ASTVผู้จัดการรายวัน-เรือด่วนเจ้าพระยาเตรียมชงกรมเจ้าท่าขอขึ้นค่าโดยสารอีก 1 บาทเรือข้ามฟาก 50 สต. สุดอั้นน้ำมันดีเซลพุ่งไม่หยุด เผยเกินระดับข้อตกลง ขณะที่พยุงค่าโดยสารมา 1 ปีแล้ว ส่วนเรือแสนแสบยังใจแข็ง ไม่ขึ้นราคา ขอรอน้ำมันที่ 31 บ./ลิตรค่อยพิจารณา ขณะที่กรมเจ้าท่าเบรค ชี้จะพิจารณาขึ้นค่าโดยสารน้ำมันต้องถึง 31 บาท/ลิตร ผู้บริหารเรือด่วนเผยปี 54 เตรียมหารายได้เพิ่มจากเรือท่องเที่ยว ทุ่ม100ลบ.ลงทุนระบบบค่าโดยสารอัตโนมัติบริเวณ
นาวาโทปริญญา รักวาทิน อุปนายกสมาคมเรือไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกภายในประะทศที่ปรับตัวสูงขึนอย่างต่อเนื่องโดยระดับราคาถึงเกณฑ์ข้อตกลงที่ต้องมีการปรับขึ้นค่าโดยสารแล้วดังนั้น ภายในสัปดาห์หน้าสมาคมฯ จะทำหนังสือถึงกรมเจ้าท่า เพื่อขอให้มีการพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารเรือทุกประเภทระยะละ 1 บาท และเรือข้ามฟากเที่ยวละ 50 สตางค์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2554 นี้
ทั้งนี้ จากข้อตกลงที่ผู้ประกอบการได้ทำร่วมกับกรมเจ้าท่านั้น กำหนดว่า การปรับค่าโดยสารนั้นจะคิดจากฐานราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกภายในประเทศโดยหากราคาปรับขึ้นมาอยู่ที่ 25-28 บาทต่อลิตร จะปรับค่าโดยสารขึ้นระยะละ 1 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมัน29.99 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูงกว่า 28 บาทต่อลิตรมาเป็นระยะเวลา 1 ปีแล้ว ในขณะที่ผู้ประกอบการได้พยายามตรึงค่าโดยสารไว้ก่อน แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันใกล้จะถึงระดับ 30 บาทต่อลิตรแล้ว ซึ่งคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงในการปรับขึ้นค่าโดยสารได้
โดยอัตราค่าโดยสารหากมีการปรับขึ้นใหม่ ในส่วนของเรือด่วนเจ้าพระยาธงประจำทาง ปรับจาก9-13 บาท เป็น 10-14 บาท,เรือด่วนพิเศษธงส้มจาก 14 บาทตลอดสายเป็น 15 บาทตลอดสาย ,เรือด่วนพิเศษธงเหลืองจาก 20 บาทและ 29 บาทตลอดสาย เป็น 19 บาท และ28 บาทตลอดสาย , เรือด่วนพิเศษธงเขียว จาก 12 บาท 19 บาท และ 31 บาทตลอดสาย เป็น 13 บาท 20 บาทและ 32 บาทตลอดสาย และเรือข้ามฟากจาก3 บาทต่อเที่ยว เป็น 3.50 บาทต่อเที่ยว
สำหรับประกอบการของบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ในปี 2553 นาวาโทปริญญา กล่าวว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิประมาณ 20 ล้านบาท โดยมีรายได้ 130 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่าย 110 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าโดยสารคิดเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในปี 2554 นี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30 ล้านบาท โดยจะหารายได้จากการทำธุรกิจเรือท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30 ล้านบาทต่อปีด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบระบบการจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติบริเวณท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดกรมเจ้าท่า ได้เห็นชอบในการนำระบบดังกล่าวมาใช้งานแล้ว ซึ่งคาดว่าบริษัทจะเริ่มติดตั้งระบบได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยเริ่มนำร่องติดตั้งในท่าเรือหลักในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 10 ท่าจากทั้งหมดที่มีอยู่ 35 ท่าสำคัญที่เรือด่วนพิเศษเจ้าพระยา (ธงเหลือง) ให้บริการ
เรือแสนแสบยันไม่ขึ้นราคาอั้นรอน้ำมัน31 บ./ลิตร
ด้านนายเชาวลิต เมธยะประภาส นายกสมาคมเรือไทย และเจ้าของบริษัท ครอบครัวขนส่ง จำกัด ผู้ให้บริการเรือคลองแสนแสบ กล่าวว่า ในส่วนของเรือด่วนคลองแสนแสบจะยังไม่มีการขอขึ้นค่าโดยสารในขณะนี้ เนื่องจากตามเกณฑ์แล้วจะปรับขึ้นค่าโดยสารได้ก็ต่อเมื่อราคาน้ำมันดีเซลต้องปรับขึ้นมาอยู่ที่ 31 บทต่อลิตรก่อน และต้องทรงตัวอยู่ในระดับราคาดังกล่าวประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะเสนอขอปรับขึ้นค่าโดยสารอีกครั้ง โดยอัตราค่าโดยสารที่ให้บริการของเรือด่วนคลองแสนแสบยังคงเก็บในอัตราเดิมที่ 10-22 บาทตามระยะ
ด้านนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ขณะนี้กรมฯยังไม่มีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราบริการดังกล่าวแต่อย่างใด แม้ว่าขณะนี้ ราคาน้ำมันดีเซลจะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 29.99 บาทต่อลิตรก็ตาม เนื่องจากยังไม่ถึงอัตราที่กำหนด ที่ระดับ 31 บาทต่อลิตร และต้องทรงตัวประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะมีการประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือประจำทางใหม่
