รัฐบาลย้ำนักย้ำหนาว่าความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาหนักหนาสาหัส ฉะนั้น เป้าหมายของนโยบายหลายอย่างของรัฐบาลจะมุ่งไปที่การลดความเหลื่อมล้ำอย่างจริงจัง แต่เมื่อมีโอกาสทำเข้าจริงๆ รัฐบาลกลับไม่ทำ
พฤติกรรมซ้ำๆ จำพวกนี้ย่อมชี้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดอีกครั้งหนึ่งว่า รัฐบาลนี้มักดีแต่ปาก ทั้งนี้เพราะนักพูด ไม่ใช่นักทำ เป็นผู้นำรัฐบาล
ตัวอย่างล่าสุดเกี่ยวกับโรงเรียนกวดวิชาที่รัฐบาลไม่กล้าแม้จะเก็บภาษี ทั้งที่โรงเรียนจำพวกนี้ทำกำไรได้อย่างงดงามและมีไว้เพื่อคงและส่งเสริมความเหลื่อมล้ำในสังคม ทั้งนี้เพราะโรงเรียนกวดวิชาตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเด็กที่มีเงินจ่ายให้เข้าเรียนเท่านั้น ส่วนเด็กในชนบทซึ่งมักยากจนกว่าและเสียเปรียบสารพัดอย่างอยู่แล้วจากการที่โรงเรียนและครูโดยทั่วไปไม่เท่าเทียมกับของเด็กในเมืองไม่มีโอกาสเรียนกวดวิชา ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย เด็กในชนบทยิ่งเสียเปรียบเด็กในเมืองและเด็กที่มีเงินจ่ายให้โรงเรียนกวดวิชาเพิ่มขึ้นไปอีก
อนึ่ง เป็นที่ทราบกันดีว่า เด็กที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐได้เปรียบเด็กที่สอบเข้าไม่ได้ต่อไปแบบไม่รู้จบ เริ่มจากการที่รัฐสนับสนุนมหาวิทยาลัยด้วยงบประมาณซึ่งได้มาจากการเก็บภาษี หลังจากนั้น ผู้เรียนจบมหาวิทยาลัยโดยทั่วไปย่อมได้เปรียบผู้ไม่มีโอกาสเรียน ทั้งในด้านการหางานที่อยู่ในความต้องการและในด้านการสร้างเครือข่ายต่อไปในชีวิต
ก่อนเรื่องโรงเรียนกวดวิชาก็มีเรื่องการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งรัฐบาลออกปากตั้งแต่วันหลังเข้าบริหารประเทศว่าจะทำ ณ วันนี้ย่อมเป็นที่ประจักษ์แล้วว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไรทั้งที่เรื่องนี้มีความสำคัญทั้งในด้านการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและด้านอื่น
ข้อมูลบ่งว่าบรรดามหาเศรษฐีได้กว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรนับล้านไร่แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้รกร้างว่างเปล่า นั่นหมายความว่าผลผลิตที่ควรจะได้จากการนำที่ดินมาใช้เพื่อทำนาทำไร่ย่อมสูญหายจำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกัน ชาวนาชาวไร่ที่ไม่มีที่ดินของตนเองเมื่อหาเช่าที่ไม่ได้ก็มักเข้าไปบุกรุกที่ป่าซึ่งสร้างปัญหาตามมาอีกสารพัดอย่าง ทั้งในด้านการทำลายระบบนิเวศและการทำลายป่าต้นน้ำที่ทำให้น้ำท่วมฉับพลันร้ายแรงยิ่งขึ้น
ผู้ไร้ที่ดินบางส่วนที่หาที่ดินทำนาทำไร่ไม่ได้ก็ทิ้งอาชีพทำไร่ทำนาไปแสวงหางานทำในเมืองและตามศูนย์การท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะเป็นในด้านความแออัด ด้านแหล่งเสื่อมโทรมและด้านการทำมาหากินกับเศรษฐกิจใต้ดินชนิดต่างๆ นอกจากนั้น ยังมีบางส่วนที่ยอมทุกข์ทนอยู่กับความยากจนต่อไปและหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตในชนบท ความหมดหวังและการว่างงานสร้างทั้งความเสียหายในด้านสังคมและความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก ฉะนั้น หากรัฐบาลไม่เก็บภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าแบบก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องออกกฎหมายให้ผู้ต้องการใช้ที่ดินว่างเปล่าเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า
นอกจากจะซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรและปล่อยทิ้งไว้ให้รกร้างว่างเปล่าแล้ว บรรดาเศรษฐียังมีการบริโภคแบบเมามันด้วยการสร้างที่อยู่อาศัยคล้ายปราสาทราชวังอีกด้วย สิ่งปลูกสร้างอันแสนหรูหราจำพวกนี้ควรจะเสียภาษีในอัตราสูงมากๆ เนื่องจากมันเป็นการบริโภคแบบสุดโต่งซึ่งทำลายทรัพยากรโลกที่มีอยู่อย่างจำกัดและขัดกับแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งรัฐบาลพูดว่าจะน้อมนำมาเป็นกรอบของการบริหารเศรษฐกิจ การไม่ยอมเก็บภาษีด้านนี้จึงตีความหมายได้ว่า รัฐบาลนี้ดีแต่พูด
การทำลายทรัพยากรโลกซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดนับวันจะร้ายแรงยิ่งขึ้นเพราะปัจจัยสองอย่างคือ ประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะถึง 7 พันล้านคนในปีนี้และแต่ละคนต้องการใช้ทรัพยากรเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น เมืองไทยมีส่วนทำให้ปัญหาร้ายแรงขึ้นด้วยเพราะจำนวนคนไทยยังเพิ่มขึ้นทุกวันและการบริโภคของแต่ละคนก็เพิ่มขึ้น แน่ละ ส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นนั้นมาจากการบริโภคแบบเมามันเพื่อโอ้อวดกันของบรรดามหาเศรษฐีที่สร้างที่อยู่อาศัยเสียใหญ่โตดังกับปราสาทราชวัง
อนึ่ง เนื่องจากชาวโลกส่วนใหญ่และไทยใช้การบริหารจัดการเศรษฐกิจตามแนวตลาดเสรี การบริโภคแบบสุดโต่งนี้บรรดามหาเศรษฐีย่อมมีสิทธิทำได้ตามใจปรารถนา แต่เนื่องจากพวกเขาทำลายทรัพยากรโลกในอัตราสูงกว่าบุคคลทั่วไป ฉะนั้น พวกเขาจึงควรจะจ่ายภาษีในอัตราสูงกว่าด้วย นั่นเป็นหลักของการสร้างแรงจูงใจซึ่งรัฐบาลทำได้โดยไม่ขัดกับหลักตลาดเสรี นอกจากนั้น การเก็บภาษีในแนวอัตราก้าวหน้าแบบนี้ยังอยู่ในกรอบของแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย (รายละเอียดมีอยู่ในหนังสือชื่อ “ทางข้ามเหว : แนวคิดสำหรับแก้วิกฤตไทย” ซึ่งรัฐมนตรีบางคนมีอยู่ในมือแล้ว)
เนื่องจากคงอีกไม่นานจะมีการเลือกตั้งทั่วไป หากรัฐบาลต้องการจะกลับมาบริหารประเทศอีกหนึ่งสมัย เหลือเวลาอีกไม่นานที่รัฐบาลจะต้องพิสูจน์ว่าตนมีความกล้าที่จะทำสิ่งที่ควรทำตามที่ตนพูดไว้ หากไม่ทำ หรือทำไม่ได้ก็ไม่ควรมีหน้าออกมาเสนอตัว
พฤติกรรมซ้ำๆ จำพวกนี้ย่อมชี้ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดอีกครั้งหนึ่งว่า รัฐบาลนี้มักดีแต่ปาก ทั้งนี้เพราะนักพูด ไม่ใช่นักทำ เป็นผู้นำรัฐบาล
ตัวอย่างล่าสุดเกี่ยวกับโรงเรียนกวดวิชาที่รัฐบาลไม่กล้าแม้จะเก็บภาษี ทั้งที่โรงเรียนจำพวกนี้ทำกำไรได้อย่างงดงามและมีไว้เพื่อคงและส่งเสริมความเหลื่อมล้ำในสังคม ทั้งนี้เพราะโรงเรียนกวดวิชาตั้งอยู่ในเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เพื่อช่วยเด็กที่มีเงินจ่ายให้เข้าเรียนเท่านั้น ส่วนเด็กในชนบทซึ่งมักยากจนกว่าและเสียเปรียบสารพัดอย่างอยู่แล้วจากการที่โรงเรียนและครูโดยทั่วไปไม่เท่าเทียมกับของเด็กในเมืองไม่มีโอกาสเรียนกวดวิชา ฉะนั้น เมื่อถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัย เด็กในชนบทยิ่งเสียเปรียบเด็กในเมืองและเด็กที่มีเงินจ่ายให้โรงเรียนกวดวิชาเพิ่มขึ้นไปอีก
อนึ่ง เป็นที่ทราบกันดีว่า เด็กที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐได้เปรียบเด็กที่สอบเข้าไม่ได้ต่อไปแบบไม่รู้จบ เริ่มจากการที่รัฐสนับสนุนมหาวิทยาลัยด้วยงบประมาณซึ่งได้มาจากการเก็บภาษี หลังจากนั้น ผู้เรียนจบมหาวิทยาลัยโดยทั่วไปย่อมได้เปรียบผู้ไม่มีโอกาสเรียน ทั้งในด้านการหางานที่อยู่ในความต้องการและในด้านการสร้างเครือข่ายต่อไปในชีวิต
ก่อนเรื่องโรงเรียนกวดวิชาก็มีเรื่องการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งรัฐบาลออกปากตั้งแต่วันหลังเข้าบริหารประเทศว่าจะทำ ณ วันนี้ย่อมเป็นที่ประจักษ์แล้วว่ารัฐบาลจะไม่ทำอะไรทั้งที่เรื่องนี้มีความสำคัญทั้งในด้านการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำและด้านอื่น
