วานนี้(19ม.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จะมีการนัดหารือร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลในวันจันทร์ที่ 24 ม.ค.นี้ ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยเสนอสูตรส.ส.ใหม่เป็น 400+125 นั้น ตนไม่ทราบว่า ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญมีการแปรญัตติหรือไม่ ซึ่งโดยหลักแล้วก็จะให้ให้เลือกระหว่างมติกรรมาธิการฯคือ375+125 กับผู้ที่สงวนแปรคำญัตติไว้คือ 400+100 ส่วนที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย เสนอสูตร 400+125 โดยอ้างว่า เพื่อเป็นการผ่าทางตันนั้น ตรงนี้ตนไม่ทราบ ไม่รู้มีใครสงวนแปรญัตติไว้หรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบมีแค่เพียง 400+100 ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ หากไม่มีใครสงวนแปรญัตติไว้ก็คงไม่สามารถเป็นไปได้ แต่ส่วนตัวเห็นว่า สูตร 375+125 มีเหตุผลรองรับอยู่แล้ว
ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยเสนอมา เพราะคิดว่าจะได้วินๆ สำหรับนักการเมืองด้วยกันทุกฝ่าย นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่หรอก เพราะเหตุผลของการลดจาก 400 มาเป็น 375 มันรองรับปัญหาในเรื่องของเขตขนาดเล็กด้วย แต่ถ้าเกิดเป็น 400 ก็ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเหตุผลที่คณะกรรมการ ศึกษา และพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี นายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ เป็นประธาน เสนอมา และเป็นเหตุผลที่ในส่วนของตนในฐานะพรรคประชาธิปัตย์ถึงยอมรับได้ แต่ถ้าเปลี่ยนกลับไปเป็น 400 ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมองไม่เห็นว่า จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่พรรคเคยท้วงติงไว้อย่างไร ซึ่งขณะนี้พรรคก็ยังยืนยันไว้ในจุดเดิม
ทั้งนี้ ทางวิปรัฐบาลจะต้องคุยกันเองก่อน และวันที่ 24 ม.ค.จะได้มีการพบปะกันโดยหวังว่าจะทำได้ดีที่สุดคือ ทุกพรรคเป็นเอกภาพ และเดินหน้าทำเรื่องนี้ต่อ และเชื่อว่าจะสามารถลงมติตามที่เคยรับหลักการในวาระแรกและจริงๆ คณะกรรมาธิวิสามัญพิจารณาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ได้ข้อยุติแล้วก็อยากจะให้สนับสนุน ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องได้พูดคุยกันก่อน
** ปูด“มาร์ค”อาจยุบสภาหากพรรคร่วมเมิน
อีกด้านภายหลังกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ได้ให้ส.ส.มาชี้แจงตามที่ได้เสนอคำแปรญัตติแล้ว ซึ่งได้ข้อสรุปว่า มีส.ส.ที่สงวนคำแปรญัตติ ในประเด็น 93 จำนวน ส.ส. ตามสูตร 400+100 และ 400 +125 นั้น ทางส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ว่าความเห็นของส.ส.ที่ไม่เป็นไปตามกมธ.แก้รัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก ที่ยืนตามสูตร 375+125 อาจจะกลายเป็นความขัดแย้ง ซึ่งภายในวันที่ 22-23 ม.ค.แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องรีบเคลียร์ปัญหาดังกล่าวกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ นายกฯ อาจตัดสินใจประกาศยุบสภา
