กาญจนบุรี -เกิดเหตุไฟไหม้แพล่องเมืองกาญจนบุรีกลางดึก เสียหายไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท จนท.เชื่อไม่ได้มาจากการวางเพลิง ส่วนจะเกิดจากปัญหาใดต้องรอผลสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 24.00 น.วานนี้ (27 ม.ค.)ศูนย์วิทยุจักรพรรดิเทศบาลเมืองกาญจนบุรีและศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเทศบาลเมืองกาญจนบุรี (อปพร.) ว่ามีเหตุเพลิงไหม้แพปรีชา ที่บริเวณท่าเทียบแพเขื่อนขุนแผน จอดเทียบท่าอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ ฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ถนนริมน้ำหน้าเมือง ต.บ้านเหนือ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี จึงรีบนำรถดับเพลิงไปฉีดน้ำสกัดเพลิง
เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมรถดับเพลิงเดินทางถึง พบว่าเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างหนัก และมีลมแรงทำให้เพลิงลุกลามไปยังแพล่องหลังอื่นที่จอดเทียบใกล้กัน ประกอบกับโครงสร้างของแพแต่ละหลังส่วนใหญ่ทำด้วยไม้ และบางหลังหลังคามุงด้วยจากจึงทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเกิดเสียงระเบิดจากถังแก๊สภายในแพเป็นระยะ ทำให้การดับเพลิงทำได้ยากลำบาก โดยมีชาวบ้านและผู้ประกอบการแพรวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวตามสถานบันเทิง และร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนถนนริมน้ำหน้าเมืองจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ต่างลุกจากเก้าอี้นั่งเดินข้ามถนนมาดูเพลิงไหม้แพด้วยความสนใจจำนวนมากกลายเป็นภาพไฟไหม้แพในลำน้ำคล้ายทะเลเพลิง
เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงสามารถควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัด ตรวจสอบเบื้องต้นมีแพล่องที่ถูกเพลิงลุกไหม้ประมาณ 12 หลัง โดยแต่ละหลังมีมูลค่าการก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท รวมค่าเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
พล.ต.ต.โชต วีรเดชกำแหง ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบว่าต้นเพลิงมาจากแพปรีชา ที่จอดเทียบท่าอยู่ฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเพลิงได้ลุกลามติดต่อแพที่ผูกติดกันอีกราว 5-6 หลัง ก่อนที่เชือกที่ผูกตัวแพกับต้นไม้บนฝั่งจะถูกไฟไหม้ขาด แพบางหลังไหลตามลำน้ำข้ามฝั่งมาหาแพที่จอดเทียบท่าหน้าเมืองกาญจนบุรี ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามเช่นกัน
เบื้องต้นได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กษณะ แจ่มสว่าง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการและพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี มาร่วมตรวจเก็บหาหลักฐานที่พบในแพต้นเพลิง เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเบื้องต้นเชื่อว่าไม่ได้มาจากการวางเพลิง แต่อาจเกิดปัญหาใดนั้น ต้องรอผลสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงจะสามารถให้คำตอบที่แน่นอนได้
ส่วนด้าน นายนพพร ถาวรประดิษฐ์ หรือ “เสี่ยเล็ก แพกาญจน์” นายกสมาคมชาวแพชาวเรือจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก สมาคมชาวเรือชาวแพโดยตนจะเรียกประชุมคณะกรรมการของสมาคมในวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์และข้อสรุปว่าเพลิงที่ลุกไหม้เกิดจากสาเหตุใด และจะต้องหามาตรการในการป้องกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ที่ผ่านมาแพล่องที่ว่างจากการรับนักท่องเที่ยวและจอดเทียบท่าจะต้องมีพนักงานดูแลอยู่ในแพตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 24.00 น.วานนี้ (27 ม.ค.)ศูนย์วิทยุจักรพรรดิเทศบาลเมืองกาญจนบุรีและศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเทศบาลเมืองกาญจนบุรี (อปพร.) ว่ามีเหตุเพลิงไหม้แพปรีชา ที่บริเวณท่าเทียบแพเขื่อนขุนแผน จอดเทียบท่าอยู่ริมแม่น้ำแควใหญ่ ฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ถนนริมน้ำหน้าเมือง ต.บ้านเหนือ เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี จึงรีบนำรถดับเพลิงไปฉีดน้ำสกัดเพลิง
เมื่อเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมรถดับเพลิงเดินทางถึง พบว่าเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างหนัก และมีลมแรงทำให้เพลิงลุกลามไปยังแพล่องหลังอื่นที่จอดเทียบใกล้กัน ประกอบกับโครงสร้างของแพแต่ละหลังส่วนใหญ่ทำด้วยไม้ และบางหลังหลังคามุงด้วยจากจึงทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเกิดเสียงระเบิดจากถังแก๊สภายในแพเป็นระยะ ทำให้การดับเพลิงทำได้ยากลำบาก โดยมีชาวบ้านและผู้ประกอบการแพรวมถึงนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวตามสถานบันเทิง และร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนถนนริมน้ำหน้าเมืองจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์ต่างลุกจากเก้าอี้นั่งเดินข้ามถนนมาดูเพลิงไหม้แพด้วยความสนใจจำนวนมากกลายเป็นภาพไฟไหม้แพในลำน้ำคล้ายทะเลเพลิง
เจ้าหน้าที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงสามารถควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัด ตรวจสอบเบื้องต้นมีแพล่องที่ถูกเพลิงลุกไหม้ประมาณ 12 หลัง โดยแต่ละหลังมีมูลค่าการก่อสร้างไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท รวมค่าเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท
พล.ต.ต.โชต วีรเดชกำแหง ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นทราบว่าต้นเพลิงมาจากแพปรีชา ที่จอดเทียบท่าอยู่ฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเพลิงได้ลุกลามติดต่อแพที่ผูกติดกันอีกราว 5-6 หลัง ก่อนที่เชือกที่ผูกตัวแพกับต้นไม้บนฝั่งจะถูกไฟไหม้ขาด แพบางหลังไหลตามลำน้ำข้ามฝั่งมาหาแพที่จอดเทียบท่าหน้าเมืองกาญจนบุรี ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามเช่นกัน
เบื้องต้นได้สั่งการให้ พ.ต.อ.กษณะ แจ่มสว่าง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนหาสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการและพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี มาร่วมตรวจเก็บหาหลักฐานที่พบในแพต้นเพลิง เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยเบื้องต้นเชื่อว่าไม่ได้มาจากการวางเพลิง แต่อาจเกิดปัญหาใดนั้น ต้องรอผลสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงจะสามารถให้คำตอบที่แน่นอนได้
ส่วนด้าน นายนพพร ถาวรประดิษฐ์ หรือ “เสี่ยเล็ก แพกาญจน์” นายกสมาคมชาวแพชาวเรือจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก สมาคมชาวเรือชาวแพโดยตนจะเรียกประชุมคณะกรรมการของสมาคมในวันนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์และข้อสรุปว่าเพลิงที่ลุกไหม้เกิดจากสาเหตุใด และจะต้องหามาตรการในการป้องกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ที่ผ่านมาแพล่องที่ว่างจากการรับนักท่องเที่ยวและจอดเทียบท่าจะต้องมีพนักงานดูแลอยู่ในแพตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว