ASTVผู้จัดการรายวัน – เหมราชรับอานิสงส์เปิดเขตค้าเสรีอาเซียน นักลงทุนหันตั้งฐานผลิตในไทย คาดหนุนยอดขายที่ดินในนิคมกว่า 1,200 ไร่ในปี 54 ส่วนรายได้โต 30% ด้านลงทุนตั้งงบ 7,000 ล.ใน 3 ธุรกิจหลัก ด้านอสังหาฯปลายปีเปิดบ้านหรูริมน้ำย่านพระราม 3 มูลค่า 500 ล้านบาท
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2554 ทางบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 1,200 ไร่ คิดเป็นการเติบโต 30% ในธุรกิจที่ดินอุตสาหกรรม จากปี 53 ที่ยอดขายที่ดินอยู่ที่ 930 ไร่ โดยพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจ เป็นผลจากอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของการส่งออก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ไทยเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอันดับ 13 โลก
นอกจากนี้ การเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ทำให้นักลงทุนได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี 0% ในการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่คาดว่าจะดึงดูดนักลงทุนจากญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และอินเดีย เข้ามาเพิ่ม โดยไทยที่มีศักยภาพในการผลิตทั้งด้านบุคลากร คมนาคม และสิ่งอำนวยสะดวกอื่นๆ มากกว่าประเทศเพื่อบ้าน ทำให้นักลงทุนหันมาตั้งฐานการผลิตในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเป้าหมายการขายที่ดิน 1,200 ไร่นั้น มาจาก 50 สัญญา แบ่งลูกค้าใหม่ 25 ราย ที่เหลือเป็นลูกค้าเก่าล่าสุดเจรจาซื้อขายที่ดินไปแล้ว 2 ราย รวมเนื้อที่กว่า 200 ไร่ สำหรับเป้าหมายรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโตจากปีที่แล้ว 30% แบ่งเป็นรายได้จากนิคมอุตสาหกรรม 40%, สาธารณูปโภค 30% และที่เหลืออีก 30% เป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอื่นๆ และบริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้จากบริการสาธารณูปโภคเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทในปี 55 รายได้รวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท
ในปีนี้ บริษัทยังเน้นการลงทุนใน 3 ธุรกิจ คือ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค และ อสังหาริมทรัพย์ โดยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมตั้งเป้าเพิ่มสัญญาซื้อขายใหม่ 50 สัญญา โดย 50% มาจากลูกค้าเดิม ซึ่งได้อานิสงส์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรีในกลุ่มอาเซียน
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมเม็ดเงินลงทุนในปี 54 จำนวน 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนโรงงานไฟฟ้า 2,000 ล้านบาท, โรงงานสำเร็จรูป 600 ล้านบาท, ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม 1,200 ล้านบาท, ที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม 1,200 ล้านบาท และที่เหลือ 2,000 ล้านบาทเป็นการเตรียมเม็ดเงินเพื่อการลงทุนอื่นๆที่อาจจะเข้ามาระหว่างปี
สำหรับการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยเตรียมเปิดโครงการ ริเวอร์ วิว เป็นบ้านเดี่ยวระดับไฮเอ็น ริมแม่น้ำย่านพระราม จำนวน 25 ยูนิต ระดับราคาเฉลี่ย 20 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่ารวม 500 ล้านบาท โดยจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนในปี 55 เตรียมพัฒนา 2 โครงการได้แก่ คอนโดมิเนียม ด้านหลังอาคารยูเอ็ม ทาวน์เวอร์ ติดแอร์พอร์ตลิ้งค์ บนเนื้อที่ 3 ไร่ จำนวน 300 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยในนิคมอุตสากรรมอิสเทิร์น ซีบอร์ด เพื่อจับกลุ่มลุกค้าที่เป็นผู้บริหารที่ทำงานในนิคมฯดังกล่าว
ส่วนธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปคาดว่าจะมีการเช่าเพิ่มขึ้น 40% จากรูปแบบโรงงานใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นรองรับการขยายตัวในอนาคต และการเข้าถือหุ้น 100% ในเหมราช เอส ไอ แอล และ เหมราช อาร์ ไอ แอล จะส่งผลให้รายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมและการเช่าโรงงานเติบโตอย่างเด่นชัดขึ้น ส่วนธุรกิจบริหารด้านสาธารณูปโภค โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระของเก็คโค่-วัน จะเริ่มดำเนินการต้นปี 55
