xs
xsm
sm
md
lg

โพลชี้ตรุษจีนคึกคักเงินสะพัด6หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ตรุษจีนปีนี้คึกคัก เงินสะพัดเกือบ 4 หมื่นล้านบาท ขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี เหตุประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น และมีความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แต่ผู้บริโภคห่วงสินค้าราคาแพง การเมืองแรง ทำการใช้จ่ายกร่อย

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน และทัศนะเกี่ยวกับเศรษฐกิจและมาตรการปัจจุบันว่า การจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2554 ประเมินว่าจะมีเงินสะพัดกว่า 39,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่เม็ดเงินสะพัด 36,263 ล้านบาท ประมาณ7.94% เป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่มีการสำรวจมาตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งสะท้อนถึงการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภคและความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

“การใช้จ่ายเทศกาลตรุษจีนปีนี้ คาดว่าจะคึกคักมากสุด เมื่อเทียบกับหลายๆ ปีที่ผ่านมา โดยมียอดใช้จ่ายสูงใกล้เคียงกับการเติบโตของจีดีพี เป็นผลจากประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งจากเงินเดือนประจำ โบนัส การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงราคาพืชผลการเกษตรสูงขึ้น ส่งผลให้การจับจ่ายใช้คึกคัก แต่ประชาชนก็ยังระมัดระวังการใช้จ่ายอยู่ จากปัญหาราคาสินค้าที่แพง ทำให้การบริโภคสินค้าแม้ปริมาณเยอะขึ้น แต่ก็เพิ่มไม่มาก เพราะห่วงเรื่องของแพง”นายธนวรรธน์กล่าว

สำหรับการใช้จ่ายแยกรายบุคคล พบประชาชนส่วนใหญ่ยังใช้จ่ายเพื่อซื้อของเซ่นไหว้มากที่สุด69.1% ตกเฉลี่ยคนละ 2,853 บาท รองลงมาเป็นทำบุญ 66.3% เฉลี่ย1,838 บาท ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 41.7% เฉลี่ย 3,294 บาท ให้แต๊ะเอีย 30.5% เฉลี่ย3,028 บาท ใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว 30.5% เฉลี่ย6,853 บาท ส่วนที่เหลือเป็นการใช้จ่ายในการเดินห้าง จัดเลี้ยงสังสรรค์ ซื้อเสื้อผ้า สินค้าคงทน ดูฟนัง สินค้าฟุ่มเฟือย โดยมีรูปแบบการใช้จ่ายใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
ส่วนทัศนะเกี่ยวกับราคาสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2554 กลุ่มตัวอย่างกว่า 80% เห็นว่าราคาสินค้าแพงขึ้น และผู้บริโภคกว่า 49.8% เป็นห่วงเรื่องราคาสินค้าแพงมากที่สุด โดยเมื่อเทียบค่าใช้จ่ายกับปีก่อน กลุ่มตัวอย่าง 42.6% เห็นว่าปีนี้จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เพราะมีสาเหตุมาจากราคาสินค้าแพง มากกว่าการเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนกลุ่มผู้ตอบใช้จ่ายลดลง 22.4% เพราะต้องการลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจ และรายได้แย่ลง

ด้านการวางแผนเดินท่องเที่ยวปีนี้ คนส่วนใหญ่ 69.5% ไม่มีการวางแผนท่องเที่ยว และอีก 30.5% มีแผนท่องเที่ยว แบ่งเป็นเที่ยวในประเทศ 81.3% และเที่ยวต่างประเทศ 18.7% โดยปีนี้คนมีการเดินทางเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย เพราะช่วงตรุษจีนไม่ได้ตรงกับวันหยุดสุดสัปดาห์ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย นครสวรรค์ ขอนแก่น นครราชสีมา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ส่วนต่างประเทศ ได้แก่ จีน ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง มาเลเซีย

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ทัศนะเกี่ยวกับเศรษฐกิจและมาตรการของภาครัฐในปัจจุบัน กลุ่มตัวอย่าง 28.8% เห็นว่ามาตรการควบคุมราคาสินค้าของรัฐบาลไม่ได้ผลเลย เพราะราคาสินค้ายังเพิ่มขึ้นมาก และคนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้า ราคาสินค้าจะแพงขึ้น มีสาเหตุจากราคาน้ำมันปรับตัวสูง วัตถุดิบผลิตสินค้าสูงแพงขึ้น รัฐบาลไม่ควบคุม และยังมีประชาชนมากถึง38% ไม่สามารถแบกรับภาระสินค้าแพงได้ ต้องหันกู้ยืมเงินนอกระบบมาใช้แทน

ขณะที่มาตรการ 9 ข้อที่รัฐบาลให้เป็นของขวัญปีใหม่ มาตรการที่คนชื่นชอบมากที่สุด ได้แก่ มาตรการให้ผู้ที่ใช้ไฟไม่ต่ำกว่า 90 หน่วยใช้ไฟฟรีถาวร มาตรการให้ผู้ที่ไม่ได้อยู่ระบบประกันสังคมเข้ามาอยู่ในระบบ และมาตรการตรึงราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง ส่วนมาตรการที่ไม่เห็นด้วยเลย คือ การคขายไข่แบบชั่งกิโลกรัม ติดลบถึง 9.2 คะแนนจากเต็ม 10 รวมทั้งยังไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลปรับเพิ่มราคาน้ำมันปาล์มถึงลิตรละ 9 บาท เพราะเห็นว่าเป็นราคาที่เพิ่มสูงเกินไป

“ประชาชนเชื่อว่าของแพงขึ้น เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2 ออกไปก่อน เพื่อลดต้นทุนสินค้า เนื่องจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในตอนนี้มาจากการที่ข้าวของราคาแพง ไม่ได้มาจากกำลังซื้อของประชาชนที่เพิ่มขึ้น และเห็นด้วยให้รัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ไปถึงเดือนมี.ค.แต่หลังจากนั้นควรทยอยขึ้นเป็น 31-32 บาทต่อลิตร เพื่อไม่ใช้งบประมาณแทรกแซงมากเกินไป ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจปีนี้ยังมาจากปัญหาความไม่แน่นอนการเมืองมากสุด รองลงมาเป็นปัญหาค่าครองชีพ”

อย่างไรก็ตาม การสำรวจการบริโภคครั้งนี้ได้จัดทำก่อนการเกิดเหตุชุมนุมทางการเมือง ดังนั้น ระหว่างนี้จะต้องจับตาเหตุการชุมนุมอย่างใกล้ชิด หากการชุมนุมมีความยืดเยื้อ หรือเกิดความรุนแรงก็อาจกระทบการใช้จ่ายในเทศกาลตรุษจีน รวมถึงความเชื่อมั่นการบริโภคโดยรวมของประชาชนให้ลดลง แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ยังเชื่อว่า จีดีพีไตรมาสแรกจะขยายตัวได้ 3-3.5% อยู่ และทั้งปีเติบโต 4.2-4.5%
กำลังโหลดความคิดเห็น