ตรัง - ชาวห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ค้านรังวัดที่ทำกินดั้งเดิม หลังพบว่ามีการขอออกโฉนดที่ดินให้กับนายกเทศมนตรีตำบลวังวิเศษ ขณะที่เจ้าตัวแจงซื้อที่ดินมาจากของเดิมถูกต้อง
กลุ่มชาวบ้านประมาณ 50 คน ได้เดินทางไปรวมตัวกันที่บริเวณบ้านเลขที่ 98 หมู่ที่ 8 บ้านยูงงาม ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เพื่อคัดไม่ให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินห้วยยอด ทำการรางวัดที่ดิน 160 ไร่ ที่มีชาวบ้านอาศัยทำกินในพื้นที่ดังกล่าวมานานร่วม 40 ปี
ทั้งนี้ นายสมยศ ทองเกื้อ อยู่บ้านเลขที่ 124 หมู่ที่ 8 ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด ตัวแทนชาวบ้านอ้างว่า ตนและชาวบ้านอีก 12 ครัวเรือน ได้อาศัยอยู่ในที่ดินผืนดังกล่าวมานานถึง 3 ชั่วอายุคน ซึ่งบรรพบุรุษของตนได้เข้ามาจับจองที่ผืนดังกล่าว เป็นที่ดิน ทำกิน และอยู่อาศัย ตั้งแต่ปี 2503
อีกทั้งตลอดเวลาที่พวกตนอาศัยทำกินอยู่ในที่ดินผืนดังกล่าว ไม่ปรากฏว่า มีบุคคลใดมาแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนี้ รวมทั้งยังได้จ่ายภาษีที่ดินติดต่อกันเรื่อยมา 30-40 ปี แล้ว แต่เมื่อต้นปี 2554 ได้มีหนังสือแจ้งมายังชาวบ้านที่ครอบครองที่ดินดังกล่าว ว่า มีการขอออกโฉนดที่ดินให้กับ นายชวน ครุฑธิราช นายกเทศมนตรี ต.วังวิเศษ อ.วังวิเศษ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลกระทบให้กลุ่มชาวบ้านที่อาศัยอยู่เดิมไม่มีที่ดินทำกิน ดังนั้น จึงรวมตัวกันยื่นฟ้อง นายชวน ต่อศาลจังหวัดตรัง ซึ่งศาลมีกำหนดนัดไต่สวนในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ในขณะที่ นายชวน ครุฑธิราช นายกเทศมนตรี ต.วังวิเศษ อ้างว่า ตนได้ติดต่อซื้อที่ดินผืนดังกล่าว เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จาก นายภักดี กุลบุญ ชาวบ้านในพื้นที่ ด้วยราคา 13 ล้านบาท ในเนื้อที่ 160 ไร่ โดยก่อนจะทำสัญญาซื้อขายที่ดินแปลงดังกล่าว ตนก็ได้เข้ามาสำรวจพื้นที่ดังกล่าว และไม่ปรากฎว่ามีชาวบ้านรายใดออกมาคัดค้าน บวกกับการที่ตนได้ตรวจดูเอกสารต่างๆ จากผู้ขาย ก็พบว่าถูกต้องครบถ้วน จึงตัดสินใจตกลงทำสัญญาซื้อขายกัน ส่วนการดำเนินการในขั้นตอนต่อไปนั้น ขอให้ศาลเป็นผู้พิจารณา
ทั้งนี้ จากรายงานข่าวแจ้งว่า ที่ดินผืนดังกล่าวเป็นของ ตระกูลกุลบุญ และเดิมเป็นพื้นที่รกร้าง แต่ต่อมาได้มีกลุ่มชาวบ้านได้เข้ามาจับจองแผ้วถางทำกิน และทำประโยชน์ในที่ดิน ทั้งการปลูกยางพาราและปาล์มน้ำมัน โดยได้จ่ายภาษีให้อบต.ห้วยนาง ตลอดมา รวมทั้งยังถือเอกสารสิทธิ การครอบครองที่ดินเป็น นส.3 ก. โดยที่ก่อนหน้านี้ ตระกูลกุลบุญ ไม่เคยออกแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของ
กระทั่งต่อมาเมื่อมีเจ้าหน้าที่ที่ดินได้เข้ามาทำการรังวัดที่ดินแปลงดังกล่าว จึงทำให้กลุ่มชาวบ้านรับทราบเรื่อง และเกิดการคัดค้านกันขึ้น
