xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

หุ้นปั่นที่ชื่อ”เฉลิม แดงฝั่งธนฯ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เงื่อนไข 3 ข้อของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นักการเมืองหมดสภาพย่านฝั่งธนฯ ที่ยื่นต่อ ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีอะไรมากไปกว่า “การบ้านที่มีคำตอบล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว”

แปลไทยเป็นไทยก็คือ เฉลิมไม่ได้วางเงื่อนไขอะไร เพราะตัดสินใจออกจากพรรคเพื่อไทยไปเรียบร้อยก่อนหน้าแล้ว

เพียงแต่กำลังหาทางลงที่เหมาะสมสำหรับตัวเองเท่านั้น

“พรรคทางเลือกใหม่” เป็นเพียงแค่ตุ๊กตาล้มลุกตัวใหม่ของ เฉลิม หลังจากที่เคยพยายามตั้งพรรคการเมืองมาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อคราวที่ออกจากพรรคความหวังใหม่

" คนในพรรคหลายคนได้ออกมาคัดค้าน และแสดงความเห็นว่าใครก็ตามที่ผูกพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ แปลว่า ไม่ได้ออกเงินและหวังได้ดี ซึ่งไม่ใช่ " ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ตอบโต้ข้อกล่าวหาในพรรคเพื่อไทย

คนในพรรคเพื่อไทยพูดกันอย่างเมามันส์ว่า เฉลิม คิดเป็นสามล้อถูกหวย

หวังนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยไม่ออกเงิน

ถนัดแต่พูดอย่างเดียว

แต่เฉลิมคิดว่า ตัวเขามีมากกว่าการพูดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เคยเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ทั้งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยุติธรรม สาธารณสุข มหาดไทย

เป็นรัฐมนตรีได้เพราะ “ผู้นำรัฐบาลกลัว” ข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจของเฉลิม

แต่นับตั้งแต่ปี 44 เฉลิมหมดพิษสง

ข้อมูลเฉลิมหมดราคา ไม่มีอะไรใหม่เกิดขึ้น มีแต่เพียงสำนวนลีลา

“ที่ผ่านมาได้ทำงานให้พรรคอย่างเต็มที่ ทั้งการรณรงค์หาเสียง เมื่อมีการเลือกตั้ง การบรรยายให้กับสมาชิกพรรค ทำให้เห็นว่ามีประชาชนชื่นชม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาก จึงได้ขายแนวคิดนี้ แต่ไม่ใช่ว่า อยู่ๆไปประกาศจะเอา พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน เพื่อลดความขัดแย้ง สร้างความปรอง เพื่อความเป็นธรรมและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง” เฉลิม ชื่นชมคนที่อนุมัติให้เขานั่งเก้าอี้ มท.1

ข้อเสนอข้อที่ 1 คือ การขายชื่อทักษิณ ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

“เมื่อในพรรคยังพิจารณาว่าจะไม่ขาย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ขอถามหน่อยว่า แล้วจะขายใครเพื่อให้ชนะเลือกตั้ง เพราะขี้เหร่กันทั้งนั้น นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี มีความนิยมดี ขณะที่ตัวผมก็ขายไม่ได้ เพราะมีตำหนิ และก็ถูกมองว่ารักลูกเกินไป”

ข้อเสนอข้อที่ 2 คือ การแบ่งกรุงเทพฯ ออกเป็น 3 โซน เพื่อส่งลูกชายลงรับสมัคร ส.ส.

“อีกกรณีที่ผมเคยเสนอแนวคิดว่า กรุงเทพฯ มีขนาดใหญ่ มี ส.ส. 36 คน พรรคควรจะมีบทบาทในการปรับปรุงเปลี่ยนบ้าง ไม่ใช่ว่าอยากจะมากุมอำนาจ โดยเสนอแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ กรุงเทพฯรอบนอก กรุงเทพฯ ตรงกลาง และ กรุงเทพฯฝั่งธนฯ แต่พรรคก็เฉยๆ ตรงกันข้ามยังมีการสกัดกั้นผม และพูดจาแขวะไปมา ทำนองว่าอยากจะเอาลูกชายลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งขอยืนยันว่า ลูกชายผมจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส."

ข้อเสนอข้อที่ 3 คือ แนวทางการทำงานและอภิปราย

" มีข่าวว่าการอภิปรายครั้งนี้จะดุเดือดเลือดพล่านเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ บางคนก็ว่าจะอภิปรายเชิงสมานฉันท์ ผมบอกว่าแนวทางไม่ตรงกับผม ที่คิดว่าเมื่อเป็นฝ่ายค้าน ไม่ไว้วางใจรัฐบาล ต้องเน้นเรื่องทุจริต การบริหารงานที่ผิดพลาด ต้องเต็มที่ เปิดแผล เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง"

โดยสรุป เฉลิม บอกว่า หากพรรคปฏิเสธข้อเสนอของตน และยังเดินแนวทางตามเดิม โดยพรรคไม่ยอมขาย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ปรับปรุงกทม. และไม่คิดทำแนวทางใหม่ ๆ

เฉลิม มีสองทางเลือกคือ 1. ยุติการเมือง 2.ไปตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ 

