ชายแดน “ตาเมือนธม-ตาควาย” ตึงเครียดอีก - เขมรเสริมทหาร-อาวุธหนักประชิดไทยต่อเนื่อง

สุรินทร์- ชายแดน “ตาเมือนธม-ตาควาย” อ.พนมดงรัก เมืองช้าง ตึงเครียดอีก เขมรเสริมกำลังทหาร-อาวุธหนัก ประชิดชายแดนต่อเนื่อง พร้อมรบตลอดเวลา หลังไทยแถลงโต้จี้เขมรปลดธงชาติ-รื้อทิ้งวัดแก้วฯ และทหารไทยชักธงชาติที่ “สถูปคู่” ใกล้วัดแก้วฯ บนเขาพระวิหาร เผย ชาวเขมรผวาเข้ามาซื้อสินค้า “ช่องจอม” น้อย ชาวบ้าน 2 ประเทศหวั่นเดือดร้อน วอนรัฐบาล 2 ประเทศเจรจาอย่างสันติ


ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากรัฐบาลไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ตอบโต้รัฐบาลกัมพูชา ยืนยันวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) บนเขาพระวิหาร อยู่ในอาณาเขตไทย พร้อมให้รื้อถอนวัดแก้วฯ ปลดธงกัมพูชาเหนือวัดแก้วฯ ออกไป และทหารไทยได้ชักธงชาติไทยสู่ยอดเสาที่บริเวณสถูปคู่ บนเขาพระวิหาร เมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) ขณะฝ่ายกัมพูชาได้เคลื่อนกำลังทหาร พร้อมอาวุธหนัก รถถัง รถตรวจการณ์วี 150 เดินทางจากกรุงพนมเปญ มุ่งหน้าเข้าประจำการชายแดนด้าน จ.ศรีสะเกษ โดยเฉพาะปราสาทพระวิหาร และ จ.สุรินทร์ เป็นจำนวนมากนั้น

ล่าสุด วันนี้ (1 ก.พ.) สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ โดยเฉพาะพื้นที่พิพาทด้านปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก และ ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ได้เกิดความตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากช่วงเช้าวันนี้ ทหารกัมพูชาได้เสริมอาวุธหนัก พร้อมกำลังพลเข้าประชิดชายแดน พื้นที่ด้านตรงข้ามประสาทตาเมือนธม และ ปราสาทตาควาย เพิ่มขึ้นอีก

นอกจากนี้ พบว่า ทหารกัมพูชามีการเคลื่อนไหวกำลังพลอย่างผิดสังเกต มีการเดินทางเข้ามาลาดตระเวนในพื้นที่ใกล้ตัวปราสาททั้ง 2 แห่งถี่มากขึ้น และอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลา ขณะที่ทหารไทยได้รับคำสั่ง ให้อยู่ในสภาพพร้อมปฏิบัติงาน 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งทหารไทย และทหารกัมพูชา ยังสามารถเจรจาพูดคุยกันได้ ภายใต้สถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ

ขณะที่ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ พ่อค้าแม่ค้าประชาชนชาวกัมพูชา จากชุมชนโอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ฝั่งตรงข้ามด่านช่องจอม เดินทางมาซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ในฝั่งไทยในจำนวนน้อยลงอย่างชัดเจน อาจเป็นเพราะไม่แน่ใจในสถานการณ์ความตึงเครียดที่ทหารกัมพูชามีการเสริมกำลังพร้อมรถถัง และอาวุธหนักประชิดชายด้าน จ.ศรีสะเกษ และ จ.สุรินทร์ อย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้

ส่วนผู้ปกครองชาวกัมพูชายังคงนำพาบุตรหลานชาวกัมพูชา เดินทางผ่านด่านผ่านแดนถาวรช่องจอม เข้ามาเรียนหนังสือในโรงเรียนฝั่งประเทศไทยตามปรกติ อย่างไรก็ตามประชาชนในพื้นที่แนวชายแดน ทั้ง 2 ประเทศ ยังต้องการให้รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศเจรจาแก้ปัญหากันอย่างสันติ โดยไม่ใช้ความรุนแรง เพราะชาวบ้านในพื้นที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันในการติดต่อค้าขาย รวมทั้งด้านการท่องเที่ยวและการศึกษา ซึ่งปัจจุบันเด็กนักเรียนชาวกัมพูชานิยมเดินทางเข้ามาเรียนหนังสือในโรงเรียนฝั่งไทย ดังกล่าว