นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นหัวหน้าคณะนำผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมเอสเอ็มอีไทย 5 กลุ่ม จำนวน 200 ราย ประกอบด้วย กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอางและสปา กลุ่มแฟชั่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มภาพยนตร์ เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติของจีน ครั้งที่ 8 ที่เมืองกวางโจว ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 22-25 กันยายนนี้ ซึ่งถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โดยในช่วง 2 วันแรก จะเป็นการเจรจาทางการค้า และอีก 2 วันที่เหลือ จะเป็นการจำหน่ายสินค้าให้ประชาชนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม การร่วมงานแสดงสินค้ากับทางภาครัฐและเอกชนของจีนในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีต่อสินค้าเอสเอ็มอีของไทย เพราะนอกจากจะนำสินค้าของไทยทั้ง 5 กลุ่มมาจัดแสดงแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดี ที่จะมีนักธุรกิจของจีนกว่า 600 ราย เข้าร่วมเจรจาทางธุรกิจกับภาคธุรกิจของไทย และอาจมีคำสั่งซื้อสินค้าไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท และจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตได้ต่อไป ที่สำคัญไม่ใช่เฉพาะนักธุรกิจจากจีนเท่านั้นภายในงานยังมีนักธุรกิจทั่วโลกเข้าชมงานและจะมีการเจรจาการค้ากันต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างทบทวนเกี่ยวกับมาตรการด้านการให้สิทธิพิเศษทางภาษีต่อการส่งเสริมการลงทุน โดยผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก หากแนวทางเดิมที่มีการส่งเสริมอยู่แล้วแต่ไม่จูงใจต่อนักธุรกิจจากต่างประเทศ จะปรับเปลี่ยนให้เกิดความเหมาะสม คาดว่า การปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนจะมีความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้ และอาจจะประกาศใช้ได้ในต้นปีหน้า โดยปีหน้ายังไม่มีการตั้งเป้าหมายการส่งเสริมการลงทุน เพียงแต่มองว่า จะส่งเสริมได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การร่วมงานแสดงสินค้ากับทางภาครัฐและเอกชนของจีนในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีต่อสินค้าเอสเอ็มอีของไทย เพราะนอกจากจะนำสินค้าของไทยทั้ง 5 กลุ่มมาจัดแสดงแล้ว ยังเป็นโอกาสที่ดี ที่จะมีนักธุรกิจของจีนกว่า 600 ราย เข้าร่วมเจรจาทางธุรกิจกับภาคธุรกิจของไทย และอาจมีคำสั่งซื้อสินค้าไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท และจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตได้ต่อไป ที่สำคัญไม่ใช่เฉพาะนักธุรกิจจากจีนเท่านั้นภายในงานยังมีนักธุรกิจทั่วโลกเข้าชมงานและจะมีการเจรจาการค้ากันต่อไป
นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างทบทวนเกี่ยวกับมาตรการด้านการให้สิทธิพิเศษทางภาษีต่อการส่งเสริมการลงทุน โดยผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจโลก หากแนวทางเดิมที่มีการส่งเสริมอยู่แล้วแต่ไม่จูงใจต่อนักธุรกิจจากต่างประเทศ จะปรับเปลี่ยนให้เกิดความเหมาะสม คาดว่า การปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนจะมีความชัดเจนได้ในช่วงปลายปีนี้ และอาจจะประกาศใช้ได้ในต้นปีหน้า โดยปีหน้ายังไม่มีการตั้งเป้าหมายการส่งเสริมการลงทุน เพียงแต่มองว่า จะส่งเสริมได้ไม่ต่ำกว่า 500,000 ล้านบาท