้นได้มีการพิสูจน์มาเป็นลำดับว่าเป็นเรื่องจริง โดยเราได้พูดมานานแล้วว่า ไทยได้เสียดินแดนบางส่วนให้กัมพูชาไปแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ 4.6 ตร.กม. หรือ 2,800 ไร่ รอบปราสาทเขาพระวิหาร หรือกรณีชาวบ้านที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่สูญเสียที่ดินทำกิน เพราะถูกกัมพูชาเข้ามายึดครอง แต่รัฐบาลกลับออกมาบอกว่าเรายังไม่เสียดินแดน ขัดแย้งกับความเป็นจริงที่มีชุมชนและวัดของกัมพูชาเข้ามาตั้งในแผ่นดินไทย แสดงให้เห็นว่าเราเสียดินแดนไปแล้วบางส่วน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาก็ออกมายืนยันว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นของกัมพูชา ตรงนี้ดูได้ว่าข้อมูลใครถูกหรือเป็นเท็จ
ส่วนกรณีที่รัฐบาลระบุว่าหากทำตาม 3 ข้อเสนอของพันธมิตรฯ จะทำให้ไทยสูญเสียดินแดนมากกว่า พล.ต.จำลองกล่าวว่า ไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน รัฐบาลต้องลองทำทั้ง 3 ข้อที่เราเสนอไป ทั้ง 3 ข้อนั้นไม่ใช่เรื่องที่คิดไปเอง แต่เป็นเรื่องจริงที่นำมาจากหลักฐานและบุคคลที่มีความรู้เรื่องนี้ ที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยได้เสียดินแดนไปแล้วบางส่วน แล้วหากไม่ทำอะไรจะทำให้เสียเพิ่มอีกเป็นมหาศาล หากทำ 3 ข้อเสนอจะได้ดินแดนที่เสียไปกลับคืนมา แล้วยังจะปกป้องดินแดนในส่วนอื่นๆ ได้อย่างยั่งยืน อยากให้รัฐบาลพิสูจน์ด้วยการกระทำ ซึ่งการไม่ทำอะไรของรัฐบาลเป็นเหตุให้เราต้องมาชุมนุมกันที่นี่ เพื่อให้รัฐบาลออกมาทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน
“ผมยืนยันว่าหากรัฐบาลไทยทำได้ทั้ง 3 ข้อเสนอจะทำให้ไทยได้เปรียบในการเจรจากรณีพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้กัมพูชาได้เปรียบเห็นได้จากกรณีที่เกิดขึ้นจริง ที่ 7 คนไทยถูกจับในดินแดนไทย แสดงให้เห็นว่า MOU 2543 ที่รัฐบาลยกย่องหนักหนานั้นทำให้ไทยเสียเปรียบ เพราะข้อตกลงที่ที่ระบุว่าห้ามเปลี่ยนแปลงภูมิภาค และห้ามใช้กำลังทหารในการจัดการปัญหา นั่นหมายความว่าเมื่อกัมพูชารุกล้ำดินแดนเข้ามา ไทยไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทั้งที่กัมพูชาตั้งหน้าตั้งตาละเมิด MOU 2543 มาโดยตลอด” พล.ต.จำลองกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีต่อไปของการชุมนุมหลังผ่านมา 1 สัปดาห์ พล.ต.จำลองกล่าวว่า เรื่องที่เราออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่ใช่เพียง 1 สัปดาห์ที่มาชุมนุมกันอย่างที่เข้าใจ หากแต่เป็นเวลากว่า 2 ปีแล้วที่เราพยายามเรียกร้อง ส่วนท่าทีนั้นยืนยันว่าจะยังชุมนุมปักหลักค้างคืนที่นี่ อยู่ตำหูตำตารัฐบาล เพื่อให้ออกมาทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ออกมาทำหน้าที่ของภาคประชาชนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 70-71 เช่นกัน เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่าจะไปปิดล้อมสถานทูตกัมพูชา พล.ต.จำลองกล่าวว่า ไม่ยืนยันทั้งสิ้นว่าจะไม่ไปไหน แต่จะต้องมีการหารือกันก่อน อาจจะมีการไปไหนก็ได้ หลายปีก่อนมีการเผาสถานทูตไทยในกัมพูชา จึงมีคนคิดว่าจะทำอย่างนั้นหรือไม่ ยืนยันได้เพียงว่ายังไม่ได้คิด จะต้องหารือกันก่อน
เมื่อถามต่อว่า นายอภสิทธิ์ระบุด้วยว่า การถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลก จะทำให้ไทยไม่มีเวทีในการทักท้วง หากกัมพูชานำปราสาทพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ตรงนี้ประชาชนต้องเลือกว่าจะฟังใครระหว่างนายกฯ อภิสิทธิ์ หรือผู้ใหญ่ของบ้านเมืองที่มีประสบการณ์อย่าง ศ.ดร.อดุลย์ วิเชียรเจริญ ซึ่งเคยอยู่ในกรรมการมรดกโลกมาถึง 23 ปี ประชาชนจะฟังคนโกหก หรือผู้ใหญ่ที่พูดความจริงซึ่งไม่มีส่วนได้เสียใดๆ ส่วนที่นายกฯ อภิสิทธิ์ถามหาความรับผิดชอบจากการถอนตัวออกจากภาคีมรดกโลกนั้น เราทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน ขอถามกลับไปยังนายกฯอภิสิทธิ์ว่ากรณี 7 คนไทยที่ต้องไปติดคุกกัมพูชา เรื่องนี้นายกฯ อภิสิทธิ์ รับผิดชอบบ้างหรือไม่ เมื่อไม่รับผิดชอบทำให้ ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ กับนายตายแน่ มุ่งมาจน จึงต้องดำเนินการฟ้องร้อง
“การกระทำและข้อเสนอของพันธมิตรฯ มีการพิสูจน์เป็นขั้นเป็นตอนว่าเราพูดจริง แต่อีกฝ่ายกลับเถียงข้างๆ คูๆ ไปเรื่อย” พล.ต.จำลองกล่าว
ส่วนกรณีที่มี นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองอาสาปกป้องแผ่นดิน เสนอให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปิดการเจรจากับรัฐบาลเพื่อร่วมกันหาทางออกนั้น พล.ต.จำลองกล่าวว่า เราเจรจากันมาหลายครั้งแล้วก็ล้มเหลว เหตุใด นพ.ตุลย์จึงมาเสนอในสิ่งที่ล้มเหลวตลอดมา เสียเวลาเปล่าๆ คงไม่ได้ประโยชน์หากมีการเจรจากันอีกครั้ง ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ก็มีข้อเสนอที่ชัดเจน 3 ข้อซึ่งเป็นรูปธรรมมาก หากรัฐบาลไม่เข้าใจก็สอบถามมาได้
พล.ต.จำลองยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีการนำตัวแทนชาวบ้านหนองจานเข้าพบนายกฯ อภิสิทธิ์ เพื่อร้องเรียนว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ทำให้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตึงเครียด ทำให้มีผลกระทบต่อการค้าขายว่า คงเป็นเหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา หากมีการเคลื่อนไหวใดๆ หรืออย่างที่กลุ่มพันธมิตรฯ เคลื่อนไปที่บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ก็จะมีการเกณฑ์ชาวบ้านออกมาว่าการค้าขายเสียหาย ต้องถามว่าการผลกระทบต่อการทำหากินของชาวบ้านนั้นเทียบกับการสูญเสียดินแดนได้หรือไม่
