กาญ๗นบุรี - ผู้ว่าฯกาญจนบุรี สั่งตำรวจเร่งสอบสวนหาต้นเหตุแพล่องกาญจน์ไหม้ ชี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบต่อการท่องเที่ยว
จากกรณีเพลิงไหม้แพล่องในแม่น้ำแควใหญ่กลางดึกคืนที่ผ่านมา ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (27 ม.ค.) นางจิตติมา พงส์นิมิตร อายุ 61 ปี หรือ “เจ๊จู” เจ้าของแพปรีชา ที่เป็นแพต้นเพลิง ได้นำ พ.ต.อ.กษณะ แจ่มสว่าง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.กิตติพงษ์ บุญรอด รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ประวิตร เที่ยงน่วม พงส.(สบ3) เจ้าของคดี และ พ.ต.ท.จุมพล เหลืองวิบูลย์ สว.สำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไปยังแพปรีชาที่เกิดเหตุ ตั้งอยู่ในลำน้ำแคว ฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เพื่อหาหลักฐานในแพต้นเพลิงอย่างละเอียด
โดย นางจิตติมา หรือ เจ๊จู เจ้าของแพปรีชา ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวน ว่า ตนมีแพทั้งหมด 28 หลัง มีทั้งแพพักและแพเธค โดยแพที่ถูกไฟไหม้ในครั้งนี้เป็นแพรวม 8 หลัง เป็นแพพัก 6 หลัง แพเธค 2 หลัง รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 15 ล้านบาท ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ก่อนเกิดเหตุมีวัยรุ่น 2 กลุ่ม ที่มามั่วสุมกันบริเวณฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี แล้วเกิดทะเลาะกันมีการขว้างระเบิดขวดใส่กัน และมีบางขวดเข้าไปในแพทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว
ส่วนสาเหตุที่บอกว่า ไฟฟ้าลัดวงจรเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากแพทุกหลังไม่มีระบบ ไฟฟ้า มีเพียงใช้แบตเตอรี่เท่านั้น นอกจากนี้ แพทุกหลังไม่มีประกันอัคคีภัย เนื่องจากที่ผ่านมาได้ติดต่อบริษัทประกันมาทำ แต่ไม่มีบริษัทไหนรับเลย ส่วนคดีขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะมั่นใจว่าตำรวจจะคลี่คลายคดีนี้ได้
ส่วนด้าน พ.ต.อ.กษณะ แจ่มสว่าง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุที่แน่ชัดได้ คงต้องรอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี ว่าผลสรุปผลออกมาก่อนว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ หากผลออกมาจะสามารถดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ต่อไป เบื้องต้นเร่งสอบปากคำพยานแวดล้อมและประจักษ์พยานอยู่
ส่วนทางด้าน นายณฐพลษ์ วิเชียรเพนิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ทางตำรวจเร่งสอบสวนสืบสวนเพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบกับการท่องเที่ยวมากพอสมควร ดังนั้นต้องชัดเจนและชี้แจงให้สังคมทราบเพราะการท่องเที่ยวแพฃล่องเป็นธุรกิจท่องเที่ยวที่นำรายได้ มาสู่กาญจนบุรีจำนวนมาก
จากกรณีเพลิงไหม้แพล่องในแม่น้ำแควใหญ่กลางดึกคืนที่ผ่านมา ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (27 ม.ค.) นางจิตติมา พงส์นิมิตร อายุ 61 ปี หรือ “เจ๊จู” เจ้าของแพปรีชา ที่เป็นแพต้นเพลิง ได้นำ พ.ต.อ.กษณะ แจ่มสว่าง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พ.ต.ท.กิตติพงษ์ บุญรอด รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ประวิตร เที่ยงน่วม พงส.(สบ3) เจ้าของคดี และ พ.ต.ท.จุมพล เหลืองวิบูลย์ สว.สำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางไปยังแพปรีชาที่เกิดเหตุ ตั้งอยู่ในลำน้ำแคว ฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี เพื่อหาหลักฐานในแพต้นเพลิงอย่างละเอียด
โดย นางจิตติมา หรือ เจ๊จู เจ้าของแพปรีชา ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวน ว่า ตนมีแพทั้งหมด 28 หลัง มีทั้งแพพักและแพเธค โดยแพที่ถูกไฟไหม้ในครั้งนี้เป็นแพรวม 8 หลัง เป็นแพพัก 6 หลัง แพเธค 2 หลัง รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 15 ล้านบาท ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ก่อนเกิดเหตุมีวัยรุ่น 2 กลุ่ม ที่มามั่วสุมกันบริเวณฝั่งสวนสุขภาพเทศบาลเมืองกาญจนบุรี แล้วเกิดทะเลาะกันมีการขว้างระเบิดขวดใส่กัน และมีบางขวดเข้าไปในแพทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว
ส่วนสาเหตุที่บอกว่า ไฟฟ้าลัดวงจรเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากแพทุกหลังไม่มีระบบ ไฟฟ้า มีเพียงใช้แบตเตอรี่เท่านั้น นอกจากนี้ แพทุกหลังไม่มีประกันอัคคีภัย เนื่องจากที่ผ่านมาได้ติดต่อบริษัทประกันมาทำ แต่ไม่มีบริษัทไหนรับเลย ส่วนคดีขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะมั่นใจว่าตำรวจจะคลี่คลายคดีนี้ได้
ส่วนด้าน พ.ต.อ.กษณะ แจ่มสว่าง ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจยังไม่สามารถระบุถึงสาเหตุที่แน่ชัดได้ คงต้องรอผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกาญจนบุรี ว่าผลสรุปผลออกมาก่อนว่าเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ หากผลออกมาจะสามารถดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ต่อไป เบื้องต้นเร่งสอบปากคำพยานแวดล้อมและประจักษ์พยานอยู่
ส่วนทางด้าน นายณฐพลษ์ วิเชียรเพนิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ตนได้สั่งการให้ทางตำรวจเร่งสอบสวนสืบสวนเพื่อหาสาเหตุที่เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นกระทบกับการท่องเที่ยวมากพอสมควร ดังนั้นต้องชัดเจนและชี้แจงให้สังคมทราบเพราะการท่องเที่ยวแพฃล่องเป็นธุรกิจท่องเที่ยวที่นำรายได้ มาสู่กาญจนบุรีจำนวนมาก