นาวาโทปริญญา รักวาทิน อุปนายกสมาคมเรือไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด เปิดเผยว่า จากภาวะราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกภายในประะทศที่ปรับตัวสูงขึนอย่างต่อเนื่องโดยระดับราคาถึงเกณฑ์ข้อตกลงที่ต้องมีการปรับขึ้นค่าโดยสารแล้วดังนั้น ภายในสัปดาห์หน้าสมาคมฯ จะทำหนังสือถึงกรมเจ้าท่า เพื่อขอให้มีการพิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารเรือทุกประเภทระยะละ 1 บาท และเรือข้ามฟากเที่ยวละ 50 สตางค์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ. 2554 นี้
ทั้งนี้ จากข้อตกลงที่ผู้ประกอบการได้ทำร่วมกับกรมเจ้าท่านั้น กำหนดว่า การปรับค่าโดยสารนั้นจะคิดจากฐานราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกภายในประเทศโดยหากราคาปรับขึ้นมาอยู่ที่ 25-28 บาทต่อลิตร จะปรับค่าโดยสารขึ้นระยะละ 1 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมัน29.99 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูงกว่า 28 บาทต่อลิตรมาเป็นระยะเวลา 1 ปีแล้ว ในขณะที่ผู้ประกอบการได้พยายามตรึงค่าโดยสารไว้ก่อน แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันใกล้จะถึงระดับ 30 บาทต่อลิตรแล้ว ซึ่งคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงในการปรับขึ้นค่าโดยสารได้
โดยอัตราค่าโดยสารหากมีการปรับขึ้นใหม่ ในส่วนของเรือด่วนเจ้าพระยาธงประจำทาง ปรับจาก9-13 บาท เป็น 10-14 บาท,เรือด่วนพิเศษธงส้มจาก 14 บาทตลอดสายเป็น 15 บาทตลอดสาย ,เรือด่วนพิเศษธงเหลืองจาก 20 บาทและ 29 บาทตลอดสาย เป็น 19 บาท และ28 บาทตลอดสาย , เรือด่วนพิเศษธงเขียว จาก 12 บาท 19 บาท และ 31 บาทตลอดสาย เป็น 13 บาท 20 บาทและ 32 บาทตลอดสาย และเรือข้ามฟากจาก3 บาทต่อเที่ยว เป็น 3.50 บาทต่อเที่ยว
สำหรับประกอบการของบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ในปี 2553 นาวาโทปริญญา กล่าวว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิประมาณ 20 ล้านบาท โดยมีรายได้ 130 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่าย 110 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าโดยสารคิดเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในปี 2554 นี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30 ล้านบาท โดยจะหารายได้จากการทำธุรกิจเรือท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 30 ล้านบาทต่อปีด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบระบบการจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติบริเวณท่าเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยใช้งบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดกรมเจ้าท่า ได้เห็นชอบในการนำระบบดังกล่าวมาใช้งานแล้ว ซึ่งคาดว่าบริษัทจะเริ่มติดตั้งระบบได้ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยเริ่มนำร่องติดตั้งในท่าเรือหลักในแม่น้ำเจ้าพระยาจำนวน 10 ท่าจากทั้งหมดที่มีอยู่ 35 ท่าสำคัญที่เรือด่วนพิเศษเจ้าพระยา (ธงเหลือง) ให้บริการ
เรือแสนแสบยันไม่ขึ้นราคาอั้นรอน้ำมัน31 บ./ลิตร
ด้านนายเชาวลิต เมธยะประภาส นายกสมาคมเรือไทย และเจ้าของบริษัท ครอบครัวขนส่ง จำกัด ผู้ให้บริการเรือคลองแสนแสบ กล่าวว่า ในส่วนของเรือด่วนคลองแสนแสบจะยังไม่มีการขอขึ้นค่าโดยสารในขณะนี้ เนื่องจากตามเกณฑ์แล้วจะปรับขึ้นค่าโดยสารได้ก็ต่อเมื่อราคาน้ำมันดีเซลต้องปรับขึ้นมาอยู่ที่ 31 บทต่อลิตรก่อน และต้องทรงตัวอยู่ในระดับราคาดังกล่าวประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะเสนอขอปรับขึ้นค่าโดยสารอีกครั้ง โดยอัตราค่าโดยสารที่ให้บริการของเรือด่วนคลองแสนแสบยังคงเก็บในอัตราเดิมที่ 10-22 บาทตามระยะ
ด้านนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ขณะนี้กรมฯยังไม่มีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราบริการดังกล่าวแต่อย่างใด แม้ว่าขณะนี้ ราคาน้ำมันดีเซลจะปรับตัวอยู่ที่ระดับ 29.99 บาทต่อลิตรก็ตาม เนื่องจากยังไม่ถึงอัตราที่กำหนด ที่ระดับ 31 บาทต่อลิตร และต้องทรงตัวประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะมีการประชุมคณะกรรมการ เพื่อพิจารณาอัตราค่าโดยสารเรือประจำทางใหม่