ขีดเส้นให้ทักษิณรับข้อเสนอภายใน 3 เดือน ก่อนจะตัดใจ ไม่รับเงินจากทักษิณอีก

นักข่าวถามว่าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ร้องขอให้ช่วยอภิปรายครั้งนี้ด้วยจะทำอย่างไร เฉลิม ตอบอย่างไม่ยี่หระ ว่า คงไม่มี เพราะทักษิณเป็นคนแนะนำนายมิ่งขวัญเอง ตนเป็นลูกพรรค เป็นเพื่อน พ.ต.ท.ทักษิณ ฝึกงานสมัยเป็นตำรวจมาด้วยกัน ไม่ใช่ลูกน้อง การอภิปรายครั้งนี้ ถึงอย่างไรก็คงไม่ร่วมด้วย
นั่นคือคำยืนกรานของเฉลิมที่จะไม่ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ แน่นอน

ที่สำคัญ เฉลิม ไม่ใช่ลูกน้องทักษิณ แต่เป็นเพื่อนทักษิณ

“พรรคทางเลือกใหม่” ของเฉลิม จะผสมพันธุ์กับ “พรรครักประเทศไทย” ของชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคชาติไทย

ณ วันนี้ ชูวิทย์ ได้ไปจดทะเบียนตั้งพรรคการเมืองใหม่แล้ว ชื่อ พรรครักประเทศไทย โดยมีสโลแกนว่า "ผมรักคุณ" ซึ่ง กกต.ได้รับรองเรียบร้อยแล้ว

เฉลิม คาดหวังว่า เสียงคนกรุงเทพฯ 170,000 คะแนน ของเขา จากการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่า กทม. คะแนนเสียงอันดับหนึ่งของ ร.ต.อ.นิติภูมิ นวรัตน์ จากการสมัคร ส.ว. และ 338,000 คะแนนของชูวิทย์ จากการสมัครผู้ว่าฯ กทม.

น่าจะทำให้ “พรรคทางเลือกใหม่ + พรรครักประเทศไทย” มีที่นั่งในสภา แล้วแบ่งโซนกันคุมกรุงเทพฯ ออกเป็น 3 โซนตามที่วางแผนไว้

อันที่จริง น่าจะให้ ”ไอ้ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ เชื้อพันธุ์ดีแห่งคนเสื้อแดง มาร่วมสังฆกรรมด้วย

จะได้รู้ว่า คนกรุงเทพฯ ยังเชื่อ เฉลิม-ชูวิทย์-ติวเตอร์หมู หรือ ไอ้ตู่ อีกหรือไม่ ??

ข้อเท็จจริงทางการเมืองในพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นที่รู้กันว่า ส.ส.ทุกคน ต่างพยายามแสดงตัว เป็นสายตรงทักษิณ ท่ามกลางความขัดแย้งอย่างรุนแรง

ไม่มีใครยอมก้มหัวให้ใคร !!

เพราะการก้มหัว ย่อมหมายถึงตำแหน่งรัฐมนตรีที่หลุดลอย และรายได้ที่หดหาย

ดังนั้นกลุ่มก๊วนต่างๆ จึงเกิดขึ้นมากมาย

บางกลุ่มยอมจ่ายเดือนละแสน เพื่อสร้างอำนาจในพรรค

แต่คนอย่างเฉลิม ถนัดกินรวบ มากกว่ากินแบ่ง ดังนั้น ส.ส.ที่เดินตามหลังเฉลิม จึงมีน้อยมาก

แต่เหตุผลสำคัญที่เฉลิมต้องออกจากพรรคก็คือ ความไม่ชัดเจนในการเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของลูกชาย หลังจากเฉลิม พยายามเสนอแนวทางการแยกกรุงเทพฯ ออกเป็น 3 ส่วน เพื่อปกครองและคัดสรรตัวผู้สมัคร ไม่ให้อำนาจการตัดสินใจทั้งหมดไปตกอยู่กับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพียงคนเดียว แต่ ทักษิณ ก็ปฏิเสธแนวทางดังกล่าว

ยิ่งเจ้าของพรรคเปิดไฟเขียวให้ “มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์” แสดงบทบาทนำ ในฐานะผู้นำการอภิปรายไม่ไว้วางใจ

เฉลิม ก็ยิ่งไม่ไววางใจทักษิณ

พรรคเพื่อไทยวางแนวการอภิปรายไม่ไว้วางใจพอสังเขปว่า ได้มีการแบ่งคณะทำงานออกเป็น 3 คณะ คือ

1. ด้านเศรษฐกิจ จะมีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นหัวหน้าทีม

2. การสลายชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน แกนนำคนเสื้อแดง

3. การทุจริตในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการประมูลสินค้าเกษตร ของกระทรวงพาณิชย์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ของกระทรวงคมนาคม และการบริหารงานของกระทรวงมหาดไทย

หลายคนเชื่อว่า “เป้าใหญ่” ยังล็อกไว้ที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” โดยมี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นเป้ารอง

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ “เฉลิม” ตัดสินใจสวมเสื้อสีแดง ลงพิสูจน์ความรักต่อคนเสื้อแดงในกรุงเทพฯ

เมืองที่คนเหล่านี้ช่วยกันเผามาสองรอบแล้ว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น