ถามต่อว่า กรณีการตัดสินคดีของ 2 คนไทยโดยศาลกัมพูชาจะมีผลต่อการชุมนุมหรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า เราติดตามสถานการณ์ตลอด แต่ขอยืนยันว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่รับคำตัดสินของศาลกัมพูชาไม่ว่าในรูปแบบใด เพราะเรายื่นเรื่องนี้ไปแล้วตั้งแต่ก่อนเข้ากระบวนการของศาล แต่การกระทำของเราไม่มีผลต่อศาลกัมพูชา จะมีผลก็ต่อเมื่อนายกฯของไทยต้องทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน โดยออกมาปกป้องคนไทยทั้ง 7 ว่าทางการกัมพูชาทำไม่ถูกต้องในการลักพาคนไทยออกจากแผ่นดินไทยไปแล้วนำไปขึ้นศาลกัมพูชา มีเพียงการกล่าวอ้างว่าพยายามช่วยอย่างเต็มที่ แต่ไม่เห็นทำอะไรเลย ตอนนี้เป็นเวลาของการทำ ไม่ใช่เวลามานั่งพูดหรือเจรจา
“สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำตอนนี้ เพื่อต้องการยืดเวลา และให้ประชาชนสงสารว่ารัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาอยู่ เรื่องนี้ไม่จริง หากพยายามทำ เหตุการณ์ต่างๆ คงไม่เกิดขึ้น รวมไปถึงการไม่ฟังข้อเสนอของภาคประชาชน” พล.ต.จำลองกล่าว
เมื่อถามถึงโอกาสในการยกระดับการชุมนุม พล.ต.จำลองกล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์ไปเรื่อยๆ อย่าใจร้อน เพราะเราต้องทำทุกอย่างด้วความรอบคอบ ไม่ได้ทำเพียงเพื่อความสะใจ ทุกอย่างต้องมีการหารือกันก่อน โดยการออกมาชุมนุมครั้งนี้เป้าประสงค์ของเราคือ 3 ข้อเสนอ ส่วนเรื่องการที่ 7 คนไทยถูกจับเป็นประเด็นเพิ่มเติมมาในภายหลัง แม้จะมีความสำคัญ แต่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของพันธมิตรฯ แม้กระทั่งหากมีการปล่อยตัว 7 คนไทยออกมาอย่างไม่มีมลทิน เราก็ยังไม่เลิกการชุมนุม เพราะสิ่งที่ต้องการ คือ รัฐบาลต้องทำตาม 3 ข้อเสนอเพื่อให้ได้คำตอบโดยสมบูรณ์ในปัญหาไทย-กัมพูชา
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทหารไทยนำธงชาติไทยไปปักที่บริเวณผามออีแดงเพื่อตอบโต้กัมพูชา พล.ต.จำลองกล่าวว่า ไม่เพียงพอ ต้องนำธงกัมพูชาลงมาให้ได้ ตนได้ยินว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ออกมาบอกว่าไม่มีอะไร ธงผืนเล็กนิดเดียว สิ่งที่ พล.อ.ประวิตรพูดนั้นต้องการให้คนเข้าใจว่าไม่ใช่ธงชาติ ตนขอแย้ง พล.อ.ประวิตร เพราะการจะเป็นธงชาติหรือไม่นั้น กำหนดโดยสี และสัดส่วนกว้าง-ยาว ไม่ได้บอกว่าต้องใหญ่โตถึงจะเป็นธงชาติ
“พล.อ.ประวิตร ไม่รู้หรืออย่างไรว่าธงชาติไทยกำหนดไว้ว่า ขนาดกว้างต่อความยาว ต้องเป็น 3 ต่อ 5 มีสีขาว แดง น้ำเงินหมายถึงอย่างไร” พล.ต.จำลองกล่าวพร้อมนำธงชาติขนาดต่างๆ มาแสดงให้สื่อมวลชนดูประกอบ