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์ตามสถานการณ์แล้ว หากนายกฯประกาศยุบสภาช่วงปลายเดือนมกราคม ก็จะเป็นผลดี เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้มีความได้เปรียบ และมีความพร้อมที่จะเลือกตั้งมากที่สุด เมื่อเทียบกับพรรคการเมืองคู่แข่ง คือ พรรคเพื่อไทย ที่ขณะนี้มีปัญหาขัดแย้งภายในพรรค และที่ผ่านมารัฐบาลประชาธิปัตย์ได้ทำผลงานมาเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งต่อไปยังคงใช้สูตรเดิมตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ว่าเขตใหญ่เรียงเบอร์ และจำนวนส.ส.รวม 480 คน ส่วนปัญหาการชุมนุมนั้นก็จะสามารถตัดปัญหาได้เลยในทันที เพราะหากมีการยุบสภาก็จะไม่มีเงื่อนไขใดให้กลุ่มพันธมิตรประชาชเพื่อประชาธิปไตยปลุกคนมาชุมนุมอีก
**หวั่นส.ว.สรรหาลาออกขัด มาตรา 115(9)
นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า วิปรัฐบาลได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมการเปิดประชุมร่วมรัฐสภาสมัยสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 2 ประเด็นในวันที่ 25 ม.ค.54
ประกอบกับนายกรัฐมนตรีต้องการแสดงความจริงใจที่อยากให้ข้อเสนอของฝ่ายวิชาการนำไปสู่การปฏิบัติ และป้องกันข้อกังวลในเรื่ององค์ประชุมที่มีข่าวว่า ส.ว.สรรหา บางส่วนจะลาออกในวันที่ 15 ก.พ.ก่อนที่จะครบวาระวันที่ 18 ก.พ.เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการสรรหา ส.ว.ในรอบใหม่
**ย้ำลาออกเกิน 5 %ก็ครบองค์ประชุม
ทั้งนี้การลาออกก่อนครบวาระดังกล่าวของ ส.ว.เชื่อว่าจะไม่มีผลอะไรต่อองค์ประชุม เพราะหากตีความตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 118 แล้ว การพ้นจากตำแหน่งกำหนดว่าต้องพ้นจากวาระ 5 ปีก่อน นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังกำหนดไว้ว่าให้นับองค์ประชุมจากจำนวน ส.ว.เท่าที่เหลืออยู่
นายวิทยา ยังกล่าวด้วยว่า วิปรัฐบาลจะเลื่อนงานเลี้ยงสังสรรค์วิปรัฐบาลจากวันที่ 25 ม.ค.นี้มาเป็นวันที่ 24 ม.ค. เนื่องจากเห็นว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 คงไม่จบภายในวันเดียว โดยคาดว่าอาจต้องใช้เวลา 2 วัน และจะให้มีการถ่ายทอดสด 2 วัน แต่หากจำเป็นต้องขยายเวลาออกไปก็จะต้องหารือกันก่อน 3 ฝ่ายทั้งวิปรัฐบาล, วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิ ซึ่งหลังจากพิจารณาวาระ 2 จบแล้วจะต้องทิ้งช่วง 15 วัน เพื่อให้ ส.ส.ได้กลับไปรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ก่อนที่จะกลับมาลงมติ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ในส่วนของรัฐบาลเองยังไม่มีข้อยุติในเรื่องสูตร ส.ส.ว่าจะเป็น 375+125 หรือ 400+100 หรือจะเป็นสูตรอื่นที่มีการเสนอทางเลือกเข้ามา ดังนั้นจะต้องให้คณะกรรมาธิการฯ ได้หารือให้เรียบร้อยก่อนจากนั้นวิปรัฐบาลคงจะได้คุยเรื่องนี้กันในวันที่ 24 ม.ค.
นายวิทยา กล่าวว่า หากข้อเสนอของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา ก็คงจะต้องเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของรัฐสภา แต่คงไม่ถึงขึ้นกับต้องยุบสภา เพราะการยุบสภาเป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
