ศูนย์พยากรณ์ ศก.และธุรกิจ ม.หอการค้าฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ธ.ค.53 ปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน พร้อมคาดการณ์ ศก.ไทยปีนี้มีโอกาสขยายตัวได้ถึง 4.5%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2553 อยู่ที่ระดับ 80.8 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 79.0 ในเดือนพฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการปรับตัวดีขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมในเดือนตุลาคมของปีที่แล้วคลี่คลายลง
ทั้งนี้ ผู้บริโภคเริ่มมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 71.9 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม อยู่ที่ระดับ 72.0 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคต อยู่ที่ 98.7 เป็นผลมาจากผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น
สำหรับปัจจัยบวกมาจากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติยกเลิกประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ซึ่งส่งผลในทางจิตวิทยาทำให้ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลปีใหม่มากขึ้น รวมถึงการเข้ามาท่องเที่ยวและลงทุนของชาวต่างชาติที่กลับมาคึกคักมากขึ้น
นอกจากนี้ การที่รัฐบาลปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศ และขยายเวลามาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชน รวมถึงนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซล และราคาผลผลิตทางการเกษตรที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมาปรับตัวดีขึ้นในทุกรายการ
ขณะเดียวกัน ปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง คือ ราคาน้ำมันในประเทศ สถานการณ์การเมือง และความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
นายธนวรรธน์ยังประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้ โดยระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบร้อยละ 4.2-4.5 หากไม่มีปัญหาการเมืองภายในประเทศเป็นตัวบั่นทอน รวมถึงความไม่แน่นอนจากภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรป ซึ่งคาดว่าจีดีพีของไทยตลอดทั้งปีจะขยายตัวได้ถึงร้อยละ 4.5
