ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ก.พ. ปรับลง หอการค้าฯ ห่วงเงินเฟ้อเพิ่มในอัตราเร่ง

หอการค้าฯ เผยดัชนีความเชื่อมั่นฯ เดือน ก.พ. ปรับลดลงในรอบ 3 เดือน เป็นผลจากราคาน้ำมัน สินค้าแพง และการเมืองไม่แน่นอน ประชาชนกังวลน้ำมันขึ้นราคา ดันค่าครองชีพพุ่ง ต้องรัดเข็มขัดการใช้จ่าย "ธนวรรธน์" ชี้ เงินเฟ้อเพิ่มในอัตราเร่ง มีโอกาสขึ้นได้ถึง 4% คาดต้องปรับขึ้น ดบ. นโยบาย 3.25%

นางเสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2554 โดยระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นมีการปรับตัวลดลงครั้งแรกในรอบ 3 เดือน อยู่ที่ระดับ 80.9 เป็นผลมาจากราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงราคาสินค้าที่มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงไม่มีความแน่นอน ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้ปรับตัวลดลง

นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นทุกรายการปรับตัวลดลงด้วย โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ปรับตัวลดลง อยู่ที่ระดับ 72.2 โอกาสในการหางานทำ อยู่ที่ระดับ 72.6 และรายได้ในอนาคต อยู่ที่ระดับ 97.9

"ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับลดลงทุกรายการ ครั้งแรกในรอบ 3 เดือน เพราะกังวลปัญหาค่าครองชีพและยังกังวลเรื่องการเมือง ส่วนปัจจัยลบที่กระทบความเชื่อมั่น ได้แก่ ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศสูงขึ้น ผู้บริโภคกังวลค่าครองชีพ และปัญหาการเมือง รวมถึงความไม่แน่นอนการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก ส่วนปัจจัยบวก ได้แก่สินค้าเกษตรราคาทรงตัวสูง มาตรการลดค่าครองชีพของรัฐบาล การส่งออกยังขยายตัวดี"

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปีนี้มีโอกาสที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นไปถึงร้อยละ 3.25 จากล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 2.50 เพื่อทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงเป็นบวก เนื่องจากคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้มีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าจะอยู่ที่ระดับร้อยละ 4 สาเหตุมาจากที่ต้นทุนการผลิตสินค้าเริ่มปรับตัวสูงขึ้นทำให้ผู้ประกอบการเริ่มทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า ส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น ซึ่ง ธปท.ต้องใช้มาตรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