**ปธ.วิปรัฐค้านสูตร ภท.
นายวิทยา เปิดเผยว่า ในวันนี้ (20 ม.ค.) เวลา 16.00 น. จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือในเรื่องต่างๆ ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยเสนอสูตรใหม่นั้น ส่วนตัวเห็นว่าเป็นสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกของประชาชน ที่ต้องการลดจำนวนส.ส. แต่ประเด็นที่กรรมาธิการฯเสนอระบุไว้ว่า เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของพรรคการเมือง และไม่อยากให้เกิดผลกระทบในการลงพื้นที่พบปะประชาชน จึงเสนอสูตร 400 + 125 ขึ้นมา ซึ่งก็ต้องคำนึงความรู้สึกประชาชนด้วย
“ผู้ที่สงวนคำแปรญัตติที่สูตร 400+100 ตัวเลขก็มากพอสมควรแล้ว หากเพิ่มจำนวน ส.ส.อีกคง สนุกสนานไปกันใหญ่ ซึ่งผมอยากให้คำนึงถึงกรอบด้วย เดิมพรรคภูมิใจไทยเขาต้องการวันแมนวันโหวต ตอนนี้ก็ได้แล้ว ส่วนจำนวนส.ส.จะเป็นเท่าไรนั้น ผมว่าไม่ได้กระเทือนโครงสร้างของพรรคการเมือง” นายวิทยา กล่าว
**ภท.ชู400 + 125 ให้ กมธ.พรรคแจง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ถือเป็นนานาจิตตัง พรรคประชาธิปัตย์มีข้อเสนอที่โหวตผ่านไปแล้ว คือ 17 ต่อ 17+1 ในเรื่องของสัดส่วน ส.ส.สูตร 400+125 คน แต่กระบวนการถือว่ายังไม่จบเพราะยังต้องประชุมอีก 2 ครั้ง ส่วนแนวคิด 400/125 จะนำไปหารือกับพรรคร่วมอื่นๆ หรือไม่ ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนามีท่าทีเห็นด้วย นายชวรัตน์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการ
**ส.ว.เสนอสูตรที่มาส.ส.หลากหลาย
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย ฉบับที่ .. พ.ศ... โดยมีนายเทอดพงษ์ ไชยนันท์ ประธานคณะกรรมาธิการทำหน้าที่ประธานการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณาคำขอแปรญัตติต่อจากวันที่ 18 ม.ค. โดยเป็นการเสนอคำแปรญัตติของสมาชิกวุฒิสภา โดยมีส.ว.เสนอคำแปรญัตติมาตรา 190 และมาตรา 93-98 รวมจำนวน 46 ราย โดยส.ว.ส่วนใหญ่ที่เสนอคำแปรญัตติให้ความสนใจกับประเด็นเสัดส่วนส.ส.
น.ส.รสนา กล่าวว่า ขอเสนอสัดส่วน 375+100 โดยให้เหตุผลว่า เมื่อต้องการระบบเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวตก็เสนอให้เอาจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งแล้วกำหนดให้มีส.ส.ระบบเขต 375 คนจะเหมาะสมที่สุด เป็นระบบเขตเดียวเบอร์เดียว การซื้อเสียงจะทำได้ยากขึ้น ส่วนจำนวนส.ส.ระบบสัดส่วนมีแค่ 100 คน ก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องมีมาก สัดส่วนที่เสนอน่าจะตรงกับความต้องการของคนที่อยากได้ระบบเลือกตั้งแบบเขตใหญ่ที่ประชาชนมีสิทธิเลือกผู้แทนเต็มที่ขณะเดียวกันมีการเพี่มจำนวนส.ส.ระบบสัดส่วนมากขึ้นกว่าเดิมถึง 20 คนซึ่งน่าจะเพียงพอแล้ว
นายสมชาย กล่าวว่า ขอเสนอสัดส่วน 350 +150 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความต้องการเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองแต่ไม่มีความถนัดทางการเมืองได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในสภา รวมถึงจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองขนาดเล็ก ได้มีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น สำหรับจำนวนส.ส.เลือกตั้งเห็นว่าจำนวนส.ส.เขต 350 คน น่าจะเหมาะสมที่จะดูแลบ้านเมืองได้
**“ปู่ชัย” ไฟเขียวประชุมแก้รธน. 25 ม.ค.
วันเดียวกันนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า เมื่อได้รับรายงานคณะกรรมาธิการฯแล้วจะต้องส่งเอกสารรายงานให้สมาชิกรัฐสภารับทราบล่วงหน้าก่อนการประชุม 3 วันตามข้อบังคับ อย่างไรก็ตามหากมีการส่งรายงานเข้ามาจะแจ้งให้สมาชิกรัฐสภารับทราบได้ในวันที่ 21 ม.ค.