ส่วนกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ออกมากล่าวว่ากลุ่มพันธมิตรฯ พยายามให้มีการก่อสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน หากเกิดสงครามจริงกลุ่มพันธมิตรฯ จะกล้าไปทำหน้าที่บริเวณชายแดนหรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า การที่รองนายกฯ ฝ่ายความง่อนแง่นพูดเรื่องนี้ออกมา เพื่อสร้างความหวาดกลัวให้เกิดในประชาชนคนไทย ถามว่านายสุเทพกล้าหรือไม่ที่จะไปยืนที่ชายแดน เพราะคนคนนี้ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เมื่อครั้งที่มีเหตุการณ์มาประชิดติดแดนไทย ซึ่งตนไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทั้งที่ลาวหรือเวียดนาม ตนก็อาสาและสอบคัดเลือกจากโรงเรียนเสนาธิการทหารบกเพื่อไปรบด้วย อย่างนี้ต้องถามว่า คนที่พูดเคยออกสนามรบหรือไม่ต่างหาก หรือเป็นเพียงรัฐมนตรีไทยหัวใจเขมรที่เถียงข้างๆ คูๆ ไปเรื่อย
“หากมีใครมารุกดินแดนก็ปล่อยเขาไป กลัวว่าหากออกไปต่อต้านแล้วเจ็บแล้วตายอย่างนั้นหรือ บางครั้งในการทำหน้าที่อาจจะต้องมีการเสียสละบ้าง ซึ่งก็เป็นการเสียสละในหน้าที่” พล.ต.จำลองกล่าว
พล.ต.จำลองกล่าวอีกว่า ทราบมาว่าตอนนี้กองทัพกำลังจะซื้ออาวุธด้วยงบประมาณ 1.3 แสนล้านบาท ตนเชื่อว่ามีความจำเป็นที่ต้องซื้อ แต่ไม่ใช้ซื้อมาอวดเด็กในวันเด็ก ต้องใช้เป็นพลังในต่อรอง ในความเป็นจริงตอนนี้ก็เหลือเฟืออยู่แล้ว แต่กลับไม่ใช้ ยอมเป็นลูกไล่ เป็นขี้ข้าเขมร โดยเฉพาะทหารที่ต้องคิดหนัก ทั้งที่ยังรับราชการและที่เกษียณ เพราะทหารไม่มีวันตายไปจาก 4 คำ คือ ชาติ เกียรติ วินัย กล้าหาญ เช่นนี้แล้วทหารยอมไม่ได้
“รัฐบาลนี้เพลี่ยงพล้ำมาเรื่อยๆ พันธมิตรฯ ออกมาชี้ให้เห็นเป็นข้อๆ แต่รัฐบาลไม่สนใจ กลับหันมาหาเรื่องเล่นงานเรา เพราะมาอยู่ตรงนี้เหมือนเป็นหอกข้างแคร่ อยู่ข้างทำเนียบจะปีนเข้าไปเมื่อไรก็ไม่รู้ ผมทราบมาโดยแน่ชัดว่า ขณะนี้รัฐบาลพยายามทำ 3 อย่างเพื่อกลั่นแกล้งพันธมิตรฯ คือ 1.ส่งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาเจรจาให้เปิดช่องทางจราจร อ้างว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการจราจรติดขัด ซึ่งตนทราบมาอีกว่า มีวิชามารโดยการเปิดสัญญาณไฟแดงรอบพื้นที่การชุมนุม เพื่อให้รถติด แล้วโทษกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าสร้างความเดือดร้อน 2.จ้างคนภายนอกมาป่วนในพื้นที่ชุมนุมโดยวิธีต่างๆ และ 3.การเตรียมการในการสลายการชุมนุม ซึ่งตนยืนยันว่าเราไม่ยอมออกจากพื้นที่ จนกว่ารัฐบาลจะทำหน้าที่ หากมีการสลายวันนี้ พรุ่งนี้ก็จะกลับมาใหม่ การถูกจับเพราะมาปกป้องดินแดน ดีกว่าอยู่ในตำแหน่งแล้วไม่ทำอะไร” พล.ต.จำลองกล่าว