ปธ.ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยิงกระทู้โหมโรงก่อนใช้เป็นข้อมูลซักฟอก เปิดประเด็นปตท.นำเงินไปลงทุนตั้งบริษัทลูกในสิงคโปร์ เข้าข่ายทุจริต เพราะขัดต่อระเบียบสำนักนายกฯ ด้าน รมว.พลังงาน ยอมรับมีการดำเนินการจริง เนื่องจากมีสิทธิพิเศษทางภาษี อ้างถูกต้องตามหลักธรรมาภิบาล ท้ายื่น ป.ป.ช.สอบ
วันนี้ (10 มี.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กระทู้ถามสดเรื่อง ปัญหาการนำเงินไปลงทุนของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ว่า บริษัท ปตท.ไปตั้งบริษัทลูกในสิงคโปร์ และมีการแยกเป็นบริษัทลูกอีก 3 บริษัท เพื่อลงทุนปลูกปาล์มในประเทศอินโดนีเซีย มีการจ่ายเงินลงทุนแพงกว่าราคาทุนที่บริษัทนั้นตั้งไว้หรือไม่ และเหตุใดถึงต้องไปลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกตรวจสอบก่อให้เกิดการทุจริตหรือไม่ และการดำเนินการดังกล่าวยังขัดต่อ พ.ร.บ.พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพราะมติของคณะกรรมการกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2546 ระบุว่า การที่ ปตท.ไปลงทุนอะไรต้องขอความเห็นของจากกฤษฎีกาก่อน แต่นี่ทำไปแล้วจึงมาแจ้ง ครม.เพื่อทราบภายหลัง เป็นการขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ดังนั้น ขอให้รอเจอกันในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ
นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ชี้แจงแทนว่า ยอมรับว่า ปตท.ไปตั้งบริษัทลงทุนในประเทศสิงคโปร์จริง เนื่องจากมีสิทธิพิเศษทางภาษี และต้องตั้งบริษัทลูกขึ้นมา เพื่อจะเข้าปลูกปาล์มที่ประเทศอินโดนีเซียจริง เพราะกฎหมายอินโดนีเซียกำหนดไว้อย่างนั้น ทั้งหมดเป็นการพิจารณาเพื่อสิทธิพิเศษทางภาษี เพราะหาก ปตท.ไปตั้งบริษัทที่ประเทศอินโดนีเซียเลย รายได้จะต้องหัก ณ ที่จ่ายในการปันผลมาที่ประเทศไทยถึง 15% แต่หากไปลงทุนที่สิงคโปร์ จะมีสิทธิพิเศษทางภาษี ทำให้ ปตท.หักภาษี ณ ที่จ่ายเพียง 10% ยืนยันว่า การลงทุนของ ปตท.ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบต่างๆทุกกรณี และการบริหารงานเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล มีการแจ้งแผนการลงทุนให้สภาพัฒน์เห็นชอบแล้ว ส่วนเรื่องการลงทุนซื้อถูกหรือแพงนั้น ในฐานะ รมว.พลังงาน มีอำนาจกำกับดูแลเชิงนโยบาย ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด เพราะถือเป็นอำนาจคณะผู้บริหารของ ปตท.แต่ก็พร้อมจะตรวจสอบให้ ขอให้ ร.ต.อ.เฉลิม ส่งเอกสารหลักฐานมา หรือถ้าไม่มั่นใจจะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบก็ได้