สำหรับขั้นตอนในการพิจารณาวาระ2 ในวันที่ 25 ม.ค.มั่นใจว่าใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เพียงพอไม่มีปัญหาอะไรถ้าไม่เสร็จก็ปล่อยให้อภิปรายทั้งวันทั้งคืนเพราะเป็นการพูดในเนื้อหาเดียวกันเรื่องเดิมๆประชาชนที่ฟังอยู่ก็คงเอือมระอาถ้าพูดซ้ำไปซ้ำมาและในวาระ 2 สมาชิกรัฐสภาที่จะอภิปรายได้ก็มีเฉพาะผู้ขอสงวนคำแปรญัตติเท่านั้น ทั้งนี้เชื่อว่าส.ส.เองอยากให้เสร็จเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าเขตเลือกตั้งจะใหญ่หรือเล็ก ส.ส.และพรรคการเมืองจะเตรียมตัวได้ถูกต้อง
**โปรดเกล้าฯเรียกประชุมรัฐสภาสมัยทั่วไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า วันเดียวกันนี้ได้มีพระราชกฤษฏีกา เรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไป โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้วันณ วันที่ 12 ม.ค.2554ให้ประกาศว่าสมควรเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไปสำหรับปี 2554 ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.2554 ตามความในมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อาศัยตามความในมาตรา 128 และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไปตั้งแต่วันที่ 21ม.ค. 2554 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ.
**ปธ.กมธ.ระบุแก้ไข2มาตราเสร็จแล้ว
นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า การแปรญัตติในวันเดียวกันนี้ถือว่าเสร็จสิ้นทั้งสองมาตราแล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบเอกสารในรายละเอียด รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ทำการพิมพ์ การแปรญัตติของส.ส.และส.ว. ซึ่งถ้าหากในวันที่ 20 ม.ค. เจ้าหน้าที่สามารถพิมพ์เรียบร้อย ก็สามารถยื่นต่อประธานรัฐสภาได้เลย แต่ถ้าหากเอกสารการจัดพิมพ์ยังไม่เรียบร้อย ก็อาจจะยื่นเอกสารได้ในวันทื่ 21 ม.ค.
**งูเห่า ภท.ขอแปรญัตติ 375+125
นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ในชั้นการพิจารณาของกมธ.นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เป็นผู้แปรญัตติสูตรของพรรคภูมิใจไทยไว้ ซึ่งโดยขั้นตอนในกมธ.กำหนดให้ส.ส.สามารถเสนอแปรญัตติได้ภายใน 15 วัน และถ้าส.ส.คนดังกล่าวชี้แจงเหตุผลแล้ว กมธ.เห็นด้วยก็จะคงไว้ตามร่างเดิม และส.ส.มีสิทธิขอสงวนแปรญัตติไว้ และเมื่อมีการพิจารณาในวาระที่ 2 ในชั้นการพิจารณาของที่ประชุมสภา ทุกคนที่สงวนคำแปรญัตติไว้มีสิทธิที่จะเสนอต่อที่ประชุม โดยสูตร 400+125 และสูตร 400+100 มีการขอสงวนแปรญัตติไว้
