xs
xsm
sm
md
lg

พิษน้ำมัน-ของแพง-ภัยธรรมชาติ ฉุดดัชนีเชื่อมั่นมี.ค.ตกทุกรายการ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-น้ำมันพุ่ง ของแพง ภัยธรรมชาติ ทำคนหมดอารมณ์จับจ่ายใช้สอย กดดัชนีผู้บริโภคเดือนมี.ค.ตกลงทุกรายการ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.2554 ปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สอง และลดลงทุกรายการเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 71.0 ลดลงจากเดือนก.พ.2554 ที่ 72.2 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานอยู่ที่ 71.6 ลดจาก 72.6และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 96.8 ลดจาก 97.9 ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมี.ค.2554 อยู่ที่ 79.8 ลดจากเดือนก.พ.2554 ที่ 80.9 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 64.6 ลดจาก 65.3 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 84.3 ลดจาก 85.6

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นลดลง มาจากราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศเดือนมี.ค.ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มขึ้นลิตรละ 1.70 บาท และเบนซิน 91 เพิ่มขึ้น 1.10 บาท รวมทั้งปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้า น้ำมันปาล์ม และสินค้าอื่นที่มีแนวโน้มแพงขึ้น ไม่สอดคล้องกับรายได้ ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลงและยังได้รับผลกระทบจิตวิทยาจากปัญหาภัยธรรมชาติ น้ำท่วมใหญ่ภาคใต้ และแผ่นดินไหวกับสึนามิที่ญี่ปุ่น ตลอดจนปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศ และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทำให้อารมณ์การใช้จ่ายตกลงและคนหันมาชะลอการใช้จ่าย

ส่วนปัจจัยบวก มาจากราคาสินค้าเกษตรทรงตัวในระดับสูง และรัฐบาลตรึงราคาดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท รวมถึงพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย 0.25% ยอดการส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เกินพันจุด และค่าเงินบาทยังมีเสถียรภาพ

ขณะที่ดัชนีความเหมาะสมการซื้อสินค้าคงทน ทั้งบ้าน รถยนต์ ท่องเที่ยวและลงทุนทำธุรกิจเอสเอ็มอีปรับตัวลดลงทุกรายการเป็นครั้งแรกรอบ 5 เดือน

“ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนมี.ค. เข้าสู่ช่วงขาลงชัดเจน เพราะปรับลดลงทั้งความเชื่อมั่นในปัจจุบันและอนาคต โดยมีผลกระทบตรงจากราคาน้ำมัน และสินค้าแพง รวมถึงปัญหาน้ำท่วม ภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะภาคใต้ได้รับผลกระทบสูงสุด เพราะมีรายได้ลดจากพืชผลการเกษตร และประมงเสียหาย รวมถึงการท่องเที่ยวซบเซา ขณะที่ภาคกลางและตะวันออกกระทบเล็กน้อยด้านการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมรถยนต์ ส่วนภาคเหนือ และอีสานยังขยายตัวได้อยู่”นายธนวรรธน์กล่าว

สำหรับแนวโน้มความเชื่อมั่นผู้บริโภคไตรมาสสองคาดว่าจะยังไม่ดีขึ้นจนกว่าถึงปลายไตรมาส กำลังซื้อถึงกลับมาดีขึ้น แต่คาดว่าการเข้าสู่บรรยากาศการเลือกตั้งจะช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจคึกคัก รวมทั้งหากรัฐบาลมีการนำงบประมาณไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้เร็ว จะช่วยให้กำลังซื้อ โดยเฉพาะในภาคใต้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น