ข้อมูลบ่งว่าบรรดามหาเศรษฐีได้กว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรนับล้านไร่แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้รกร้างว่างเปล่า นั่นหมายความว่าผลผลิตที่ควรจะได้จากการนำที่ดินมาใช้เพื่อทำนาทำไร่ย่อมสูญหายจำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกัน ชาวนาชาวไร่ที่ไม่มีที่ดินของตนเองเมื่อหาเช่าที่ไม่ได้ก็มักเข้าไปบุกรุกที่ป่าซึ่งสร้างปัญหาตามมาอีกสารพัดอย่าง ทั้งในด้านการทำลายระบบนิเวศและการทำลายป่าต้นน้ำที่ทำให้น้ำท่วมฉับพลันร้ายแรงยิ่งขึ้น
ผู้ไร้ที่ดินบางส่วนที่หาที่ดินทำนาทำไร่ไม่ได้ก็ทิ้งอาชีพทำไร่ทำนาไปแสวงหางานทำในเมืองและตามศูนย์การท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีก ไม่ว่าจะเป็นในด้านความแออัด ด้านแหล่งเสื่อมโทรมและด้านการทำมาหากินกับเศรษฐกิจใต้ดินชนิดต่างๆ นอกจากนั้น ยังมีบางส่วนที่ยอมทุกข์ทนอยู่กับความยากจนต่อไปและหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตในชนบท ความหมดหวังและการว่างงานสร้างทั้งความเสียหายในด้านสังคมและความสูญเปล่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก ฉะนั้น หากรัฐบาลไม่เก็บภาษีที่ดินรกร้างว่างเปล่าแบบก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องออกกฎหมายให้ผู้ต้องการใช้ที่ดินว่างเปล่าเหล่านั้นสามารถนำมาใช้ได้โดยไม่ต้องเสียค่าเช่า
นอกจากจะซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไรและปล่อยทิ้งไว้ให้รกร้างว่างเปล่าแล้ว บรรดาเศรษฐียังมีการบริโภคแบบเมามันด้วยการสร้างที่อยู่อาศัยคล้ายปราสาทราชวังอีกด้วย สิ่งปลูกสร้างอันแสนหรูหราจำพวกนี้ควรจะเสียภาษีในอัตราสูงมากๆ เนื่องจากมันเป็นการบริโภคแบบสุดโต่งซึ่งทำลายทรัพยากรโลกที่มีอยู่อย่างจำกัดและขัดกับแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งรัฐบาลพูดว่าจะน้อมนำมาเป็นกรอบของการบริหารเศรษฐกิจ การไม่ยอมเก็บภาษีด้านนี้จึงตีความหมายได้ว่า รัฐบาลนี้ดีแต่พูด
การทำลายทรัพยากรโลกซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดนับวันจะร้ายแรงยิ่งขึ้นเพราะปัจจัยสองอย่างคือ ประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นซึ่งจะถึง 7 พันล้านคนในปีนี้และแต่ละคนต้องการใช้ทรัพยากรเพื่อการบริโภคเพิ่มขึ้น เมืองไทยมีส่วนทำให้ปัญหาร้ายแรงขึ้นด้วยเพราะจำนวนคนไทยยังเพิ่มขึ้นทุกวันและการบริโภคของแต่ละคนก็เพิ่มขึ้น แน่ละ ส่วนหนึ่งของการเพิ่มขึ้นนั้นมาจากการบริโภคแบบเมามันเพื่อโอ้อวดกันของบรรดามหาเศรษฐีที่สร้างที่อยู่อาศัยเสียใหญ่โตดังกับปราสาทราชวัง
อนึ่ง เนื่องจากชาวโลกส่วนใหญ่และไทยใช้การบริหารจัดการเศรษฐกิจตามแนวตลาดเสรี การบริโภคแบบสุดโต่งนี้บรรดามหาเศรษฐีย่อมมีสิทธิทำได้ตามใจปรารถนา แต่เนื่องจากพวกเขาทำลายทรัพยากรโลกในอัตราสูงกว่าบุคคลทั่วไป ฉะนั้น พวกเขาจึงควรจะจ่ายภาษีในอัตราสูงกว่าด้วย นั่นเป็นหลักของการสร้างแรงจูงใจซึ่งรัฐบาลทำได้โดยไม่ขัดกับหลักตลาดเสรี นอกจากนั้น การเก็บภาษีในแนวอัตราก้าวหน้าแบบนี้ยังอยู่ในกรอบของแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอีกด้วย (รายละเอียดมีอยู่ในหนังสือชื่อ “ทางข้ามเหว : แนวคิดสำหรับแก้วิกฤตไทย” ซึ่งรัฐมนตรีบางคนมีอยู่ในมือแล้ว)
เนื่องจากคงอีกไม่นานจะมีการเลือกตั้งทั่วไป หากรัฐบาลต้องการจะกลับมาบริหารประเทศอีกหนึ่งสมัย เหลือเวลาอีกไม่นานที่รัฐบาลจะต้องพิสูจน์ว่าตนมีความกล้าที่จะทำสิ่งที่ควรทำตามที่ตนพูดไว้ หากไม่ทำ หรือทำไม่ได้ก็ไม่ควรมีหน้าออกมาเสนอตัว