** “เพื่อไทย”เรียกประชุมส.ส.24ม.ค.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ได้นัดประชุมส.ส.ในวันจันทร์ที่ 24 ม.ค.เวลา 13.00 น.เพื่อรับฟังความเห็นของส.ส. รวมทั้งเพื่อกำหนดท่าทีของพรรค
ส่วนการที่แกนนำพรรคภูมิใจไทยออกมาเปิดสูตรใหม่นั้น พรรคเพื่อไทยมองว่าเรื่องนี้เป็นปฏิกิริยาทางการเมืองที่ต้องการต่อรองทางการเมือง ซึ่งสุดท้ายแล้วพรรครัฐบาลก็คงจะเกี้ยเซี้ยะให้กันเพื่อที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสามารถผ่านไปได้
ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยเสนอมา เพราะคิดว่าจะได้วินๆ สำหรับนักการเมืองด้วยกันทุกฝ่าย นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่หรอก เพราะเหตุผลของการลดจาก 400 มาเป็น 375 มันรองรับปัญหาในเรื่องของเขตขนาดเล็กด้วย แต่ถ้าเกิดเป็น 400 ก็ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งตรงนี้ถือเป็นเหตุผลที่คณะกรรมการ ศึกษา และพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่มี นายสมบัติ ธำรงธัญญวงศ์ เป็นประธาน เสนอมา และเป็นเหตุผลที่ในส่วนของตนในฐานะพรรคประชาธิปัตย์ถึงยอมรับได้ แต่ถ้าเปลี่ยนกลับไปเป็น 400 ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังมองไม่เห็นว่า จะเป็นการแก้ไขปัญหาที่พรรคเคยท้วงติงไว้อย่างไร ซึ่งขณะนี้พรรคก็ยังยืนยันไว้ในจุดเดิม
ทั้งนี้ ทางวิปรัฐบาลจะต้องคุยกันเองก่อน และวันที่ 24 ม.ค.จะได้มีการพบปะกันโดยหวังว่าจะทำได้ดีที่สุดคือ ทุกพรรคเป็นเอกภาพ และเดินหน้าทำเรื่องนี้ต่อ และเชื่อว่าจะสามารถลงมติตามที่เคยรับหลักการในวาระแรกและจริงๆ คณะกรรมาธิวิสามัญพิจารณาเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ได้ข้อยุติแล้วก็อยากจะให้สนับสนุน ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นก็ต้องได้พูดคุยกันก่อน
** ปูด“มาร์ค”อาจยุบสภาหากพรรคร่วมเมิน
อีกด้านภายหลังกมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ได้ให้ส.ส.มาชี้แจงตามที่ได้เสนอคำแปรญัตติแล้ว ซึ่งได้ข้อสรุปว่า มีส.ส.ที่สงวนคำแปรญัตติ ในประเด็น 93 จำนวน ส.ส. ตามสูตร 400+100 และ 400 +125 นั้น ทางส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้ประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ ว่าความเห็นของส.ส.ที่ไม่เป็นไปตามกมธ.แก้รัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก ที่ยืนตามสูตร 375+125 อาจจะกลายเป็นความขัดแย้ง ซึ่งภายในวันที่ 22-23 ม.ค.แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องรีบเคลียร์ปัญหาดังกล่าวกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ นายกฯ อาจตัดสินใจประกาศยุบสภา