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในเดือน เม.ย.54 เพื่อขออนุมัติการออกหุ้นกู้ ในวงเงิน 2,000-4,000 ล้านบาท ให้เพียงพอต่อการลงทุนใน 3-4 ปี
นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการ เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2554 ทางบริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 1,200 ไร่ คิดเป็นการเติบโต 30% ในธุรกิจที่ดินอุตสาหกรรม จากปี 53 ที่ยอดขายที่ดินอยู่ที่ 930 ไร่ โดยพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจ เป็นผลจากอุปสงค์ในประเทศที่เพิ่มขึ้นและการขยายตัวของการส่งออก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ไทยเป็นผู้ส่งออกรถยนต์รายใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และอันดับ 13 โลก
นอกจากนี้ การเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียน ทำให้นักลงทุนได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี 0% ในการส่งออกไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน ที่คาดว่าจะดึงดูดนักลงทุนจากญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย และอินเดีย เข้ามาเพิ่ม โดยไทยที่มีศักยภาพในการผลิตทั้งด้านบุคลากร คมนาคม และสิ่งอำนวยสะดวกอื่นๆ มากกว่าประเทศเพื่อบ้าน ทำให้นักลงทุนหันมาตั้งฐานการผลิตในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับเป้าหมายการขายที่ดิน 1,200 ไร่นั้น มาจาก 50 สัญญา แบ่งลูกค้าใหม่ 25 ราย ที่เหลือเป็นลูกค้าเก่าล่าสุดเจรจาซื้อขายที่ดินไปแล้ว 2 ราย รวมเนื้อที่กว่า 200 ไร่ สำหรับเป้าหมายรายได้ปีนี้คาดว่าจะเติบโตจากปีที่แล้ว 30% แบ่งเป็นรายได้จากนิคมอุตสาหกรรม 40%, สาธารณูปโภค 30% และที่เหลืออีก 30% เป็นรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจอื่นๆ และบริษัทตั้งเป้าที่จะมีรายได้จากบริการสาธารณูปโภคเพิ่มเป็น 1,500 ล้านบาทในปี 55 รายได้รวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท
ในปีนี้ บริษัทยังเน้นการลงทุนใน 3 ธุรกิจ คือ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภค และ อสังหาริมทรัพย์ โดยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมตั้งเป้าเพิ่มสัญญาซื้อขายใหม่ 50 สัญญา โดย 50% มาจากลูกค้าเดิม ซึ่งได้อานิสงส์จากข้อตกลงเขตการค้าเสรีในกลุ่มอาเซียน
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมเม็ดเงินลงทุนในปี 54 จำนวน 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนโรงงานไฟฟ้า 2,000 ล้านบาท, โรงงานสำเร็จรูป 600 ล้านบาท, ลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม 1,200 ล้านบาท, ที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรม 1,200 ล้านบาท และที่เหลือ 2,000 ล้านบาทเป็นการเตรียมเม็ดเงินเพื่อการลงทุนอื่นๆที่อาจจะเข้ามาระหว่างปี
สำหรับการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยเตรียมเปิดโครงการ ริเวอร์ วิว เป็นบ้านเดี่ยวระดับไฮเอ็น ริมแม่น้ำย่านพระราม จำนวน 25 ยูนิต ระดับราคาเฉลี่ย 20 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่ารวม 500 ล้านบาท โดยจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วนในปี 55 เตรียมพัฒนา 2 โครงการได้แก่ คอนโดมิเนียม ด้านหลังอาคารยูเอ็ม ทาวน์เวอร์ ติดแอร์พอร์ตลิ้งค์ บนเนื้อที่ 3 ไร่ จำนวน 300 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาที่อยู่อาศัยในนิคมอุตสากรรมอิสเทิร์น ซีบอร์ด เพื่อจับกลุ่มลุกค้าที่เป็นผู้บริหารที่ทำงานในนิคมฯดังกล่าว
ส่วนธุรกิจโรงงานสำเร็จรูปคาดว่าจะมีการเช่าเพิ่มขึ้น 40% จากรูปแบบโรงงานใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นรองรับการขยายตัวในอนาคต และการเข้าถือหุ้น 100% ในเหมราช เอส ไอ แอล และ เหมราช อาร์ ไอ แอล จะส่งผลให้รายได้จากการขายที่ดินอุตสาหกรรมและการเช่าโรงงานเติบโตอย่างเด่นชัดขึ้น ส่วนธุรกิจบริหารด้านสาธารณูปโภค โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระของเก็คโค่-วัน จะเริ่มดำเนินการต้นปี 55
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น ในเดือน เม.ย.54 เพื่อขออนุมัติการออกหุ้นกู้ ในวงเงิน 2,000-4,000 ล้านบาท ให้เพียงพอต่อการลงทุนใน 3-4 ปี