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อวิเคราะห์ตามสถานการณ์แล้ว หากนายกฯประกาศยุบสภาช่วงปลายเดือนมกราคม ก็จะเป็นผลดี เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ขณะนี้มีความได้เปรียบ และมีความพร้อมที่จะเลือกตั้งมากที่สุด เมื่อเทียบกับพรรคการเมืองคู่แข่ง คือ พรรคเพื่อไทย ที่ขณะนี้มีปัญหาขัดแย้งภายในพรรค และที่ผ่านมารัฐบาลประชาธิปัตย์ได้ทำผลงานมาเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งต่อไปยังคงใช้สูตรเดิมตามรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ว่าเขตใหญ่เรียงเบอร์ และจำนวนส.ส.รวม 480 คน ส่วนปัญหาการชุมนุมนั้นก็จะสามารถตัดปัญหาได้เลยในทันที เพราะหากมีการยุบสภาก็จะไม่มีเงื่อนไขใดให้กลุ่มพันธมิตรประชาชเพื่อประชาธิปไตยปลุกคนมาชุมนุมอีก
**หวั่นส.ว.สรรหาลาออกขัด มาตรา 115(9)
นายวิทยา แก้วภราดัย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) เปิดเผยว่า วิปรัฐบาลได้หารือถึงการเตรียมความพร้อมการเปิดประชุมร่วมรัฐสภาสมัยสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญใน 2 ประเด็นในวันที่ 25 ม.ค.54
ประกอบกับนายกรัฐมนตรีต้องการแสดงความจริงใจที่อยากให้ข้อเสนอของฝ่ายวิชาการนำไปสู่การปฏิบัติ และป้องกันข้อกังวลในเรื่ององค์ประชุมที่มีข่าวว่า ส.ว.สรรหา บางส่วนจะลาออกในวันที่ 15 ก.พ.ก่อนที่จะครบวาระวันที่ 18 ก.พ.เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการสรรหา ส.ว.ในรอบใหม่
**ย้ำลาออกเกิน 5 %ก็ครบองค์ประชุม
ทั้งนี้การลาออกก่อนครบวาระดังกล่าวของ ส.ว.เชื่อว่าจะไม่มีผลอะไรต่อองค์ประชุม เพราะหากตีความตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 118 แล้ว การพ้นจากตำแหน่งกำหนดว่าต้องพ้นจากวาระ 5 ปีก่อน นอกจากนี้รัฐธรรมนูญยังกำหนดไว้ว่าให้นับองค์ประชุมจากจำนวน ส.ว.เท่าที่เหลืออยู่
นายวิทยา ยังกล่าวด้วยว่า วิปรัฐบาลจะเลื่อนงานเลี้ยงสังสรรค์วิปรัฐบาลจากวันที่ 25 ม.ค.นี้มาเป็นวันที่ 24 ม.ค. เนื่องจากเห็นว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 คงไม่จบภายในวันเดียว โดยคาดว่าอาจต้องใช้เวลา 2 วัน และจะให้มีการถ่ายทอดสด 2 วัน แต่หากจำเป็นต้องขยายเวลาออกไปก็จะต้องหารือกันก่อน 3 ฝ่ายทั้งวิปรัฐบาล, วิปฝ่ายค้าน และวิปวุฒิ ซึ่งหลังจากพิจารณาวาระ 2 จบแล้วจะต้องทิ้งช่วง 15 วัน เพื่อให้ ส.ส.ได้กลับไปรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ก่อนที่จะกลับมาลงมติ
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ในส่วนของรัฐบาลเองยังไม่มีข้อยุติในเรื่องสูตร ส.ส.ว่าจะเป็น 375+125 หรือ 400+100 หรือจะเป็นสูตรอื่นที่มีการเสนอทางเลือกเข้ามา ดังนั้นจะต้องให้คณะกรรมาธิการฯ ได้หารือให้เรียบร้อยก่อนจากนั้นวิปรัฐบาลคงจะได้คุยเรื่องนี้กันในวันที่ 24 ม.ค.
นายวิทยา กล่าวว่า หากข้อเสนอของรัฐบาลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมร่วมรัฐสภา ก็คงจะต้องเป็นความรับผิดชอบร่วมกันของรัฐสภา แต่คงไม่ถึงขึ้นกับต้องยุบสภา เพราะการยุบสภาเป็นอำนาจการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี
**ปธ.วิปรัฐค้านสูตร ภท.
นายวิทยา เปิดเผยว่า ในวันนี้ (20 ม.ค.) เวลา 16.00 น. จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อหารือในเรื่องต่างๆ ส่วนที่พรรคภูมิใจไทยเสนอสูตรใหม่นั้น ส่วนตัวเห็นว่าเป็นสิ่งที่ขัดกับความรู้สึกของประชาชน ที่ต้องการลดจำนวนส.ส. แต่ประเด็นที่กรรมาธิการฯเสนอระบุไว้ว่า เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของพรรคการเมือง และไม่อยากให้เกิดผลกระทบในการลงพื้นที่พบปะประชาชน จึงเสนอสูตร 400 + 125 ขึ้นมา ซึ่งก็ต้องคำนึงความรู้สึกประชาชนด้วย
“ผู้ที่สงวนคำแปรญัตติที่สูตร 400+100 ตัวเลขก็มากพอสมควรแล้ว หากเพิ่มจำนวน ส.ส.อีกคง สนุกสนานไปกันใหญ่ ซึ่งผมอยากให้คำนึงถึงกรอบด้วย เดิมพรรคภูมิใจไทยเขาต้องการวันแมนวันโหวต ตอนนี้ก็ได้แล้ว ส่วนจำนวนส.ส.จะเป็นเท่าไรนั้น ผมว่าไม่ได้กระเทือนโครงสร้างของพรรคการเมือง” นายวิทยา กล่าว
**ภท.ชู400 + 125 ให้ กมธ.พรรคแจง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ถือเป็นนานาจิตตัง พรรคประชาธิปัตย์มีข้อเสนอที่โหวตผ่านไปแล้ว คือ 17 ต่อ 17+1 ในเรื่องของสัดส่วน ส.ส.สูตร 400+125 คน แต่กระบวนการถือว่ายังไม่จบเพราะยังต้องประชุมอีก 2 ครั้ง ส่วนแนวคิด 400/125 จะนำไปหารือกับพรรคร่วมอื่นๆ หรือไม่ ในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนามีท่าทีเห็นด้วย นายชวรัตน์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการ
**ส.ว.เสนอสูตรที่มาส.ส.หลากหลาย
ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักไทย ฉบับที่ .. พ.ศ... โดยมีนายเทอดพงษ์ ไชยนันท์ ประธานคณะกรรมาธิการทำหน้าที่ประธานการประชุม ที่ประชุมได้พิจารณาคำขอแปรญัตติต่อจากวันที่ 18 ม.ค. โดยเป็นการเสนอคำแปรญัตติของสมาชิกวุฒิสภา โดยมีส.ว.เสนอคำแปรญัตติมาตรา 190 และมาตรา 93-98 รวมจำนวน 46 ราย โดยส.ว.ส่วนใหญ่ที่เสนอคำแปรญัตติให้ความสนใจกับประเด็นเสัดส่วนส.ส.
น.ส.รสนา กล่าวว่า ขอเสนอสัดส่วน 375+100 โดยให้เหตุผลว่า เมื่อต้องการระบบเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวตก็เสนอให้เอาจังหวัดเป็นเขตเลือกตั้งแล้วกำหนดให้มีส.ส.ระบบเขต 375 คนจะเหมาะสมที่สุด เป็นระบบเขตเดียวเบอร์เดียว การซื้อเสียงจะทำได้ยากขึ้น ส่วนจำนวนส.ส.ระบบสัดส่วนมีแค่ 100 คน ก็เพียงพอแล้วไม่จำเป็นต้องมีมาก สัดส่วนที่เสนอน่าจะตรงกับความต้องการของคนที่อยากได้ระบบเลือกตั้งแบบเขตใหญ่ที่ประชาชนมีสิทธิเลือกผู้แทนเต็มที่ขณะเดียวกันมีการเพี่มจำนวนส.ส.ระบบสัดส่วนมากขึ้นกว่าเดิมถึง 20 คนซึ่งน่าจะเพียงพอแล้ว
นายสมชาย กล่าวว่า ขอเสนอสัดส่วน 350 +150 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความต้องการเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองแต่ไม่มีความถนัดทางการเมืองได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในสภา รวมถึงจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองขนาดเล็ก ได้มีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น สำหรับจำนวนส.ส.เลือกตั้งเห็นว่าจำนวนส.ส.เขต 350 คน น่าจะเหมาะสมที่จะดูแลบ้านเมืองได้
**“ปู่ชัย” ไฟเขียวประชุมแก้รธน. 25 ม.ค.
วันเดียวกันนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า เมื่อได้รับรายงานคณะกรรมาธิการฯแล้วจะต้องส่งเอกสารรายงานให้สมาชิกรัฐสภารับทราบล่วงหน้าก่อนการประชุม 3 วันตามข้อบังคับ อย่างไรก็ตามหากมีการส่งรายงานเข้ามาจะแจ้งให้สมาชิกรัฐสภารับทราบได้ในวันที่ 21 ม.ค.
สำหรับขั้นตอนในการพิจารณาวาระ2 ในวันที่ 25 ม.ค.มั่นใจว่าใช้เวลาเพียงวันเดียวก็เพียงพอไม่มีปัญหาอะไรถ้าไม่เสร็จก็ปล่อยให้อภิปรายทั้งวันทั้งคืนเพราะเป็นการพูดในเนื้อหาเดียวกันเรื่องเดิมๆประชาชนที่ฟังอยู่ก็คงเอือมระอาถ้าพูดซ้ำไปซ้ำมาและในวาระ 2 สมาชิกรัฐสภาที่จะอภิปรายได้ก็มีเฉพาะผู้ขอสงวนคำแปรญัตติเท่านั้น ทั้งนี้เชื่อว่าส.ส.เองอยากให้เสร็จเร็วเพื่อจะได้รู้ว่าเขตเลือกตั้งจะใหญ่หรือเล็ก ส.ส.และพรรคการเมืองจะเตรียมตัวได้ถูกต้อง
**โปรดเกล้าฯเรียกประชุมรัฐสภาสมัยทั่วไป
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า วันเดียวกันนี้ได้มีพระราชกฤษฏีกา เรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไป โดยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้วันณ วันที่ 12 ม.ค.2554ให้ประกาศว่าสมควรเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไปสำหรับปี 2554 ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.2554 ตามความในมาตรา 127 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย อาศัยตามความในมาตรา 128 และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญทั่วไปตั้งแต่วันที่ 21ม.ค. 2554 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ.
**ปธ.กมธ.ระบุแก้ไข2มาตราเสร็จแล้ว
นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ กล่าวว่า การแปรญัตติในวันเดียวกันนี้ถือว่าเสร็จสิ้นทั้งสองมาตราแล้ว เหลือเพียงการตรวจสอบเอกสารในรายละเอียด รวมถึงให้เจ้าหน้าที่ทำการพิมพ์ การแปรญัตติของส.ส.และส.ว. ซึ่งถ้าหากในวันที่ 20 ม.ค. เจ้าหน้าที่สามารถพิมพ์เรียบร้อย ก็สามารถยื่นต่อประธานรัฐสภาได้เลย แต่ถ้าหากเอกสารการจัดพิมพ์ยังไม่เรียบร้อย ก็อาจจะยื่นเอกสารได้ในวันทื่ 21 ม.ค.
**งูเห่า ภท.ขอแปรญัตติ 375+125
นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ในชั้นการพิจารณาของกมธ.นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย เป็นผู้แปรญัตติสูตรของพรรคภูมิใจไทยไว้ ซึ่งโดยขั้นตอนในกมธ.กำหนดให้ส.ส.สามารถเสนอแปรญัตติได้ภายใน 15 วัน และถ้าส.ส.คนดังกล่าวชี้แจงเหตุผลแล้ว กมธ.เห็นด้วยก็จะคงไว้ตามร่างเดิม และส.ส.มีสิทธิขอสงวนแปรญัตติไว้ และเมื่อมีการพิจารณาในวาระที่ 2 ในชั้นการพิจารณาของที่ประชุมสภา ทุกคนที่สงวนคำแปรญัตติไว้มีสิทธิที่จะเสนอต่อที่ประชุม โดยสูตร 400+125 และสูตร 400+100 มีการขอสงวนแปรญัตติไว้
** “เพื่อไทย”เรียกประชุมส.ส.24ม.ค.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ได้นัดประชุมส.ส.ในวันจันทร์ที่ 24 ม.ค.เวลา 13.00 น.เพื่อรับฟังความเห็นของส.ส. รวมทั้งเพื่อกำหนดท่าทีของพรรค
ส่วนการที่แกนนำพรรคภูมิใจไทยออกมาเปิดสูตรใหม่นั้น พรรคเพื่อไทยมองว่าเรื่องนี้เป็นปฏิกิริยาทางการเมืองที่ต้องการต่อรองทางการเมือง ซึ่งสุดท้ายแล้วพรรครัฐบาลก็คงจะเกี้ยเซี้ยะให้กันเพื่อที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสามารถผ่านไปได้
